แม้ในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา Toyota จะมีการเผยโฉม HiAce ขุมกำลัง V6 เทอร์โบคู่ สันดาปภายในด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองทางค่ายยังมีการเกริ่นว่า LandCruiser เอง ก็อาจจะมีตัวเลือกขุมกำลังลักษณะนี้ตามมาด้วยในเร็ววันเช่นกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการให้ข้อมูลสัมภาษณ์โดย นาย Mitsumasa Yamagata ประธานฝ่ายโรงงานผลิตไฮโดรเจนของ Toyota กับเหล่าสื่อฯมวลชนในงานเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ Toyota HiAce H2 ว่า “มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะปรับ(เทคโนโลยีเครื่องยนต์พลังเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)ไปใช้กับยานพาหนะขนาดใหญ่ อย่างเช่น LandCruiser” Yamagata กล่าว “

“ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับยานพาหนะแบบนั้น ที่ (ต้องใช้ในการ)ลากจูง(อย่างหนัก)และการบรรรทุก(ของหนัก)อีกด้วย”

อย่างไรก็ดี หากมองไปที่ตัวรถ HiAce ขุมพลังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนคันต้นแบบ แม้มันจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 ขนาดใหญ่ถึง 3.5 ลิตร แล้วยังเสริมความแรงด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ยกมาจาก Lexus LX600 แต่ด้วยระบบจ่ายเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนไป จึงทำให้กำลังสูงสุดของมันหายไปเกินครึ่ง

นั่นคือ จาก 415 PS เหลือเพียง 163 PS เท่านั้น และแรงบิดก็ลดลงจาก 650 นิวตันเมตร เหลือ 350 นิวตันเมตร ซึ่งนั่นถือว่าน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซลลูกดั้งเดิม ที่อยู่ในตัวรถ HiAce รุ่นปกติเสียอีก

นอกจากนี้ หากมองไปที่ความสามารถในการเดินทาง แม้ตัวรถตู้ต้นแบบคันนี้ จะได้ถังจุก๊าซไฮโดรเจน ที่มีขนาดมากถึง 141 ลิตร แต่ระยะทางสูงสุดที่มันสามารถวิ่งไปได้ต่อปริมาณเชื้อเพลิงทั้งหมดที่รถสามารถจุได้ กลับมีแค่เพียงไม่เกิน 200 กิโลเมตร

เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้จริง แค่เพียงในระยะใกล้ในรัศมีม่าเกินกี่สิบกิโลเมตรจากสถานีจ่ายก๊าซไฮโดรเจนเท่านั้น เพื่อให้คุณยังมีเชื้อเพลิงเหลือพอจะขับรถกลับไปเติมเพิ่ม

ดังนั้น หากทาง Toyota อยากจะทำรถ LandCruiser ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ให้สามารถใช้งานได้จริง ในส่วนขุมกำลังเอง ก็ควรจะเป็นเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่านี้ เพื่อให้สมรรถนะของมัน ไม่ด้อยไปกว่าตัวรถรุ่นปกติมากนัก

ซึ่งในความเป็นจริง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ทาง Toyota ก็เคยวิจัย และเผยข้อมูลเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ จาก Lexus RC F และ LC500 ที่ถูกนำมาดัดแปลงให้ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เอาไว้แล้ว

และผลจากการทำงานร่วมกับ Yamaha ในครั้งนี้ จึงทำให้เครื่องยนต์ลูกดังกล่าว สามารถเค้นกำลังได้มากถึง 455.5 PS และมีแรงบิดสูงสุดอีก 540 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจ และน่านำมาใช้งานจริงมากเลยทีเดียว

เหลือก็แค่เพียงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเท่านั้น ที่ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าทางค่ายจะสามารถพัฒนาให้มันดีขึ้นได้อีกมากแค่ไหน และรวดเร็วแค่ไหน เพราะจากตัวเลขที่ได้ในตอนนี้นั้นถือว่าหมดเร็วมากไป เกินกว่าที่จะนำมาใช้งานได้อย่างสบายใจจริงๆ

ทั้งนี้ นาย Yamagata ก็ได้ระบุเสริมอีกว่า ทางเลือกในการใส่ขุมกำลังที่ใช้พลังงานจากก๊าซไฮโดรเจนของ LandCruiser ก็ไม่ได้จำกัดแค่ว่าจะต้องใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แต่ยังรวมถึงการใช้เทคโนโลยีระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน นั่นคือ การใช้ก๊าซไฮโดรเจนไปทำปฏิกิริยาเคมี ให้เกิดกระแสไฟฟ้าเข้าสู้แบตเตอรี่เพื่อไปปั่นมอเตอร์ขับเคลื่อนรถอีกที เหมือนอย่างที่พวกเขาทำมานานกับ Toyota Mirai ที่ตอนนี้ได้เข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 แล้ว และดูเหมือนจะใช้งานได้ดีในประเทศที่มีสถานีเติมก๊าซไฮโดรเจนรองรับอีกด้วย

ซึ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนในประเด็นนี้ นาย Matthew Callachor ผุ้บริหารสูงสุดของ Toyota Australia ก็ได้แสดงความเห็นคู่กับนาย Yamagata เพิ่มอีกว่า เทคโนโลยีระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน คือ “อีกหนึ่งตัวเลือกที่มีหนทางของมัน” และย้ำชัดว่า “มันคืออีกหนึ่งความเป็นไปได้, แต่ก็จำเป็นต้องมีระบบเชิงวิศวกรรมที่รองรับในการนำไปใช้งานมากกว่านี้เช่นกัน”

สุดท้าย ไม่ว่าทาง Toyota จะเลือกใช้ขุมกำลังแบบใหน ให้กับ LandCruiser แต่นั่นก็หมายความว่าตอนนี้พวกเขาได้ยืนยันอยู่กลายๆแล้วว่า มันจะกลายเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีรุ่นย่อยที่ใช้ขุมกำลังจากพลังงานก๊าซไฮโดรเจนแน่นอน

ซึ่งหากเป็นไปได้ด้วยดี เทคโนโลยีนี้ ก็จะต้องถูกนำไปพิสูจน์ในรถยนต์คันอื่นๆด้วย โดยอาจเป็นกลุ่มรถกระบะ เช่น Thundra, Tacoma, และ HiLux ที่ต้องรองรับการใช้งานหนักๆมากขึ้นอีกขั้นจาก LandCruiser ก็เป็นได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่