ในกระแสการแข่งขันในดลกยานยนต์ยุคใหม่  Subaru   ถือเป็นแบรนด์ที่มีความพยายามในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง สู้ความต้องการของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยน จากเดิมที่พวกเขามองตัวเองเป็นที่สุดวิศวกรรม เจ้าแห่งสมรรถนะ ในวันนี้ซูบารุยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์หลายรายอาทิ โตโยต้า ในฐานะพันธมิตรคนสำคัญ 

เมื่อวานนี้ทาง   Subaru Cooperation   ประเทศญี่ปุ้นได้เปิดแผนธุรกิจใหม่ ซึ่งจะใช้ไปในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้อีก  7 ปี เป็นวิสัยทัศนในการทำงานของทีมงานผู้บริหาร  ภายใต้ชื่อแผนว่า   Step   ซึ่งภายในแผนงานดังกล่าว ทางซูบารุจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่างๆมากมาย เพื่อรับกับยุคสมัยของยานยนต์ที่เปลี่ยนไปสู่ทิศทางใหม่  

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมากหลายประการที่น่าสนใจ หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวแผนก่อนหน้านี้ที่เรียกว่า  “Prominence 2020” ที่ประกาศออกมา และนี่คือขั้นต่อไปที่ทางซูบารุ ต้องการจะไป และมีประเด็นต่างๆทีน่าสนใจมากมาย 

แผนใหม่นี้ ทาง Subaru  เรียกว่า   Step  และจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2018 -2025   โดยส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวของแผน  Prominence   จากเรื่องราวต่างๆ อันสร้างผลกระทบกับแบรนด์ และจำเป็นต้องปรับแนวทางเพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ 

ตามแผน  Prominence 2020  Subaru  วางเป้าหมายสำคัญหลายประการ ได้แก่ 

1.การเป็นแบรนด์ที่คนไว้ใจอันดับหนึ่ง  จากที่ผ่านมาบริษัทยอมรับสถานะภาพในการสูญเสียความไว้ใจจากลูกค้า จากหลายปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของผู้ตรวจสอบขั้นสุดท้าย และปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้น จนมีการสะสางครั้งใหญ่ ทางทีมบริหารมองว่า เรื่องดังกล่าว จะแก้ไขโดยปูไปยังทิศทางใหม่ในแง่ความปลอดภัยและความวางใจในการใช้งาน 

2.การเป็นผู้นำทางด้านผลกำไรจากการทำงาน ถือเป็นความสำเร็จไปในทิศทางที่ดี โดยทางซูบารุสามารถลดค่าใช้จ่ายในการสร้างและพัฒนารถค่อนข้างมากในปัจจุบัน 

3.ยอดขาย 1.2 ล้านคัน รถยนต์ซูบารุในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างมากต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก และยังสามารถรักษาฐานที่สำคัญในอเมริกาได้เป็นอย่างดี   

แผน   Step   จึงเป็นเหมือนการเติมเต็ม แนวทางของ   Prominence 2020  จากการเติบโตเชิงคุณภาพ ก้าวย่างเข้าสู่ในเชิงประมาณมากขึ้น โดยใช้สังคมเป็นส่วนสำคัญในการอุ้มชูให้แบรนด์เดินหน้าต่อไปได้ 

จากการเปิดเผยข้อมูลเชิงธุรกิจของ   Subaru  ทางบริษัม จะเรื่มด้วยการสร้างความเชื่อมั่นต่อตัวรถให้กลับมาก่อน หลังจากมีปัญหามาสักระยะใหญ่ โดยสิ่งสำคัญที่น่าสนใต คือ สิ่งที่เรียกว่า   Make-a-Subaru  หรือ   Subaru -Zukuri   วางให้รถ   Subaru  ในยุคต่อไป เปี่ยมด้วยคุณค่า มีคุณภาพ และหาซื้อได้ในราคาที่เป็นมิตรมากขึ้น 

นอกจากนี้การสร้างรถยนต์   Subaru  ในยุคต่อไป จะอาศัยบทบาทจากผู้ใช้เดิมเข้ามามีส่วนศึกษาและพัฒนาเป็นรถรุ่นใหม่มากขึ้นกว่าเดิม  

โดยทาง Subaru วางแนวทางให้ 5 หน่วยงานในบริษัททำงานร่วมกัน เพื่อทำให้เกิดคุณค่าต่อลูกค่าสูงสุด ได้แก่ การวางแผนวิศวกรรม ,การวางแผนผลิตภัณฑ์ , การวางแผนจัดทำ , การใช้งบประมาณอย่างถูกต้องและคุ้มค่าต่อการลงทุน , มีการเพิ่มคุณค่าเข้ามาอย่างมกา และท้ายที่สุดเปี่ยมด้วยคุณภาพในการใช้งาน 

ในแง่สำคัญข้อหนึ่งที่ทางซูบารุ ดูจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ คือ การใส่ใจเรื่องความปลอดภัย โดยวางเป้าหมาย ลดการชนหรือเกิดอุบัตเหตุจนเสียชีวิตให้ได้ภายในปี 2030  โดยเริ่มจากการติดตั้งระบบช่วยขับอัตโนมัติระดับ และขยายสู่ในรถยนต์ของบริษัทให้มากที่สุด 

ภายในปี 2020  Subaru   มัน่ใจว่ารถยนต์   Subaru   ทุกรุ่นที่ขายทั่วโลกจะเป็นรถที่ปลอดภัยด้วยระบบขับอัตโนมัติระดับ 2 และในปี 2024 จะสามารถพัฒนาระบบให้มีความสามารถมากขึ้น โดยอาจจะทำให้มีเลเวลสูงขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลในการใช้งาน หรือ การรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้มีแผนการตดตั้งระบบช่วยจอดรถระดับ 4 ให้กับรถทุกรุ่นด้วย 

ตลอดจนรถยนต์   Subaru  ไม่เพียงจะหยุดและปลอดภัยขึ้น แต่เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อยังเป็นอีกส่วนสำคัญ โดยระบบ   Subaru  Starlink  เริ่มมีการเปิดตัวแนะนำในอเมริกาแล้ว และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมถึงร้อยละ 80 ภายในปี 2022 

ด้านสินค้าใหม่ๆ ที่จะมาเปิดตัวในอนาคต ทาง   Subaru   วางแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่สำคัญออกมาวางขาย โดยต่อจากนี้จะเน้นนการทำรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น 

จากปัจจุบันที่มีการเปิดตัว   Subaru  Ascent , Subaru Forester   ใหม่ แล้วจะมีรถอเนกประสงค์ใหม่อีก 4 รุ่น เปิดตัวขายภายในปี 2021  และในการนี้จะมีการเพิ่มรุ่น   STi   เข้ามาตอบโจทย์คนที่ยังอยากเล่นแรงเหมือนที่ผ่านมาด้วย ส่วนในปีนี้ จะมีรถไฮบริดเสียบปลั้กออกมา ซึ่งก็มีค่อนข้างชัดเจนว่า อาจจะเป็น  Subaru  XV  PHEV   

เรื่องโครงสร้างวิศวกรรมหลัก จะยังคงรับบทบาทโดย โครงสร้าง  Subaru Global Platform   เดิม  แต่จะมีการพัฒนาทิศทางของเทคโนโลยี เครื่องยนต์สันดาปภายในเอกลักษณ์สูบนอนใหม่ เป็นแบบ  DST  หรือ   Down Size Turbo engine   ซึ่งจะได้เห็นเป็นมาตรฐานตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป  

โดยในปี 2022 โดยประมาณ จะมีการปล่อยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกออกสู่ตลาด และระบบไฮบริดแบบใหม่ออกมาสู่ตลาดในระยะเวลาใกล้เคียงกัน 

อย่างไรก็ดี ในประเด็นสำคัญทางธุรกิจที่น่าสนใจ ทาง   Subaru  ยังมั่นใจในพันธมิตรรายสำคัญ   Toyota   โดยมีการยืนยันว่า จะร่วมมือกันในการสร้าง   Subaru BRZ/ Toyota GT86   ต่อไป และจะร่วมกันสร้างวัฒนธรรมยานยนต์ให้เกิดขึ้น  

สำหรบแผนงานใหม่ของ   Subaru  ดูเหมือนที่จะตั้งใจในการสร้างรถยนต์ในยุคที่หลายแย่างกำลังเปลี่ยนรถยนต์ที่เรารู้จักจากวันวานไปโดยสิ้นเชิง และเราคงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบรนด์รถยนต์รายนี้ที่สำคัญอีกมากมายในอนาคต  

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่