10 ปีที่แล้ว รถยนต์จากจีน เป้นที่ยี้ ของหลายคน เนื่องจาก พวกมันไม่น่าสนใจ แต่ มาวันนี้หลายคน แทบจะแดดิ้น ยอมนั่งรอตบยุง ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จากผู้ผลิตจีน นับเป้นปรากฏการณ์ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อน

ถ้ามองไปในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า จากประเทศจีน กลายเป็น ผู้เล่นสำคัญ ในตลาดกลุ่มนี้ ด้วย รถมากมายหลายแบบ แบรนด์มากมาย ที่เตรียม กรีฑาทัพเข้ามาเปิดขาย ให้ได้จับจอง จนหลายคน คงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม จีน กลายเป็น หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รายสำคัญของโลก ไม่แพ้ Tesla และ แบรนด์จากทางยุโรป

อันที่จริง จุดเริ่มต้นของ รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั้น ก็มีส่วนมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ในช่วงก่อนหน้านี้ ภายหลังจากเริ่มมีการเปิดประเทศ จีนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และ ด้วยคนที่มีประชากรจำนวนมาก ทำให้ ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม จากการใช้รถยนต์สันดาป ก่อปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM 2.5 และ อีกมากมาย จนเกิด ควันพิษ ในเมืองหลวง ถ้าจำได้

จียต้องมองหา หนทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงเริ่มมองหาแนวคิดในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เร็วกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ เนื่องจาก จีน มีทรัพยากรสำคัญ ที่ใช้ ผลิต มอเตอร์ไฟฟ้า ,แบตเตอร์รี อาทิเช่น แร่ Rare Earth , Lithium และ แื่นๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จึงนำมาสู่ แนวทาง การต่อยอดไปสู่ รถยนต์ไฟฟ้า จนเป้นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ เกิดความสำเร็จ ดั่งในปัจจุบัน

ที่จริงแล้ว เรื่องดังกล่าว เป็นที่ทราบกันดี และที่จริง เป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น ของเรื่องราวทั้ง จุดสำคัญจริงๆ คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน เคยตกอยู่ ภายใต้การถูกกกดดัน จากการถาโถม เข้ามาของผลิตจากต่างชาติ ในช่วงเปิดประเทศในช่วงแรก

ผู้ผลิตรถยนต์จาก จีน ขาดทั้งเทคโนโลยี รวมถึง องค์ความรู้ในการพัฒนา เครื่องยนต์สันดาป ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสู้กับ ตลาดรถยนต์สันดาป ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แม้ว่าจะมีการไล่ต้อน ซื้อแบรนด์ เพื่อมาทำตลาด แต่ก็จะได้ แบรนด์ ที่เก่าแก่และ ปิดไปแล้ว อาทิ MG , Lotus และ อีกมากมาย ที่เรา รู้ และไม่รู้

จีน จึงถูกกดดัน ให่ไปมองหา จุดเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าจะเป็นเทรนด์แห่งอนาคต จุดที่ผู้ผลิตจากประเทศอื่นยังไม่สนใจมากนัก หรือ เพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นาน

รถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นคำตอบ เพราะ แบรนด์ใหญ่ จากฝั่งญี่ปุ่น ยังไม่ทำจริงจัง และ แบรนด์อเมริกา เคยทำแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ เดี๋ยวด๋าว ก็เลิกไป

ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงก่อนหน้านี้ จีนมีปัญหาทางด้าน มลภาวะทางอากาศ และ การต้องพึ่งพาพลังงานน้ำมัน การเปลี่ยนถ่ายมาสู่รถยนต์ไฟฟ้า ดุจะสร้างผลลัพธ์ ที่แม้ยังยากจะคาดเดา แต่ก็แก้ปัญหาที่เจอในเวลานั้น ได้ขาด

ที่จริง ภายใต้เรื่องราวนี้ มีอดีตวิศวกรจีน ที่เคยทำงานในอาวดี้ เป็นคนที่มีส่วนสำคัญ ,Wan Gang, เป็นแฟน รถยนต์ไฟฟ้า และ ภายหลัง เขาคนนี้ กลายมาเป็น เจ้ากระทรวง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีของจีน และ น่าจะเป็นเขานี่แหละ ที่ผลักดันไปสู่ รถยนต์ไฟฟ้า

แต่ตอนแรกไม่มีใครกล้าใช้รถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลจึงเริ่มให้เงินสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่สนใจ รวมถึงยังมีป้ายทะเบียนพิเศษ เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีสิทธิพิเศษบางอย่าง เช่น Fast track ในเรื่องการจดทะเบียน ที่เร็วกว่าหลายเท่า

และตั้งแต่ปี 2009 จนถึง 2022 จีน มีการให้เงินสนับสุนต่อเนื่องทั้งในแง่ของผู้ซื้อ ตลอดจน ผู้ผลิตรถยนต์จีน ทำให้ มีการพัฒนาต่อเนื่อง ทั้งระยะทาง ,​การพัฒนา มอเตอร์ และ รวมถึงเทคโนโลยีตัวรถ

จนผู้ผลิต จากประเทศจีน จำนวนมาก หันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า มีความหลากหลายทางเทคโนโลยี และมีระยะทางใกล้เคียงกับ เจ้าตลาด อย่าง Tesla ที่พัฒนา รถมายาวนานหลสายปี และ ด้วยประเทศจีน เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ จำนวนประชากรจำนวนมาก

ทางผู้ผลิตจึง มีโอกาสทำตลาดมากกว่า และเรียนรู้ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ จะเห้นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน มีงานออกแบบที่ดี มีระยะทางการขับขี่ที่ค่อนข้างไกล และบางรุ่น มีสมรรถนะในการขับขี่เป็นเอก เพื่อตอบสนองต่อหลุ้มคนที่มีความต้องการ ที่หลากหลาย แตกต่างกันไป

จนเมื่อเปรียบเทียบกับ Tesla ที่แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ การเป็นผู้นำในการพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้า และทุกคนอยากได้ เหมือน นึ่งอะไรไม่ออก เราจะนึกถึงสิ่งแกที่เรารู้จัก

แต่ความหลากหลาย ของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน กลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ผู้ใช้สนใจ เนื่องจากมีความไม่จำเจ ,​มีความสามารถในการใช้งานอย่างครอบคลุม และ บางยี่ห้อ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่แม้จะไม่เทียบเท่า Tesla แต่ก็พอรับได้ สำหรับ คนไที่ไม่ได้ต้องการ ที่สุด ความทันสมัย

ดังัน้น หากสรุป ความสำเร็จ ของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตจากประเทศจีน พวกเขาก้าวมาถึงวันนี้ได้ จาก

  • การมีแหล่งแร่เป็นของตัวเอง
  • การผลักดัน พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้รถสันดาป
  • การส่งเสริมของภาครัฐ
  • การเรียนรู้จากการผลิตขายในประเทศก่อน
  • เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน ทางด้านต่างๆที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนางานออกแบบ และมีความหลากหลายน่าใช้งาน

อย่างไรก็ดี ,​ด้วย คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มมองภาพของแบรนด์ดิ้ง จากจีน ในมุมที่ต่างออกไป พวกเขาไม่ได้ มองว่า จีน ด้อยกว่าญี่ปุ่น หรือ แย่กว่า รถยนต์จากยุโรป

แต่การเริ่มออกตีตลาดต่างประเทศ ของรถจีน ทั้ง ในอาเซียน , ญี่ปุ่น ,​ออสเตรเลีย และ ยุโรป กำลังเป็นสิ่งที่ท้าทาย รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ว่า จะสำเร็จอย่างที่ทำได้ในประเทศหรือไม่ เมื่อต้องแข่งกับ รถยนต์จากชาติอื่นๆ จริงๆ ในสนามนอกประเทศ

หากไม่ได้โครงสร้างทางภาษี ,​เขตเสรีการค้า และสิทธิทางการค้าต่างๆ เข้าช่วย รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จะยังเป็นผู้นำในระดับโลก หรือไม่ นับเป็นความท้าทาย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่