ตั้งแต่เปิดตัวเริ่มวางจำหน่ายรถยนต์ Mitsubishi Xpander hybrid ออกมา มิตซูบิชิ ก็กลายเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น รายล่าสุด ผู้ก้าวเข้ามาเล่นตลาดรถยนต์ไฮบริดกับเขาบ้าง

ระบบไฮบริดของ มิตซูบิช เรียกว่า Mitsubishi e:Motion เปิดตัววางจำหน่าย เป็นที่แรกในโลก ในประเทศไทย ในรถยนต์ Mitsubishi Xpander HEV ด้วยราคาจำหน่ายที่ปรับขึ้นไม่มากมายนัก ทำให้หลายคนสนใจ แต่ หลายคนพูดถึงมันน้อยมาก ในแง่ ระบบการทำงานว่ามันทำงานอย่างไร ซึ่งวันนี้เราจะล่วงตับ มิตซูบิชิกันว่า พวกเขาสร้างระบบนี้ให้ทำงานอย่างไร

Mitsubishi Xpander HEV debut

แนวคิด การพัฒนา

อันที่จริง ระบบ Mitsubishi e:Motion ทางมิตซูบิช ออกแบบ ให้ระบบมีความสามารถในการทำงาน โดยใช้วิธีการ ย่อระบบ Mitsubishi PHEV ที่อยู่ในรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV ลงมาให้ เหมาะสม ต่อการใช้งาน และมีการดูแลรักษาง่ายขึ้น ไม่ซับซ้อนเหมือนเดิม

ระบบใหม่นี้ ทางมิตซูบิชิ เริ่มต้น จากปรับเครื่องยนต์มาเป็น ขุมพลัง 1.6 ลิตร โดยใช้ การอัพเกรด เครื่องยนต์ 1.5 รุ่นเดิม ให้ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น มอบพลังขับสูงสุด เพิ่มขึ้น เป็น 95 แรงม้า และ ทำแรงบิด สูงสุด 134 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์สามารถทำหน้าที่ทั้งขับเคลื่อน และปั่นไฟฟ้าได้ในเวลาเดียวกัน หรือ ทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง

Mitsubishi emotion

ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อน ให้กำลังขับสูงสุด 116 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร ใช้ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หรือ ทำหน้าที่ เสริมกำลังขับในระหว่างการขับขี่

ทางด้านแบตเตอรืรี่ปรับลดขนดาลงให้เพียงพอ ต่อการใช้งาน และ ปรับให้ไม่มีระบบรับการจ่ายไฟจากภายนอก หรือ ไม่มีหัวชาร์จ เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน

ทางมิตซูบิชิด เปิดเผยว่า แก่นการทำงาน หลักการโดยภาพรวม นำมาจากระบบ PHEV แทบทั้งสิ้น ซึ่งเราจะมาพิสูจนื การทำงานของมันกัน

การขับขี่ในเมือง

ในการทดสอบของเรา จะแบ่งการขับขี่ออกเป็น การขับขี่ในเมือง และการขับขี่นอกเมือง โดยเราเริ่มจากการขับขี่ในเมือง ก่อน

แม้ว่าในการทดสอบ จะไม่ได้ขับในเขต กรุงเทพมหานคร แต่ พื้นที่จังหวัดชลบุรี ก็มีการจราจรคับคั่งหนาแน่นไม่แพ้กัน วิธีการทำงาน ก็น่าจะไม่แตกต่างกันมากนัก

ตามที่จับสังเกต การทำงานของ ระบบ Mitsubishi e: Motion ผมพบว่า ระบบ จะทำงาน ตามเงื่อนไขความเร็วเป็นหลัก ประกอบกับ พฤติกรรมการขับขี่ เช่นการเบรก และการเร่ง

Mitsubishi emotion

แบ่งออกเป็น 3 จังหวะหลักๆ คือ

  • ขับเคลื่อนด้วย ไฟฟ้าล้วน EV Drive ระบบจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน โดยใช้พลังงานจากแบตเตอร์รี่ในช่วงความเร็วต่ำ เสมอ โดย จะขับเคลื่อนได้ มากหรือ น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาตรไฟที่คงเหลือในแบตเตอร์รี่ ในเวลานั้น
    • นอกจากนี้ ทาง มิตซูบิชิ เซทให้ ตัวรถมีโหมดบังคับขับไฟฟ้าล้วน หรือ EV Priority ได้ด้วย ลูกค้าสามารถเลือกขับได้เอง เพียงเลือกที่ Drive Mode ที่ต้องการ
  • เมื่อไฟฟ้าหมด หรือ ความเร็วสูงขึ้นมากกว่า 50 ก.ม./ช.ม. ระบบจะจัดการปรับการทำงาน ให้ตอบสนองการขับขี่ ในรูปแบบไฮบริด โดยทำงานในแบบ เชิงอนุกรม โดยเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ในการปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ และ แบตเตอร์รี่ ทำหน้าที่ในการจ่ายพลังงานไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อน
    • ในกรณีที่ ความเร็วต่ำลง และ ระบบคิดว่า ไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ เพียงพอ ระบบ จะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ และกลับไป โหมด EV ล้วนอีกครั้ง และ จะติดขึ้นมาเมื่อ แบตเตอร์รี่อยู่ในระดับต่ำ
  • การชาร์จกลับด้วย แรงเฉือย หรือ Regen ระบบ จะทำการชาร์จไฟฟ้ากลับมอเตอร์ ด้วยการอาศัยแรงเฉื่อย ของล้อ ทั้งในจังหวะการเบรก หรือ ชะลอความเร็ว ทำให้ มีไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่มากขึ้น

ในภาพรวมการขับขี่ในเมืองของ Mitsubishi e: Motion จึง่ค่อนข้าง คล้ายคลึงกับ Nissan Kick e-Power ที่มีแนวคิดคล้ายๆ กัน ในการทำงาน

การขับขี่นอกเมือง

เมื่อขับนอกเมือง เจ้า Mitsubishi E: Motion สร้างความแตกต่าง ด้วยการออกแบบ ให้ระบบ สามารถทำหน้าที่ สลับกันได้

ย้อนไปตอนในเมือง คุณจะพบว่า ระบบ ทำงานในแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพระเอก ในการขับเคลื่อน พอนอกเมือง มันทำงานต่างออกไป โดยชูโรงให้ เครื่องยนต์มาเป็นพระเอกบ้าง เนื่องจาก เครื่องยนต์สันดาป จะทำงานมีประสิทธิภาพ เมื่อทำงานรอบนิ่งๆ วิ่งยาวๆ

Mitsubishi e:motion

หลักการทำงาน แบ่งออกเป็นดังนี้

  • เครื่องยนต์ขับเคลื่อนลงล้ออย่างเดียว เมื่อเราขับใช้ความเร็วตั้งแต่ 80 ก.ม./ช.ม.​ขึ้นไป เครื่องยนต์ จะทำหน้าที่ขับลงล้อแทนการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยจะทำงานแบบนี้เมื่อมีความเร็วคงที่ต่อเนื่อง
    • เครื่องยนต์ทำหน้าที่ ขับเคลื่อนล้อ และ ปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ ระบบจะทำงานแบบนี้ เมื่อพบว่า แบตเตอร์รี่ อยู่ในระดับต่ำ และ จำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้า เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งาน ในครั้งต่อไป
    • แต่เท่าที่สังเกตุ ระบบ จะทำงานในลักษณะนี้ ค่อนข้างบ่อย อาจจะด้วยวิธีการเซท แนวทางการทำงาน และรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอร์รี่ ให้ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น
  • ทำงานแบบ ไฮบริด คู่ขนาน การทำงานแบบนี้จะเกิดขึน เมื่อคุณใช้อัตราเร่งไม่มาก ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะรับบทพระรอง เข้ามาช่วยในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ในบางจังหวะ เพื่อให้ เครื่องยนต์ทำงานในรอบคงที่ต่อไป
    • เช่นกันในยาม ที่คุณต้องการอัตราเร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้าช่วยในบางจังหวะ เพื่อ ทำให้เกิดการตอบสนองที่ดีขึ้น ทันในในการขับขี่กว่าเดิม
  • ขับด้วยไฟฟ้าล้วน แม้ว่า ส่วนใหญ่ เครื่องยนต์ จะติดการทำงานขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อน แต่ในบางกรณี เราพบว่า ระบบ สามารภทำงานแบบไฟฟ้าล้วนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยจะทำงานเมื่อ ระบบเห็นว่า แบตเตอร์รี่มีไฟฟ้ามากพอ เครื่องยนต์จะดับลงชั่วคราว แล้วตัดสลับมาใช้ไฟฟ้าบ้างในช่วงสั้นราวๆ 1-3 ก.ม. แล้ว แต่ความเร็วที่เราใช้

การทำงานแบบนี้เราพบบ่อยในช่วงความเร็วไม่เกิน 110 ก.ม./ช.ม. และทำงานร่วมกับระบบ Cruise Control ระบบ จะจัดการให้เอง

ลองขับ Mitsubishi e:Motion มันประหยัด แค่ไหน

วันนี้ผมมาขับ เจ้า Mitsubishi Xpander HEV รับไม้ต่อ ในช่วงขากลับ จาก ชลบุรี เข้ากทม. ผมตัดสินใจว่า จะลองอัตราประหยัด ดูว่ามันจะทำได้แค่ไหน หลังจากที่ลองสมรรถนะมาแล้ว ก่อนหน้านี้ ใครสนใจ กดชมวีดีโอได้ครับ

ผมเลือกเติม น้ำมันเติมถัง ก่อนเข้ามอเตอร์เวย์ ก่อน ยิงยาวมาลง ทางออก บางวัว แล้วต่อทางด่วน บูรพาวิถี จากบางวัว มาลง ในเมือง ตรง เกษตรนวมินท์ โดยในช่วง นอกเมือง ใช้ความเร็ว ไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม​. ในรถมีผู้โดยสาร 3 คน

mitsubishi xpander hev

ขับโดยใช้การผสมผสาน ระหว่างขับเอง กับ การใช้ Cruise Control ร่วมด้วย ตามรูปแบบการใช้งานจริง โดยในช่วงท้าย เจอการจราจรติดขัดแบบไหลๆบ้าง นิดหน่อย

ผมมาถึงปั้มปลายทาง โดยมีระยะทางทั้งสิ้น 103.6 ก.ม. เติมน้ำมันคืนถังไปทั้งสิ้น 6.502 ลิตร คำนวน อัตราประหยัดได้ 15.93 ก.ม./ลิตร

แม้ต้องยอมรับว่าอัตราประหยัดของมันไม่ได้สูงเท่ากับ ระบบไฮบริดของหลายเจ้าที่นำเสนออัตราประหยัด ทำได้ระดับ 20 ก.ม./ลิตร ในการขับขี่ และทดลองขับจริง แต่มันก็ถือว่าสูงพอ สำหรับ รถทรงกล่อง MPV ที่มีนำเสนอในเวลานี้

ถ้าจะถามว่า ทำไม มันทำอัตราประหยัด ได้ไม่ดีนัก ผมวิเคราะห์ว่า ส่วนสำคัญ น่าจะอยู่กับ การเซทซอฟท์แวร์ระบบ โดยเฉพาะ เครื่องยนต์ให้ทำ 2 หน้าที ในการปั่นไฟฟ้า และขับเคลื่อนในหลายจังหวะ ทำให้เครื่องยนต์รับภาระทำงานหนัก

mitsubishi xpander hev

โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่มีขนาดกลาง 1.6 ลิตร นั้น น่าจะทำงานหนักกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร รวมถึง นอกเมืองยังไม่ขับด้วยไฟฟ้าล้วนมากนัก ด้วยการทำหน้าที่ เป็นกองหนุนกำลังเสริม

ถ้าเอาอัตราประหยัดที่ทำได้ มาประเมินกับการทำงาน ของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเดิม ก็ถือว่าประหยัด ขึ้นมาในระดับหนึ่ง

กลับกันถ้าคุยกัน ด้วยความเป็นไฮบริดมันอาจจะยังไม่ประหยัดเท่าไรนัก แต่มีแนวโย้มจะทำได้ดีในอนาคต ถ้ามีการปรับจูน และ ปรับปรุง เครื่องยนต์ และแบตเตอร์รี่

ในภาพรวม Mitsubishi e:Motion มาพร้อมกับ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น แนวคิดตัวระบบ ค่อนข้างทำออกมาดี ในระดับหนึ่ง และมีประสิทธิภพาที่ดี จนน่าประทับใจ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่