ในที่สุดก็ถึงวันที่ Audi A6 เจนเนอเรชั่นที่ 8 ถูกเผยโฉมเสียที เพราะการมาใหม่ของเข้ารถซีดาน 4 ประตูไซส์กลางคันนี้ไม่ได้มีเพียงความหล่อเท่านั้น เพราะความทันสมัยกับเรื่องความปลอดภัยถูกจัดเต็มเพื่อแข่งขันกับ Mercedes-Benz E-Class และ BMW Series 5 

 

Audi A6

Audi A6

 

ตลาดรถซีดานระดับผู้บริหารตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งขนาดคอมแพ็ค กลาง ไปจนถึงใหญ่ โดยค่ายรถสัญชาติเยอรมันทั้ง 3 แบรนด์ต่างมีรถในกลุ่มนี้ครบถ้วน แต่ดูเหมือนว่าออดี้จะเป็นรายล่าสุดที่เพิ่งปรับโฉม Audi A6 ซีดานหรูขนาดกลางใหม่หมดทั้งคัน เพื่อมาต่อกรกับ Mercedes-Benz E-Class รวมถึง BMW Series 5 ที่คว้ายอดขายไปเป็นกอบเป็นกำ และการมาใหม่ของ A6 ครั้งนี้ต้องเรียกว่าสร้างความน่าสนใจได้มาก

 

Audi A6

 

แรกเห็นภายนอกจะเห็นว่า Audi A6 มีมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย โดยหากวัดกันตามจริงจะมีความยาว 4,939 มม. (ยาวขึ้น 7 มม.) ความกว้าง 1,886 มม. (กว้างขึ้น 12 มม.) และมีความสูง 1,457 มม. (สูงขึ้น 2 มม.) นอกจากนี้ด้านหน้าก็หล่อเข้มกว่าเดิมด้วยการติดตั้งกระจังหน้าแนวนอนยาวเหมือนกับที่มีใน A4 กับ A8 พร้อมด้วยโคมไฟแอลอีดีกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ส่วนเส้นสายด้านข้างก็ลาก 3 เส้นแบบคมชัดสร้างอารมณ์แข็งแกร่งน่าเกรงขาม ทั้งนี้บั้นท้ายที่มีสัดส่วบอวบกลึงกำลังดี สอดรับกับไฟท้ายแอลอีดีแบบใหม่

 

Audi A6

Audi A6

 

ความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ A6 น่าใช้งานอย่างมากก็คือที่ภายในห้องโดยสาร เรียกว่าทุกสิ่งแตกต่างจากรุ่นก่อนทุกส่วน มีการนำระบบสาระบันเทิงรุ่นล่าสุดพร้อมจอสัมผัส 10.1 นิ้ว มาไว้แสดงข้อมูลความบันเทิง ส่วนอีกจอสัมผัสที่ถูกล่างถัดมาขนาด 8.6 นิ้วจะไว้ใช้ควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กับปรับตั้งค่าระบบภายในรถยนต์ และที่สำคัญคือมันมีหน้าจอ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้วไว้ให้ผู้ขับขี่ดูความเร็ว ระบบนำทาง และอื่นๆ ที่ตรงหน้าตำแหน่งคนขับโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่นั่งทั้งด้านหน้าและหลังก็มีมิติกับความสบายเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งเรื่องวัสดุตกแต่งที่ใช้ก็จัดอยู่ในระดับท็อปอีกต่างหาก

 

Audi A6

Audi A6

 

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตมากขึ้น ทางเจ้า A6 ได้เพิ่มระบบนำทางที่สามารถเรียนรู้เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อไปยังจุดหมาย แล้วยังมีระบบ Audi Connect ที่ทำให้ตัวรถสามารถสื่อสารกับระบบข้อมูลจราจร เพื่อให้รู้ว่าเส้นทางไหนมีการเปิดไฟเขียวไฟแดงบ่อยเท่าใด รวมถึงดูว่าบริเวณนั้นมีปริมาณรถหนาแน่นหรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นในแง่การช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้ขับได้ปลอดภัยกว่าเดิม A6 จะมาพร้อมเซนเซอร์ 12 จุด กับเรดาห์จำนวน 5 ตัว และมีเลเซอร์ไว้ช่วยให้คุณรู้ระยะห่างรวมถึงจอดรถได้สะดวกขึ้นมาก 

 

 

ภายใต้โครงรถอันดูหรูหรามีสไตล์ ทางออดี้กล่าวว่า A6 ใหม่สามารถขับขี่ได้เต็มอารมณ์สปอร์ตไม่แพ้รถคันไหน คือจะรู้สึกเหมือนกับกำลังขับรถขนาดเล็กกว่า ด้วยการออกแบบช่วงล่างใหม่ที่หันมาใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก ยิ่งเมื่อติดตั้งคู่กับล้ออัลลอย 21 นิ้ว ที่รัดด้วยยางแก้มเตี้ย ทั้งหมดทำให้การขับขี่มีความหนึบแน่นและสนุกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็น และที่สำคัญคือแม้จะได้ความเพลิดเพลินเต็มที่ ทว่าเรื่องความสบายก็ไม่ได้หนีหายไปแต่อย่างใด ในส่วนพวงมาลันมีการเพิ่มฟีเจอร์เลี้ยวด้วยล้อทั้งสี่ ที่ส่งผลให้การเลี้ยวเลาะในที่แคบๆ เป็นได้แบบง่ายดายและคล่องแคล่วไม่แพ้รถคันเล็ก

 

 

สำหรับประเด็นขุมพลังหลักที่มีให้เลือกใน A6 ทางผู้ผลิตเตรียมเครื่องเบนซิน V6 TFSI 3.0 ลิตร 340 แรงม้า กับเครื่องดีเซล TDI 3.0 ลิตร 286 แรงม้าไว้ให้ลูกค้าเลือกเพียง 2 รุ่นในช่วงแรกที่ออกจำหน่าย โดยทั้งคู่จะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 สปีด นอกจากนี้ติดตั้งระบบ Mild Hybrid ที่ทำให้รถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ที่ 55-160 กม./ชม. แบบไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ ทั้งนี้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro จะถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถทุกระดับ

ปิดท้ายด้วยราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มต้นที่ 50,000 เหรียญฯ หรือราว 1,800,000 บาท และเริ่มส่งมอบรถในช่วงปลายปีนี้ ส่วนบ้านเราทางผู้แทนจำหน่ายคงมีแผนจะนำเข้าเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดแน่นอน

 

Audi A6

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”492″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่