ท่ามกลางกระแสซิตี้คาร์พันเทอร์โบ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากฮอนด้า หลังเปิดตัวแนะนำฮอนด้าซิตี้ แทนรถยนต์รุ่นเดิมที่ทำตลาดมายาวนานอย่าง Honda Brio ซึ่งเคยถูกปลุกปั้นมาเอาใจลูกค้า ที่มีความต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็กตามแนวคิดโครงการอีโค่คาร์ของภาครัฐบาล

ย้อนกลับไปราวๆ 10 ปี ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมีแนวคิดในการสร้างโปรดักส์แชมป์เปี้ยน ตัวใหม่ มาเพิ่มเติมจากรถกระบะบรรทุกขนาด 1 ตัน ซึ่งเริ่มมีฐานลูกค้าแข็งแกร่ง ทั้งจากในประเทศและภาคส่งออกในต่างประเทศ กระแสโลในเวลานั้นรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มมาแรง

ทางฮอนด้า และบริษัทรถยนต์ชั้นนำบางรายถูกเรียกเข้าไปพบ และสอบถามความเป็นไปได้ในการสร้างตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลุ่มใหม่ จากเดิมในตนนั้นมีเพียงกลุ่มเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เท่านั้น แนวทางดังกล่าวในระยะเริ่มเรียกว่า   ACEs Car  ก่อนมาในระยะหลังถูกเปลี่ยนเรียกว่า อีโค่คาร์

โครงการนี้ถูกยื้อมายาวนาน ผ่านมือ 3 รัฐมนตรีในยุคก่อน จนกระทั่ง มาประกาศเดินหน้าจริงจังในช่วงปี 2007 ว่า ใช่!!  เราจะมี “อีโค่คาร์” แน่นอน

ความคิดดั้งเดิมรถยนต์อีโค่คาร์มีเรื่องขนาดตัวถังเข้ามาเป็นข้อกำหนดด้วย คล้ายโครงการ  Kei Car   ของ ประเทศญี่ปุ่น  ตัวรถถูกกวางให้มีขนาดความยาว 3.6 เมตร และมีความกว้างไม่เกิน  1.63 เมตร เป็นระเบียบข้อกำหนดที่มีการถกกับค่ายรถยนต์เป็นครั้งแรกๆ  ก่อนจะมีกำหนดเพิ่มเติมตามที่เราเคยได้รับทราบมา คือ

  • ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาดไม่เกิน 1.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1.4 ลิตร
  • ปล่อยไอเสียไม่เกิน 120 กรัม ต่อกิโลเมตร
  • ประหยัดน้ำมัน 20 ก.ม./ลิตร (5 ลิตร /100 กิโลเมตร)

การกำหนดขนาดตัวรถในช่วงแรก ทำให้ฮอนด้าต้องเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ เนื่องจากโครงการอีโค่คาร์มีข้อได้เปรียบในหลายเรื่องที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และหลายบริษัทตีปีกว่าจะเข้าร่วมเกมใหม่ของภาครัฐด้วย

แรกเริ่มเดิมที่มีกระแสข่าวลือ ไม่ทราบแหล่งที่มาชี้ว่า ฮอนด้า อาจจะปรับ   Honda  Jazz   เข้ามาอยู่ภายใต้โครงการอีโค่คาร์ แต่ติดด้วยเรื่องขนาดตัวรถเกินกว่าข้อกำหนด ที่เคยมีการพูดคุยกับภาครัฐบาล ประกอบกับในตอนที่โครงการอีโค่คาร์เริ่มต้น ฮอนด้า แจ๊ส ก็อยู่ในช่วงกลางโฉม และส่อเข้าจะเปิดตัวรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้

ด้วยเหตุผลดังกล่าว 2-3 ข้อ ฮอนด้าจึงตัดสินใจพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ขึ้นมา โดยอาศัยแพลทฟอร์มเดิมของ   Honda Jazz  มาสร้างรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ เน้นทำตลาดเอเชียแปคซิฟิค

โครงการนี้มีรหัสว่า  2 CV  เริ่มมีกระแสข่าว มาตั้งแต่ช่วงปี 2004 หลุดมาจากวงการผู้ผลิตชั้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ความตั้งใจของฮอนด้า  คือพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กใหม่ ในกลุ่ม   Subcompact A  segment   (ขนาดเล็กกว่าฮอนด้า แจ๊ส)

คุณ ทาคาฮิโระ ฮิกูชิ หัวหน้าโครงการพัฒนารถยนต์   Honda Brio เผยว่า ฮอนด้ามองความสำเร็จจากการพัฒนารถยนต์  Honda  City   กว่า  15 ปี จนได้รับความนิยมจากลูกค้า  จึงถึงเวลาที่ฮอนด้า จะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ กับโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า

ฮอนด้า หมายตากลุ่มประเทศยานยนต์ใหม่ หรือ  Emerging Market   และ ที่นิยมรถในสไตล์นี้ มีเพียงไทยและอินเดีย ซึ่งกำลังมีการเติบโตในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กสูงมาก จนจะละเลยความจริงว่า คนยุคใหม่นิยมรถเล็ก คล้ายในประเทศญี่ปุ่น

โครงการดังกล่าวเดินมาถึงจุดสำคัญในปี 2010  Honda   เผยโฉมรถต้นแบบขนาดเล็ก   Honda  Small  Concept   เป็นครั้งแรก ในงานแสดงรถยนต์อินเดีย นับเป็นการยืนยันชัดว่าโครงการนี้เป็นความจริง

Honda New Small concept 2010

Honda New Small concept 2010

ตัวรถต้นแบบที่ออกมา (ดูภาพประกอบ)  จะเห็นว่ามีความทันสมัยลงตัว ตัวรถดูมาแนวคล้ายๆ  Honda Freed  ย่อส่วนน่าใช้งาน ให้ความสปอร์ตปนหรู ตามแนวทางเดียวกับ   Honda  Jazz

แต่อย่างว่า รถต้นแบบก็เป็นเพียงการวาดฝันจากทางนักออกแบบ พอวันที่ 30 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทางฮอนด้าส่งรถรุ่นนี้ตัว   Prototype   หรือ รถรุ่นพร้อมขายจริงออกมา มันกลับผิดคาด ไม่ตรงปก อย่างที่เราวาดฝันเอาไว้  Honda   เรียกรถรุ่นนี้ว่า   Honda  Brio   ชื่อรุ่นของมันมาจากภาษาฝรั่งเศส ให้ความหมายว่า สดใส ปราดเปรียว ฉลาด และทันสมัย

ฮอนด้ามั่นใจว่า รถรุ่นนี้จะสร้างประวัติศาสตร์ได้คล้ายเมื่อครั้น  Honda Civic   3  ประตู ช่วงยุค 90 ที่มียอดขายทะลุ 3 วัน 9,000 คัน เอาเข้าจริง   Honda  Brio   กลับเหงาหงอยกว่าที่คาด ทำยอดเพียง 1,190 คัน ในช่วง 12 วัน ถือวิ่ดคาดจากที่การตลาดวางไว้พอสมควร

สาเหตุที่ลูกค้าเลือกจะเมิน รถฮอนด้า ทั้งที่เป็นรถที่ไม่ว่าจะเปิดรุ่นไหนออกมา ก็ได้รับความสนใจ มาจากหลายสาเหตุ ประการแรก การออกแบบสร้างความผิดหวังกับลูกค้าอย่างมาก เนื่องจากรถคันนี้มีเป้าหมายจะขายราคาถูก ทางฮอนด้าจึงพัฒนามันด้วยความคิดใหม่หลายอย่าง

ส่วนที่คนรับไม่ได้มากที่สุด เหมือนจะเป็นด้านท้ายทรงตัด ราวกับ ใครเอาคัทเตอร์มาเฉือนรถ มันดูประหลาดเกินไป ผิดกับต้นแบบมากไป รวมถึงฝาท้ายเป็นกระจกเต็มบาน ยังให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกับผู้ใช้ มิหนำซ้ำบางออพชั่นถูกทอนออกไปจนเกิดกระแสวิจารณ์ โดยเฉพาะใบปัดน้ำฝนหลัง ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากเห็นว่าไม่เหมาะสม ตลอดจนยังมีประเด็นการล็อคความเร็วที่ 145 ก.ม./ช.ม.จากโรงงาน ด้วยมุมมองจากวิศวกรที่มองว่า ความเร็วเกินจากนี้จะไม่ปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากรถมีขนาดเล็ก ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน จนลูกค้าห่วงว่า จะแซงไม่พ้น ถ้าขับเดินทางต่างจังหวัด

แถมปัจจัยสำคัญอีกด้าน ก็มาจากคู่แข่งรายสำคัญอย่าง นิสสัน นำเสนอรถยนต์   Nissan  March  ที่จับเอา   Sub Compact B  มาเข้าร่วมโครงการตีตั๋วเด็กได้ ด้วยรถมีขนาดใหญ่กว่าในหลายมิติตัวถัง ตลอดจนยังมีราคาขายน่าสนใจ จูงใจลูกค้า เป็นคู่แข่งตัวฉกาจเลยก็ว่าได้

ปัจจัยดังกล่าวว่าแย่แล้ว ในวันที่ 11 มีนาคม 2011 จากเหตุแผ่นดินไหว และ สึนามิในญี่ปุ่น ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกับ Honda  Brio   ชิ้นส่วนบางอย่างที่ต้องนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถส่งมาผลิตในโรงงาน ประเทศไทยได้ ทำให้ แม้จะเปิดตัวรถพร้อมขาย ก็ยังไม่สามารถส่งมอบลูกค้าได้

ภัยพิบัติธรรมชาติ ยังกระหน่ำฮอนด้าไม่หยุด เพราะครึ่งปีหลังก็ยังมีภัยน้ำท่วมในประเทศ เข้ามาซ้ำเติมโรงงานโรจนะ ฐานการผลิตสำคัญ จนต้องหยุดผลิตรถไปช่วงระยะหนึ่ง ส่งมอบไม่ได้ ในช่วงการฟื้นฟูโรงงาน  ทางฮอนด้า อาศัยรถยนต์นำเข้าตรงจากประเทศญี่ปุ่น มาช่วยพยุงยอดขายจนผ่านพ้นช่วงวิกฤติการผลิตมาได้

สำหรับ ฮอนด้า บริโอ้ หลายเคราะห์กรรม ทำให้ คนจำนวนมากไม่สนใจมัน จนกระทั่งการมาของรุ่นซีดาน   Honda  Brio Amaze   ในวันที่  23 พฤศจิกายน 2555 เป็นการแก้เกมครั้งสำคัญ หลังจากไม่ประสบคามสำเร็จกับรุ่น 5 ประตูเท่าไรนัก

เกมกู้หน้า แก้บั้นท้าย   Honda Brio  Amaze   ดูจะลบคำสบประมาทต่างๆ ไปได้มากพอสมควร จากรุ่น 5 ประตูเดิม  รวมถึงยังเข้าแก๊บตรงจังหวะรถคันแรกของภาครัฐด้วย

 

การเร่งส่งรถออกมาเปิดตัวก่อนกำหนดการเดิม ในปี 2013 สร้างกระแสน่าสนใจ ทั้งการมีพรีเซนเตอร์ ทันทีตอนเปิดตัว รวมถึงความพร้อมจากทางฮอนด้ามากกว่า 5ประตู  ตลอดจน รถยนต์ซีดานยังเป็นที่นิยมของเมืองไทย ขนาดตัวรถ เพิ่มความยาวมาอีกนิดหน่อย จนมีขนาดไม่ 3.99 เมตร จากเดิม 3.6 เมตร ยังคงวางเครื่องยนต์เดียวกันไม่เปลี่ยนแปลง

การเปิดตัวรถในเวอร์ชั่น 4 ประตูจึงผ่านไปด้วยดี ได้รับความสนใจจากลูกค้าในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะต้องฟาดฟันกับนิสสัน ที่เปิดตัว   Nissan Almera   มาก่อนหน้า ด้วยการเอารถใหญ่มาตีตั๋วเด็ก คล้ายครั้น   Nissan  March   แต่ครั้งนี้ รถมีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงถูกเสียงขรมจากลูกค้าว่า อืด ขณะที่ฮอนด้า มีชัยทางด้านสมรรถนะการขับขี่ แต่มาแพ้เรื่องขนาดตัวรถที่เล็กกว่าพอตัว

การมาของ   Honda  Brio  Amaze   ช่วยให้ยอดขายอีโค่คาร์ในภาพรวมฮอนด้าพอไปได้ สำหรับชะตากรรมรุ่น 5 ประตู กลับกลายเป็นที่นิยมในฝั่งคนเล่นรถแต่ง ด้วยราคาซื้อหาง่าย แถมด้วยสมรรถนะของฮอนด้า ทำให้มันสามารถพัฒนาศักยภาพได้มากพอสมควรไม่ย่อหย่อนกว่าคู่แข่ง จนเป็นรถที่ได้รับความนิยม เห็นบริโอ้ปกติ ถ้าไม่แต่งถือว่า หายากมาก  ตามท้องถนน

อย่างไรก็ดี ตำนานอีโค่คาร์ฮอนด้า ในชื่อ  Honda  Brio   ในวันนี้ มันถูกแทนที่ด้วยการเอารุ่นใหญ่ Honda City   มาสวมบทตอบลูกค้า ความตั้งใจฮอนด้าลบชื่อเดิมที่ไม่ดี แล้วแทนที่ด้วยความนิยม ในราคาที่ถูกว่าเดิม พร้อมฟังชั่นแน่นๆ และไม่เน้น รถ 5 ประตูเหมือนเดิม ด้วยเข้าใจแล้วว่า คนไทย มีพฤติกรรมการซื้อรถอย่างไร

จากข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ รถยนต์  ฮอนด้า บริโอ้ ที่เข้ามาขายในโครงการอีโค่คาร์ระยะที่ 1 ตั้งแต่เปิดตัว จนถึงเดือนมิถุนายน 2562  บริโอ้ (5 ประตู) ทำได้ 30,604 คัน ส่วน บริโอ้ อเมซ (4 ประตู) 31,396 คัน รวมแล้ว  62,000 คัน  ในตลอดช่วงเวลาของมัน ถือว่าเป็นรถที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

สำหรับ  Honda  Brio   แม้ว่าจะหายไปจากประเทศไทย ในวันนี้ และใครที่ขับอยู่ต้องขอแสดงความยินดีว่า คุณขับรถรุ่น   Limited   จากฮอนด้า ที่เข้ามาขายเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น  และไม่มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง ทว่าในอินเดีย และอินโดนีเซีย ชื่อเสียงของมันยังคงเดินต่อไป ทั้งรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู

รถรุ่นนี้ยังมีขายใน 2 ประเทศดังกล่าว ที่นิยมมองฟังชั่นตัวรถ ความครบเครื่องในการใช้งาน เมื่อถัวรวมกับปัจจัยทางด้านราคา ไม่ได้มองจุดขายทางด้านงานออกแบบสักเท่าไรนัก

จากภาพรุ่นใหม่ ที่เปิดตัวออกมาในปี 2018 ทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตู ก็ต้องยอมรับว่า ออกแบบมาดีขึ้นกว่ารุ่นแรก แต่ยังคงเป็นรถที่สาวกฮอนด้าชาวไทย อาจไม่ถูกใจนัก ถ้ามันมาขายจริงในบ้านเรา

อย่างไรก็ดี แม้ว่า   ฮอนด้า บริโอ้ จะไม่สำเร็จนักในตลาดรถเก๋ง แต่ด้วยการพัฒนาแพลทฟอร์มขึ้นมาใหม่ เราจึงได้เห็นฮอนด้าพัฒนารถใหม่ๆ จากพื้นฐานของรถรุ่นนี้ ทั้ง  Honda  Mobilio  ,หรืออเนกประสงค์   Honda  BR-V  ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้า

ถ้าเรามองภาพรวมๆ จะพบว่า พื้นฐานจาก ฮอนด้า บริโอ้ ได้สร้างยอดขายมากกว่า ตามข้อมูลที่เราได้เอ่ยไปในข้างต้น เพียงแต่มันไม่ใช่อีโค่คาร์ ….

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่