กลายเป็นกระแสแรงส่งท้ายปี เมื่อสองค่ายรถยนต์ส่งรถนั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่มาทำตลาด ชูโรงด้วยการวางหมากเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบบล็อกเล็ก ลดการปล่อยไอเสีย และมีความประหยัดน้ำมันอย่างน่าสนใจ ในราคาที่ซื้อหาได้

มันไม่น่าแปลกใจนักที่หลายคน นำ   Nissan  Almera  ใหม่ มาเปรียบเทียบกับ  Honda  City   ด้วยทั้งคู่ต่างเข้าร่วมโครงการรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม หรือ อีโค่คาร์ระยะที่ 2 ตลอดจน ยังมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบเกียร์  CVT   เหมือนกันอีกต่างหาก

หนึ่งเป็นค่ายเก๋าเกมเรื่องอีโค่คาร์ ผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน อีกหนึ่งเป็นซิตี้คาร์ที่มาพร้อมตั๋วเด็กออพชั่นแน่น ราคาย่อมเยาว์กว่าเดิม วันนี้เราจะมาสำรวจพร้อมกัน

ก่อนจะเริ่มบรรเลงการเปรียบเทียบในบทความต่อไปนี้ ผมอยากจะทำความตกลงกับผู้อ่านทุกท่าน ให้เข้าใจตรงกันก่อนในบางประการ

อันดับแรก ผมตัดสินให้ Honda  City RS   ใหม่ ตกรอบไป เนื่องจากมันเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษเน้นความสปอร์ต หรือว่าง่ายๆ เป็นตัวแต่งเสร็จจบมาจากโรงงาน ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ คงจะต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ส่วน  Nissan  Almera  เราจัดการตัดรุ่นล่างสุด 499,000 บาท ออกไป แม้ว่าจะได้ราคาถูก แต่ความจริง คือไม่น่าจะมีใครซื้อมันนัก เนื่องจากเป็นรถไร้ออพชั่น เราจึงขอมองความจริงเริ่มที่รุ่น  E  ขึ้นมา

ข้อต่อมา การตัดสินเปรียบเทียบนี้อยู่ภายใต้ พื้นฐานรายละเอียดทางเทคนิค และข้อสังเกตบางประการที่พบได้จากงานเปิดตัว หลังจากได้เห็นและสัมผัสรถทั้ง 2 รุ่น ไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบหลังลองขับ หรือ  Test Drive  ข้อมูลรถมาจาก  Ecosticker   และ ข้อมูลจากโบว์ชัวร์ของรถทั้ง 2 รุ่น

เทียบขนาดและการวิศวกรรมพื้นฐาน

ก่อนจะเริ่มการเปรียบเทียบท้ง 2 รุ่น ผมขอเริ่มจากการร่ายมนต์ พิธีกรรมด้วยการนำรายละเอียดทางเทคนิคในเบื้องต้นทั้งหมดมากางให้ดูกันก่อน

 Nissan  Almera 1.0 TurboHonda  City 1.0 Turboรายงานความแตกต่าง
ความยาว (มม.)4,4954,553City(+58มม.)
ความกว้าง (มม.)1,7401,748City(+8มม.)
ความสูง (มม.)1,4601,467City(+7มม.)
ระยะฐานล้อ  (มม.)2,6202,589Almera ยาวกว่า(+31 มม.)
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ (มม.)135135 
น้ำหนักเปล่าตัวรถ1,076 (VL)1,154(SV)Almera เบากว่า(-78 กก.)

งานนี้เริ่มด้วยขนาดตัวรถ จะพบว่า  Honda  City ใหม่ ชนะในทุกมิติตัวถัง ทั้งความยาว ความกว้าง และความสูง  แต่น่าสังเกตว่า ระยะฐานล้อของ   Nissan Almera   วิศวกรรมมาให้มีความยาว เพื่อลดระยะยื่น หรือ  Over Hang  ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในระหว่างการขับขี่ในเมือง หรือ จังหวะจะต้องมุด ก็น่าจะทำได้ง่ายควบคุมเป็นไปดั่งใจกว่า เนื่องจากมีช่วงยาวจากตัวล้อไปถึงทางหน้า หรือหลัง สั้นกว่าพอสมควร

ในแง่การออกแบบ ทั้งสองรุ่นก็ต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดการออกแบบไปคนละทาง

นิสสัน เห็นหน้าค่าตา รถเปิดมา บอกได้คำเดียวว่า สปอร์ตถูกใจวัยรุ่น มากๆ เส้นสายงานออกแบบ ไม่ขี้เหร่ อีกต่อไป มันดีพอราวกับนิสสันไล่ทีมออกแบบเดิมไป แล้ว คิดตั้งต้นว่า “เอาใหม่เว้ย” จนเรียกว่า พลิกความคาดหมาย จนหลายคนยังว้าวอยู่มาจนถึงวันนี้

ทางด้านฝั่ง ฮอนด้า ซิตี้ ใช่ว่าจะน้อยหน้า ซิตี้ เกิดขึ้นมาถึง 4 เจนเนอร์เรชั่นแล้ว ถ้าไม่นับรุ่นที่ขายในญี่ปุ่นแบบ 5 ประตุ แล้ว แถมมอเตอร์ไซค์คันจิ๋วมาด้วย

ตัวรถเกิดภายใต้ความคิดเป็นรถที่ทุกคนสามารถมีครอบครองได้ และพัมนาส่งต่อคุณค่ามาเรื่อย จากรุ่นสู่รุ่น รุ่นนี้จึงพยายามพัฒนามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การออกแบบเลยยังคงมาในโทนกลางๆ ดูหรูพรีเมียม ไม่ใช่รถซิตี้คาร์เน้นเส้นสายลายสปอร์ตนัก มันให้รายละเอียดน่าสนใจบางประการให้มาทุกรุ่นย่อย อาทิ

  • โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์
  • ไฟ  Day Time Running Light
  • ไฟท้าย  LED
  • คลีบฉลาม

ทั้งหมดนี้แสดงถึงการวางตัวเองให้สูงกว่า  รถจากค่ายนิสสัน มีออพชั่นให้เลือกครบจบมากกว่า ถ้าต้องการ แต่การออกแบบก็ต้องแล้วแต่คนชอบ

ห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสาร  นิสสันเริ่มต้นด้วยภายใน สีดำ ตบแต่งสีเงิน 2 รุ่นล่าง  (E- EL)  ให้วิทยุรองรับการเชื่อมต่อมาด้วย ออพชั่นที่จะเริ่มสูสีกับ   Honda City  จะเริ่มในตัว  EL ไม่ว่า จะรีโมทกุญแจอัจฉริยะ ให้ปุ่มสตาร์ท เบาะนั่งผ้า ตบแต่งขอบสีเทา ให้เรือนไมล์เรืองแสง พวงมาลัยสปอร์ตมัลติฟังชั่น  แต่ให้ระบบอากาศมาตรฐาน

ทางด้านซิตี้ เริ่มต้น ก็มีทุกอย่างมาให้ครบ ราคา จึงพุ่งมาอยู่เท่าตัว  EL ทันที ยังให้เรือนไมล์เรืองแสงแบบเข็ม ปุ่มสตาร์ท เครื่องเสียงวิทยุ รวมถึงให้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ  พร้อมจอ  MID

อย่างไรก็ดี  พอมาดูในรุ่นท๊อป ทั้ง  SV  และ  VL   เราจะพบว่า มันให้เครื่องเสียงจอสัมผัส 8 นิ้ว มาด้วย แต่ใน อัลเมร่า VL   ให้ ลำโพงมากถึง 6 จุด เรือนไมล์เปลี่ยนใหม่ แสดงผลคล้ายใน  Nissan  LEAF   และให้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาด้วย  การออกแบบภายในเล่นสีทูโทน หนังสังเคราะห์สีเทา  มีปุ่มควบคุมหน้าจอ   TFT

ส่วนในซิตี้ ไม่ได้ให้อะไรมากมายนัก ยกเว้นว่า คุณจะโดดไปซื้อ  RS   ที่แพงกว่า แสนบาท แต่งสปอร์ต จะได้อีกหลายรายการ ซึ่งเราได้ตัดออกไปตามเงื่อนไขของการเปรียบเทียบครั้งนี้

ถึงแม้ตามสเป็คจะดูไม่มีอะไรต่างกัน แต่จากที่สัมผัสจับรถ  Honda  City ใหม่ มีความกว้างขวางนั่งสบายมากกว่า  Nissan  Almera   ใหม่  พอสมควร ท่านั่งผู้โดยสารตอนหลัง มีพื้นที่กว้างกว่า เพียงแค่ท่านั่งชันหลังกว่า ขณะที่คู่แข่งให้ความสบายในการโดยสารมากกว่า

เครื่องยนต์เป็นไง

ทางด้านเครื่องยนต์กลไก ผมเชื่อว่าหลายคน คงอ่านสเป็คกันไปแล้ว น่าจะพบว่า รถทั้งสอง หันมาใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร แบบสามสูบ สี่วาล์ว พกระบบเกียร์   CVT   มาเป็นคู่หูตอบตลาดเหมือนๆ กัน

ถึงแม้ผิวเผินๆ จะเหมือนกัน เมื่อผ่าสเป็คเข้าไปในเครื่องยนต์ จะพบว่า ขนาดปริมาตรจริงของ นิสสัน มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย 999 ซีซี เทียบกับ 988 ซีซีในฮอนด้าซิตี้ แต่ในเรื่องกำลังกลับกลายเป็น  Honda  City  สามารถทำกำลังมากกว่า ถึง 122 แรงม้า และให้แรงบิดมากกว่า 173 นิวตันเมตร รอบการทำงานก็มาต่ำกว่า 400 รอบต่อนาที  แถมประหยัดกว่า และปล่อยไอเสียต่ำกว่าของ  Nissan Almera เสียอีก

นอกจากนี้ เมื่อมองความเป็นจริงในการใช้รถในเมือง จากข้อมูล  Eco Sticker  บ่งชี้ว่า Honda  City  ทำอัตราประหยัดในเมืองดีกว่า ถึง 4.6 ลิตร /100 ก.ม. จากการทดสอบของภาครัฐ มันดีกว่า  Nissan  Almera   ที่ทำได้เพียง 5.0 ลิตร /100 ก.ม.

 Nissan  Almera 1.0 TurboHonda  City 1.0 Turboรายงานความแตกต่าง
รูปแบบ3 สูบ 12 วาล์ว พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ 3 สูบ 12 วาล์ว พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ 
ขนาด (ปริมาตรจริง)1.0 ลิตร (999ซีซี) 1.0 ลิตร (988ซีซี) 
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบ (มม.)72.273.0 
ช่วงชัก (มม.)81.378.7 
กำลังอัดต่อสูบ9.5 : 110.0 : 1 
กำลังเครื่องยนต์สูงสุด100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาทีCity   มากกว่า 22 แรงม้า
กำลังแรงบิดสูงสุด152 นิวตันเมตร ที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาทีซิตี้ มีแรงบิดมากกว่า  21 นิวตันเมตร
ระบบเกียร์CVTCVT 
อัตราทดเกียร์4.0062-0.45802.544-0.402 
อัตราทดเฟืองท้าย3.924.992 
อัตรากำลังต่อน้ำหนัก (Power to weight Ratio)10.76 กก./แรงม้า9.38 กก./แรงม้าอัตราแบกน้ำหนัก ซิตี้ดีกว่า
ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวมีมี 
การรองรับพลังงานทางเลือกE20E20 
อัตราประหยัดน้ำมัน เฉลี่ย(ก.ม./ลิตร)23.323.8ซิตี้ประหยัดกว่า
ค่าใช้จ่ายพลังงานต่อเดือน จาก  Ecosticker2,980 บาท2,911 บาทค่าใช้จ่ายน้ำมันต่อเดือน ซิตี้ถูกว่า
การปล่อยไอเสีย100 กรัม /กิโลเมตร99 กรัม/กิโลเมตรซิตี้ปล่อยไอเสียน้อยกว่า
อีโค่คาร์เฟส 2ใช่ใช่ 

ดังนั้น หากกล่าว โดยสรุป จากภาพรวมในเรื่องการวิศวกรรมเครื่องยนต์ของ ขุมพลังทั้ง 2 รุ่น เราจะเห็นชัดว่า   Honda  City  มีภาษีในเรื่องมากกว่าในหลายเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าของนิสสัน จะขี้เหร่เสียทีเดียวในความเป็นจริง  มันยังให้ความประหยัด และมีกำลังเครื่องยนต์เป็นที่น่าพอใจใช่น้อย

อย่างไรก็ดี ถ้าเรานำ ราคารถทั้ง 2 รุ่นมาจัดระเบียบ วางให้มีช่วงราคาใกล้กัน จะพบว่า   Honda  City   มีราคาแพงกว่า   Nissan Almera   ทุกรุ่น เมื่อเทียบระหว่างรุ่น ที่มีออพชั่นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กระโดดข้ามไปมากนัก

ตารางทียบราคาระหว่างรุ่น

Nissan Almera509,000 บาท (E)559,000 บาท (EL)599,000  บาท (V)639,000  บาท (VL)
Honda  City 579,500 บาท (S)609,000  บาท (V)665,000  บาท (SV)
ความแตกต่างช่วงราคา 20,500 บาท10,000 บาท26,000 บาท

ฮอนด้าได้ตั้งราคามาแพงกว่า เพียง 10,000- 26,000 บาท เท่านั้น ในรุ่นปกติทั่วไป ที่ไม่ใช่ในรุ่นแต่งพิเศษ   RS   ตามที่เราวางเงื่อนไขไว้ในบทความนี้  จะเห็นได้จากราคาข้างต้น

เมื่อซอยย่อยลงไป ตามแต่ละทั้ง 3 รุ่น นิสสัน อัลเมร่า จะเด่นกว่าทันทีในรุ่น  V  และ   VL   ให้ไฟหน้า  LED   มาด้วย ขณะที่  Honda  City   ต้องซื้อ RS

เช่นเดียวกันในห้องโดยสาร การให้เรือนไมล์  TFT   ก็ดูมีคุณค่ามากกว่า ไมล์เรืองแสงแบบเดิม ตลอดจนเครื่องเสียง   Nissan Connect ตลอดจนลำโพงในห้องโดยสารมากกว่า 2 ตัว ก็นับว่ามากกว่า ซิตี้ อยู่ไม่น้อย

ความปลอดภัย วัดกัน

อย่างไรก็ดี, ถ้ามาวัดเรื่องการให้ระบบความปลอดภัย รถทั้ง 2 รุ่นให้ระบบความปลอดภัยครบเครื่องในระดับพื้นฐาน  ,ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

แต่ทางนิสสัน กลับยัดของไฮโซ อย่างระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทางด้านหน้ามาให้ สามารถหาซือได้ถ้าจับรถตั้งแต่รุ่น EL   และรุ่น  V   เพิ่มระบบ กล้องมอง 360 องศา และตรวจจับรอบคัน ส่วนรุ่นท๊อป เพิ่มระบบเตือนมุมอับสายตาและ เตือนขณะถอยออกช่องจอดรถด้วย

ส่วนฮอนด้า เหมือนจะไปมุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัย ให้ถุงลมนิรภัย 4 จุด ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และ ระบบ สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหัน ไม่มีระบบความปลอดภัยจาก Package  Honda sensing   ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะขนาด   Honda  Civic  ยังมีแค่ในรุ่น RS  เท่านั้น

 Nissan  Almera 1.0Honda City 1.0หมายเหตุข้อมูล
ระบบควบคุมการทรงตัวมีมีมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค และกระจายแรงเบรกมีมีมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ระบบเสริมแรงแรงเบรกมีมีมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ระบบช่วยออกตัวทางลาดชันมีมีมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหันมีมีเฉพาะ  City
ระบบเตือนการชนทางด้านหน้ามีติดตั้งให้ตั้งแต่รุ่น  EL
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ตรวจจับได้ทั้งคน และรถยนต์มีติดตั้งให้ตั้งแต่รุ่น  EL
กล้องมอง 360 องศา และตรวจจับวัตถุรอบคันมีติดตั้งให้ตั้งแต่รุ่น  V
กล้องมองหลัง พร้อมปรับได้ 3 ระดับมี 
ระบบเตือนมุมอับสายตามีติดตั้งให้ในรุ่น  VL
ระบบเตือนวัตถุทางด้านหลังขณะถอยมีติดตั้งให้ในรุ่น  VL
ถุงลมนิรภัยคู่หน้ามีมีมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
ถุงลมนิรภัยข้างคู่หน้ามีมี City   มาตรฐานทุกรุ่นย่อย  Almera  ติดตั้งเฉพาะใน  VL
ม่านนิรภัยข้างมีมีติดตั้งเฉพาะในรุ่นท๊อปออพชั่นของรถทั้ง 2 รุ่น

สรุป  Nissan  Almera  – Honda  City   ใครคุ้มกว่ากัน

มาถึงตรงนี้ เราจะเห็นได้ว่า  Honda  City   ใหม่ และ   Nissan  Almera   ต่างตอบโจทย์เหมือนกันในเรื่องความเพียงพอต่อการใช้งาน และเครื่องยนต์สมรรถนะดี ทั้งในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ความประหยัด ตลอดจน มีความมั่นใจในสมรรถนะการขับขี่

ฮอนด้า ให้ความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ที่มีมากกว่าหลายๆด้าน และพื้นที่โดยสาร และการใช้สอย กลับกัน นิสสันก็ยื่นหัวหอกความปลอดภัยเข้ามาเป็นสิ่งที่ยากจะกินกันลง

ถ้ามองแบบกลางๆ นิสสัน อัลเมร่า จะมีภาษีเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ตั้งแต่รุ่น EL   ขึ้นมาและรุ่น  VL  อาจพูดได้ว่า มีดีกว่าคู่แข่ง กลับกัน ซิตี้ ให้ภาพความน่าใช้งานครบเครื่องฟังชั่นมาก แต่ดีกว่าตรงมีความสปอร์ตให้เลือกในรุ่น  RS   แม้ว่าเราจะไม่กล่าวถึงในบทความนี้ก็ตามที

สำหรับใครที่สนใจรถยนต์ทั้งสองรุ่น ก็ต้องยอมรับว่า ทั้งคู่ต่างมีดีในแบบที่ทางผู้ผลิตต้องการนำเสนอ ถ้าให้สรุป

ต้องการภาพลักษณ์ดี สมรรถนะเยี่ยมและเหนือชั้นให้เลือก   Honda  แต่กลับกัน ถ้าคุณต้องการ ความปลอดภัย การขับขี่ดีในระดับน่าพอใจ  Nissan   ก็ไม่ย่อหย่อนกว่าคู่แข่ง


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่