เรารู้ว่าหลายท่านที่กำลังจะหารถเอสยูวีมาใช้ในบ้านสักคันตอนนี้กำลังคิดหนัก เพราะเจ้าหล่อเมืองฮิโรชิมาอย่าง Mazda CX-5 เพิ่งออกใหม่มาท้าตีกับ Honda CR-V เอสยูวีแบรนด์ยอดนิยมแบบไม่เกรงใจกัน และเพื่อให้คุณเลือกเอสยูวีได้ถูกจริตกับไลฟ์สไตล์ เราพร้อมชี้แจงถึงความต่างของรถทั้งสองคันนี้

 

Mazda CX-52017Honda-CRV-Review007

 

เรารู้ว่าการเลือกรถสักคันเป็นเรื่องยากพอกับการจีบสาวมาเป็นแฟน เพราะหากเลือกแฟนผิด…เอ้ยเลือกรถผิดโจทย์ในใจที่ตั้งไว้ คุณคงทนขับรถคันนั้นอยู่ได้ไม่นานแม้ที่บ้านจะชอบใจมากเท่าไหร่ก็ตาม ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากคนในครอบครัวและคุณเห็นผ้องต้องกันว่า เอาคันนี้แหละ!!

โดยครั้งนี้เราจับเอาสุดหล่อหน้าใหม่อย่าง Mazda CX-5 มาจับชนสู้กับ Honda CR-V กันแบบหมัดต่อหมัด เทียบกันให้เห็นไปเลยว่าทั้งคู่ต่างกันอย่างไร และเมื่อทราบข้อมูลทั้งหมดแล้วเราเชื่อว่าคุณคงไม่ลังเลตอนเซ็นใบจองรถแน่นอน

 

2017Honda-CRV-Diesel-Review021

 

 

ห้องโดยสารและประโยชน์ใช้สอย

 

ตอนเราได้ขับ Honda CR-V ใช้งานนาน 5 วัน สิ่งที่ผมสัมผัสได้ชัดเจนก็คือความสบาย แม้ในฐานะผู้ขับขี่ก็รู้สึกได้แล้วว่าเอสยูวีคันนี้โอ่โถงกว้างขวางกว่ารถโมเดลก่อนมาก ขณะเดียวกันมันยังมอบเบาะนั่งแบบ 5+2 เพื่อตอบโจทย์บ้านที่มีเด็กๆ วัยกำลังซนได้ดี เพราะเบาะแถวที่ 3 นั้นมีพื้นที่พอให้เด็กตัวเล็กนั่งได้สบาย แต่ถ้าให้คนโตไปนั่งล่ะก็… ผมจะบอกว่าขอนั่งเบาะหลังปกติแล้วกัน เพราะเบาหลังสามารถปรับเลื่อนหน้าหลังและสามารถปรับเอนได้ นั่นทำให้พื้นที่วางขาเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามต้องการ นอกเหนือจากนี้พื้นที่เก็บของด้านหลังสามารถปรับระดับความสูงได้ ซึ่งช่วยให้เรามีความจุในการเก็บของเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ส่วนสุดท้ายอันเป็นไม้เด็ดของ CR-V ได้แก่ ระบบเปิดปิดฝาท้ายอัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรี ที่คุณทำแค่เพียงเดินไปตรงท้ายรถพร้อมกุญแจ จากนั้นทำท่าเตะใต้กันชนหลังแล้วฝาท้ายจะเปิดขึ้นเอง

 

2017Honda-CRV-Gasoline-Review007

 

ลำดับต่อมาที่เพิ่งได้ขับสดๆ ร้อนๆ แบบกลิ่นเบรกยังไม่ทันจางดีอย่าง Mazda CX-5 เจ้านี่คอรถยนต์ต่างรู้กันดีว่ามันถูกออกแบบเน้นการขับขี่ตามสไตล์มาสด้า แต่ถ้าคุณกำลังคิดเช่นนั้นเราขอบอกว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะจากการพูดคุยกับทีมงานมาสด้ารวมถึงได้สัมผัสตัวรถเอง เรารู้ทันทีว่าคำกล่าว “CX-5 ตัวนี้ให้ความสำคัญของผู้โดยสารมากขึ้นกว่าตัวก่อน” เป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหก แม้ว่าจะมีเบาะนั่งเพียง 5 ตัวแพ้ CR-V ที่นั่งได้ถึง 7 ตำแหน่ง แต่บริเวณเบาะหลังก็มีพื้นที่นั่งเหลือเฟือทั้งที่ว่างเหนือศีรษะไปจนถึงที่วางขา นอกจากนี้เบาะหลังก็ปรับเอนได้ 2 ระดับเหมือนกับคู่ชกด้วย

 

2017Honda-CRV-Diesel-Review002

 

เมื่อดูรายละเอียดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Honda CR-V มีประโยชน์ใช้สอยเหนือกว่ารถยนต์เมืองฮิโรชิมาอยู่นิดหน่อย แต่ความเป็นจริงแล้วการมีเบาะนั่ง 5+2 ก็เป็นคะแนนบวกต่อ CR-V แม้ผู้ใหญ่จะยัดตัวลงไปนั่งได้ไม่สะดวก ทว่าเด็กในบ้านก็ยังนั่งโดยสารไปโรงเรียนหรือเที่ยวห้างสรรพสินค้าได้หมดภายในรถเพียงหนึ่งคัน และกรณีที่ไม่ได้ใช้เบาะแถวสามก็ทำแค่พับเก็บลงไปเท่านั้นเอง

 

2017Honda-CRV-Review004

 

สมรรถนะการขับขี่

 

“ขับดีไหม” เป็นคำถามที่สั้นแต่คำตอบช่างยาวเสียเหลือเกิน เอาเข้าจริงผู้ถามต้องรู้ความต้องการของตนเสียก่อนว่าอยากได้รถขับสไตล์ไหน เพราะรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ราคาถูกหรือแพงขนาดไหน ท้ายที่สุดแล้วลักษณะประจำรถจะแตกต่างไม่เหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนกับ Mazda CX-5 และ Honda CR-V ที่มีกลุ่มเป้าหมายต่างกันออกไป

ถ้าคุณรู้ตัวเองว่าเป็นนักขับเท้าไฟที่มองหารถบ้านไว้ใช้พาครอบครัวไปไหนมาไหน หรือนิยมสาดเข้าโค้งอย่างสนุกสนาน และที่สำคัญคือรถคันนั้นต้องมอบความมั่นใจบนทุกสภาพเส้นทางที่พบเจอ เรากล้าพูดได้เลยว่า Mazda CX-5 ดูจะเหมาะสมกับความแสบในสายเลือดคุณมากกว่า

อย่างไรก็ตามใช่ว่า Honda CR-V จะขับขี่โยนย้วยหรือบังคับไม่ได้ดั่งใจ แต่ถ้าเทียบกันแล้วมันยังเป็นรองเรื่องความสนุกและความมั่นใจขณะขับขี่ สาเหตุเพราะคาแรกเตอร์ประจำรถที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการขับแบบสบายๆ มากกว่าจะเอาไปบู๊ทุกโค้งเหมือนค่ายรถร่วมสัญชาติ เราจึงคิดว่าถ้าเอา CR-V มาขับแข่งกับ CX-5 บนเส้นทางภูเขาแถบภาคเหนือ เชื่อขนมกินได้เลยว่าพี่ Mazda CX-5 สีแดงโซลเรด คริสตัลคงแซงฉีกหนี Honda CR-V สีเขียวดาร์กโอลีฟได้แบบสบายๆ

สรุป!! หากคุณไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง และจะมีอายุเท่าใดก็ตาม แต่หัวใจชื่นชอบการขับขี่รถยนต์จนเต้นเป็นเสียงเร่งเครื่อง เราคิดว่าคะแนนในประเด็นขับสปอร์ตคงตกเป็นของ Mazda CX-5 ไปอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

ความแรงและความประหยัด

 

ระหว่างเครื่องดีเซลขนาด 1.6 ลิตร 160 แรงม้าของ CR-V กับเครื่องดีเซลขนาด 2.2 ลิตร 175 แรงม้าของ Mazda CX-5 ขุมพลังบล็อกไหนจะให้พลังแรงสุด? คำตอบแบบใครก็รู้นั่นคือ CX-5 แรงกว่า ใช่ครับมันแรงกว่าจริงๆ เพราะทุกครั้งที่กดคันเร่งไม่ว่าจะกดนิดเดียวหรือกดจนแป้นเหยียบติดโครงรถ ผลที่ออกมาคือเจ้า CX-5 พุ่งพรวดราวลูกธนูแบบไม่ต้องร้องขอ ส่วนหนึ่งมาจากเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ทำงานดั่งเพื่อนซี้สมัยอนุบาลที่คบจนถึงปัจจุบัน เอาง่ายๆ คือเกียร์ลูกนี้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ทันทีที่กดคันเร่งแบบไม่มีอาการหน่วง จะแซงรถที่ความเร็วระดับใดมันก็พร้อมรีดกำลังให้คุณได้ใช้

 

2017Honda-CRV-Diesel-Review009

 

สำหรับเครื่องบล็อกเล็กกว่าของ CR-V ที่มีแรงม้าน้อยกว่า 15 ตัว ก็ทำได้ไม่ขี้เหร่เลย เพียงแต่กำลังที่ส่งสู่ล้อจะถูกกลบด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อาจเป็นเพราะเกียร์ลูกนี้เน้นความนุ่มนวลและความประหยัดน้ำมันมากกว่า นั่นทำให้การเร่งแซงที่ความเร็วช่วงต่างๆ มีอาการหน่วงรออยู่ราว 0.7-1 วินาที อย่างไรก็ตามข้อดีที่ CR-V มอบให้ในประเด็นนี้คือความประหยัดน้ำมันราว 16.6 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนเจ้า CX-5 นั้นเรายังไม่ได้ทดสอบจริงจังแต่จากที่ได้ขับราว 700 กิโลเมตรก็พอประมาณได้ว่ามันประหยัดราว 15 กิโลเมตรต่อลิตร…

ผ่านพ้นขุมพลังดีเซลแรงบิดสุดโหดกันไปแล้วมาดูเครื่องเบนซินกันต่อเลย ซึ่งเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร 165 แรงม้าของ Mazda CX-5 มีพละกำลังด้อยกว่าเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตรของ Honda CR-V ที่พกฝูงม้าจำนวน 173 แรงม้า นอกจากนี้เกียร์อัตโนมัติที่ประจำการในรถทั้งสองยังต่างกัน ซึ่งใน CX-5 เป็นแบบทอร์กคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด ขณะที่ CR-V เป็นแบบ CVT โดยการขับทดสอบทั้งคู่เรารู้สึกว่า CR-V มีอัตราเร่งตอนออกตัวรวมถึงการเร่งแซงกระฉับกระเฉงกว่า แน่นอนว่าเครื่องบล็อกใหญ่ได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว แต่หัวใจสำคัญที่ช่วยให้มันตอบสนองได้ดีกว่าก็คือ เกียร์ CVT ที่สามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดกับรอบเครื่องให้อยู่ในช่วงที่มีแรงบิดสูงสุดได้ดีกว่า

ท้ายที่สุดสำหรับการฟันธงว่า CX-5 หรือ CR-V เครื่องเบนซินในรถคันไหนแรงกว่า เราก็ต้องบอกว่าขอให้ได้ CX-5 มาทดสอบแบบเต็มรูปแบบเสียก่อน เพราะตอนนี้เรามีข้อมูลจากความรู้สึกที่ได้ขับมาเบื้องต้นเท่านั้น แต่ถ้าเป็นของ CR-V อัตราเร่ง 0-100 จะอยู่ราว 12 วินาที และความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 11.83 กม./ลิตร

 

 

เทคโนโลยีและความปลอดภัย

 

ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบควบคุมการทรงตัว และกล้องมองหลัง เหล่านี้ล้วนเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถทั้งสองคัน แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันแตกต่างกันคือการที่ Mazda CX-5 ใส่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ ระบบปรับไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS, ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC เหล่านี้เป็นอุปกรณ์พิเศษในรุ่นท็อปของเครื่องเบนซินกับดีเซล ซึ่งที่จริงระบบที่ทำงานเหมือนกันใน Honda CR-V อย่าง Honda Sensing นั้นมี แต่รถตัวขายในบ้านเราไม่ได้ติดตั้งมาให้… เอาจริงๆ เราภาวนาให้ฮอนด้าใส่ระบบนี้มาตั้งแต่ตอนเปิดตัว CR-V แม้จะรู้ว่าราคาตัวรถจะพุ่งเกิน 1.7 ล้านบาท แต่ถ้าใส่มาให้เราคิดว่าคงไม่ด้อยกว่าคู่แข่งนะ

 

2017Honda-CRV-Review001

 

ความคุ้มค่าและการเป็นเจ้าของ

 

เราเขียนประเด็นราคารถเป็นลำดับสุดท้าย แต่เชื่อไหมว่าราคารถเนี่ยเป็นสิ่งแรกที่คนจะร้องยี้… หรือร้องว้าว!! โดยเราขอเปรียบเทียบเฉพาะรุ่นเครื่องดีเซลสูงสุดของทั้งคู่ เริ่มด้วย Mazda CX-5 2.2 XDL ราคา 1,770,000 บาท ชนกับ Honda CR-V 1.6 DT-EL 4WD ราคา 1,699,000 บาท ดูอย่างง่ายราคาต่างกันเพียง 70,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้ามองดูข้าวของที่มาพร้อมกับรถแล้วจะรู้เลยว่าส่วนต่างที่แพงกว่านั้น CX-5 ให้ความคุ้มค่ามากกว่า เพราะคุณจะได้หลังคาซันรูฟและระบบความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งใครเป็นแฟนฮอนด้าก็ต้องรอรุ่นไมเนอร์เชนจ์ว่าพวกเขาจะใส่อุปกรณ์อะไรเพิ่มมาเพื่อแก้เกม

กรณีเรื่องการเป็นเจ้าของนี่พูดให้เข้าใจแบบภาษาชาวบ้านก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายทั่วไป อาทิ ค่าน้ำมัน ค่าตรวจเช็คระยะ ค่าเปลี่ยนอะไหล่ ฯลนฯ เหล่านี้เราคงไม่สามารถบอกผู้อ่านได้ว่ารถคันใดประหยัดเงินมากกว่ากัน แต่เราเชื่อว่าคุณภาพของรถยนต์ทั้งสองยี่ห้อมีมาตรฐานเทียบเท่ากัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายตอนเข้าศูนย์ฯ รวมถึงค่าอะไหล่อาจมีถูกแพงบ้างต่างกันไป และส่วนเรื่องค่าน้ำมันนั้นก็มีปัจจัยขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้ากดคันเร่งมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าอยากได้ข้อมูลมากกว่านี้ลองเข้ากลุ่มหรือคลับเฉพาะรถรุ่นที่สนใจจะดีกว่า เนื่องจากจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีต่อรถโดยตรงระหว่างผู้ใช้จริงอีกด้วย

 

2017Honda-CRV-Diesel-Review008

 

ช่วยเป็นกำลังใจให้เรา

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่