ถึงคราวเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่น สำหรับรถยนต์จากแบรนด์ซุปเปอร์คาร์กระทิงดุ กับล่าสุด Lamborghini Urus SE PHEV ที่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการออกมาแล้วในตอนนี้

Lamborghini Urus SE เปรียบเสมือนกับร่างปรับใหม่แบบ Minorchange รถยนต์ที่ขายดีที่สุดจาก Lamborghini โดยไฮไลท์เด็ดสำคัญของมันในคราวนี้ ก็คือการถูกปรับปรุงขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ใหม่

ซึ่งแม้มันจะมีแรงม้าน้อยลงเหลือ 620 PS จากเดิมที่เคยทำได้มากสุด 666 PS ทว่าด้วยการจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 192 PS ที่ติดตั้งเอาไว้ร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จึงทำให้เมื่อทั้งสองขุมกำลังทำงานร่วมกันแล้ว จะได้แรงม้าสุทธิที่กระโดดขึ้นไปแตะหลัก 800 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที กันเลยทีเดียว

ด้านตัวเลขแรงบิดสุทธิ ทางค่ายไม่ได้มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจนเอาไว้ นอกจากการเปิดเผยว่า ในฝั่งเครื่องยนต์ จะสามารถทำแรงบิดได้สูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที ซึ่งน้อยลงกว่า Urus S ที่ทำได้ 850 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,000 รอบ/นาที อยู่พอประมาณ

ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อเสริมกำลังเครื่องยนต์ ก็สามารถเรียกแรงบิดได้สูงสุดถึง 483 นิวตันเมตร จึงช่วยให้ Urus SE สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 3.4 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Urus S อยู่ 0.1 วินาที และตัวรถยังมีความเร็วสูงสุดที่มากขึ้นอีกเล็กน้อย จาก 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 312 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แน่นอน ด้วยความเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบ PHEV มันจึงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลูกใหญ่กว่ารถยนต์ไฮบริดปกติ ด้วยขนาด 25.9 kWh ซึ่งหากเป็นการวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนแล้ว มันจะทำให้ตัวรถสามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุดราว 60 กิโลเมตร

ด้านระบบช่วงล่าง และไส้ในอื่นๆของตัวรถเอง ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เช่นกัน ตั้งแต่ ระบบคลัทช์ไฮดรอลิกไฟฟ้าใหม่ ที่ถูกปรับปรุงให้รองรับกับการจัดการแรงบิดจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพไปสู่ชุดล้อทั้งสี่, ปรับปรุงระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปที่ชุดล้อคู่หลัง เพื่อความมั่นคงของตัวรถในยามออกตัว หรือยามที่ผู้ใช้อยากจะกวาดได้รถเล่น

และด้วยการออกแบบชุดเฟืองท้ายใหม่นี้ ทำให้มันมีน้ำหนักที่เบาลงกว่าเฟืองท้ายเดิมถึง 20 กิโลกรัม ทว่าน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ จากตัวเลข 2,540 กิโลกรัม ก็ยังคงถือว่าหนักกว่า Urus S ที่ไม่ได้ใช้ขุมกำลังไฮบริดอยู่ราวๆ 300 กิโลกรัม อยู่ดี แต่เพื่อความมั่นใจที่มากขึ้น ทางค่ายก็ได้มีการปรับปรุงระบบเบรกใหม่ โดยเฉพาะในส่วนจานเบรกหลังที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้ระยะเบรกจากความเร็ว 100-0 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของมัน ดีขึ้นกว่าเดิมอีก 0.2 เมตร เหลือ 33.5 เมตร

และสิ่งที่ทุกคนสามารถเห็นได้ด้วยตา อย่างรูปลักษณ์ภายนอก และภายใน ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เริ่มจาก ชุดกันชนหน้าที่อาจจะดูคล้ายเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับไม่ได้มาพร้อมกับชิ้นส่วนคั่นกลางระหว่างไฟคู่หน้าอีกต่อไป

เพราะมันกลายเป็นหน้าที่ของฝากระโปรงใหม่ที่ยื่นยาวออกมาปิดบริเวณดังกล่าวแทน และช่วยให้รถดูพุ่งแหลมไปข้างหน้ามากขึ้น เช่นเดียวกับไฟหน้าที่ดูเล็กเรียวกว่าเดิม แถมยังเสริมความโดดเด่นด้วยแถบไฟ DRL แบบใหม่ด้วย

นอกนั้นในส่วนของกันชนท้ายก็มีการปรับรูปลักษณ์ใหม่โดยเน้นไปที่การขยายขนาดช่องระบายอากาศจากซุ้มล้อหลัง และฝาท้ายก็ปรับงานออกแบบใหม่ ให้ดูหนาและอวบออกมาด้านท้ายมากกว่าเดิม และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการปรับงานออกแบบชิ้นพลาสติกสีดำ สำหรับเชื่อมเส้นแนวไฟท้ายใหม่ ซึ่งดูไปดูมา กลับกลายเป็นว่ามันแอบจะคล้ายกับรถเอนกประสงค์จากแบรนด์ร่วมชายคา Volkswagen อย่าง Porsche อยู่พอสมควร

ท้ายสุดคือ การปรับงานออกแบบชุดล้อใหม่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้จริงว่ามันช่วยทำให้ตัวรถดูดุดัน โฉบเฉี่ยวขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

ขณะที่งานออกแบบภายใน จะเน้นไปที่การปรับปรุงสวิทช์ต่างๆ ให้มีความ “เป็นกลไก” มากขึ้น เพื่อการสร้างอารมณ์ร่วมในการใช้งานของผู้โดยสาร และเช่นเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความทนทานในการใช้งาน

นอกนั้นจะเป็นการปรับงานออกแบบช่องแอร์ใหม่เล็กน้อย และปรับขยายขนาดหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ให้ใหญ่ขึ้น เป็นขนาด 12.3 นิ้ว ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการปรับปรุงวัสดุหุ้มคอนโซลและเบาะนั่งใหม่ ซึ่งอันที่จริงก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของลูกค้าอีกทีอยู่ดีในจุดนี้

ทั้งนี้ แม้ Lamborghini Urus SE จะไม่ใช่รถยนต์ขุมกำลัง PHEV คันแรกของแบรนด์ เพราะตำแหน่งดังกล่าว เป็นของ Lamborghini Revuelto แต่มันก็ไม่ใช่คันสุดท้ายที่จะเปิดตัวมาพร้อมกับขุมกำลังนี้ เพราะยังมีตัวตายตัวแทนของ Lamborghini Huracan ที่จะใช้ขุมกำลังลักษณะเดียวกันนี้ตามออกมาอีก

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่