หลังการเผยโฉมในบ้านเกิด เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ล่าสุด Toyota Motor ประเทศไทย ก็ได้มีการเปิดตัว TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE 2024 รถเอ็มพีวีสุดหรู เจเนอเรชันใหม่ในบ้านเรา พร้อมประกาศ ราคา วางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 4,129,000 บาท

Toyota Alphard 2023

ALL-NEW ALPHARD 2024 ใหม่ ราคา เริ่มต้น 4,129,000 บาท ถือเป็น Generation ที่ 4 แล้วของตระกูลรถเอ็มพีวีสุดหรูอันดับหนึ่งของไทย โดยมันได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตรกรรมที่ยกระดับความหรูหราสะดวกสบายเหนือระดับ ด้วยดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซปต์ “Forceful x Impact Luxury” ถ่ายทอดความสง่างาม และทรงพลัง

ขณะที่ด้านตัวรถ ALL-NEW VELLFIRE 2024 ก็โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่ดุดัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในทุกสัมผัส

นอกจากงานดีไซน์ใหม่หมดรอบคัน ตัวรถยังมาพร้อมโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว และเกาะถนนได้ดียิ่งขั้น ทั้งยังให้ความกระชับของพวงมาลัยในการหักเลี้ยว ด้วยการปรับอัตราทดใหม่ ทำให้รถมีความคล่องตัวมากกว่าเดิม

ด้านขุมกำลังเป็นขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 238 นิวตันเมตร ที่ 4,300-4,500 รอบ/นาที ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 180 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร

ซึ่งเมื่อทั้งสองขุมกำลังทำงานประสานกัน จะสามารถขับกำลังแรงม้าออกมาได้สูงสุด 250 PS (ส่วนแรงบิดสูงสุด จะนับจากแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ 270 นิวตันเมตร) และให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.9 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี E-Four ที่ถูกปรับปรุงใหม่ เพื่อการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนขนาดตัวรถ มีด้านยาว 5,010 x กว้าง 1,850 x สูง 1,950 ในหน่วยมิลลิเมตร, ความยาวช่วงล้อ 3,000 มิลลิเมตร, ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,605 มิลลิเมตร และหลัง 1,625 มิลลิเมตร, ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มิลลิเมตร, รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร, และให้ความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร

และยังเสริมด้วยระบบ Toyota  Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งให้มาครบครัน ทั้ง

  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA พร้อมระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (Safe Exit Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed และระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB

ALL-NEW ALPHARD 2024 ยังมีจุดเด่น คืองานออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัว ภายใต้แนวคิด “OMOTENASHI” เพื่อเน้นการสร้างประสบการณ์แห่งความผ่อนคลาย และสะดวกสบายสูงสุด พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแบบ “Executive Lounge” แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และระบบนวด Massage Relaxation ที่สามารถควบคุมผ่าน Detachable Tablet หลังคา Twin Moonroof พร้อมด้วย Ambient Illumination Light ปรับได้ 64 สี เพิ่มความพรีเมียมยิ่งขึ้นด้วย หนังแท้ Premium Nappa และตกแต่งภายในด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku (เฉพาะรุ่น Premium)

พร้อมระบบความบันเทิง และความสะดวกสบายด้วย หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ลำโพง JBL 15 ตำแหน่ง และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมสัมผัสแห่งความหรูหรา กว้างขวาง และสะดวกสบาย เต็มไปด้วยอรรถประโยชน์ครบครัน

Toyota Alphard 2023

ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE มาพร้อมกับทางเลือกสีตัวถังภายนอกพิเศษ 3 แบบด้วยกัน

  • Platinum White Pearl
  • Precious Metal
  • Black

และยังมีรุ่นย่อยให้เลือก อีก 3 เกรด ซึ่งทุกรุ่นจะใช้ขุมกำลังเดียวกัน และให้ระบบความปลอดภัยทั้งขั้นพื้นฐาน และระบบ Toyota Safety Sense เหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีรายละเอียดออพชันต่างกัน ดังนี้

Toyota Alphard 2.5 HEV

ALPHRAD 2.5 HEV (รุ่นเริ่มต้น) ราคา 4,129,000  บาท

  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมไปเลี้ยวแบบ Sequential
  • หลังคา Twin Moonroof
  • ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

การออกแบบภายใน

  • เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation, ระบบทำความร้อน seat heater และระบบทำความเย็น Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet
  • คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว 
  • Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง
  • ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
  • จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD)
  • หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว
  • ระบบนำทาง Navigator และระบบเชื่อมต่อ T-Connect
  • การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า 
  • สีเบาะภายในสีเบจ Neutral Beige (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black)
  • และสีภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)

VELLFIRE 2.5 HEV (รุ่นกลาง) ราคา  4,279,000 บาท

ความแตกต่างจาก ALPHARD 2.5 HEV

  • เปลี่ยนมาใช้ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
  • ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential
  • กันชนหน้าและหลัง ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE
  • งานตกแต่งภายในและออพชันภายในต่างๆเหมือนกับตัวเริ่มต้นทุกประการ แต่สีเบาะภายในมีเฉพาะสีดำเท่านั้น

ALPHARD 2.5 HEV LUXURY (รุ่นท็อปสุด) ราคา 4,499,000 บาท

ความแตกต่างจาก ALPHARD 2.5 HEV

  • เพิ่มสัญลักษณ์ Executive Lounge ด้านท้ายรถ
  • ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว (ลายเดียวกับ Velfire)
  • เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองเพิ่มโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ และมีการปรับรูปแบบการวางของแท่น Detachable Tablet รวมถึงเพิ่มระบบทำความร้อนตำแหน่งที่วางแขน และเบาะรองน่อง
  • ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku
  • เพิ่มตัวเลือกสีเบาะภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีน้ำตาล Sunset Brown (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)
  • เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในห้องโดยสาร
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและหลัง 

ข้อมูลจาก Toyota

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่