แม้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า จะได้รับความสนใจ อย่างมากในหลายประเทศทั่วโลก แต่รถยนต์ไฟฟ้า ก็อาจจะหาใช่จุดจบของรถยนต์สันดาปไม่ เพราะ รายงานวิจัยล่าสุด ออกมาระบุว่า เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ มองหา รถยนต์สันดาปเป็น รถคันต่อไป

รายงานวิจัย จาก S&P Global Mobilityที่ศึกษา การภักดีในรถยนต์ไฟฟ้า โดยทำการศึกษาว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า จะยังเลือกซื้อพวกมันในคันต่อไป หรือไม่ พบว่ามีลูกค้า กว่า 52.1% ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว อาจจะพิจารณา เปลี่ยนรถคันต่อไป โดยไม่คำนึง ว่า มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือไม่ , ซึ่ง การศึกษาดังกล้าว ชี้ว่า นั่นอาจไม่ได้หมายถึง รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบัน แต่อาจรวมถึง รถคันอื่นๆ ที่มีอยู่ในบ้าน ก็ได้

S&P Global Mobility  ชี้ว่า ผู้ใช้ มีแนวโน้มจะซื้อ รถยนต์ไฟฟ้าลดลง จาก ช่วงเวลาที่สูงที่สุด อยุ่ที่ 81% เหลือเพียง 52% โดยมีหลายเหตุผล ที่ลูกค้า อาจจะไม่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไป เพราะ ประสิทธิภาพของรถยนต์สันดาปที่เพิ่มขึ้น รวมถึง รถไฮบริด ทำให้ ไม่ต้องเผชิญอุปสรรค ที่รถยนต์ไฟฟ้าเผชิญ

ที่น่าสนใจ คือ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน มีแนวโน้ม ในการเปลี่ยนมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้า จากนิสสัน อีกครั้ง สูงถึง 63.2% นั่นมากกว่า ค่าย Chevrolet ที่มีแนวโน้มจะซื้อ EVs อีกครั้งใน อัตรา 60.6%

โดยในฝั่งนิสสัน มีแนวโน้ม จะซื้อ tesla Model Y เป็นคันต่อไป ในอัตราร้อยละ 14.3 ,รองลงมา คือ Nissan Leaf ร้อยละ 12.4 โดยถ้าพวกเขาไม่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย นิสสัน มีกลุ่มลูกค้าภักดี ค่อนข้างสูง มีแนวโน้มจะไป รถรุ่นอื่นๆ ของ นิสสัน อาทิ Nissan Rogue, altima และ Pathfinder

ขณะที่ทางด้านค่าย Ford ซึ่งปัจจุบัน เป็นเจ้าของ Ford Mustang Mach E นั้น มีอัตราการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันต่อไปเพียง 37.3% เท่านั้น และ ระบุว่า พวกเขาจะซื้อรถสันดาป Ford คันต่อไป สูงถึง 45.8% โดยอาจจะเป็นรถกระบะ หรืออะไรก็ตาม รวมถึง หรือ ระบบขับเคลื่อนไฮบริด

อย่างไรก็ดี ที่น่าสนใจ คือ Chevrolet Bolt มีความภักดี กับ การเลือกใช้ รถยนต์ไฟฟ้าสูง แต่ไม่ได้ ต้องการจะซื้อรถยนต์คันต่อไป ในกลุ่มสันดาปของ เชฟวี่ และ พร้อมจะ มูฟไปแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เหมาะสม กับการใช้งานของพวกเขา มีเพียงร้อยละ 28.8 เท่านั้น ที่จะซื้อ Bolt คันต่อไป และ บางคนบอกว่า พร้อมจะกลับไปใช้ อเนกประสงค์ เชฟวี่

อย่างไรก็ดี ,​รถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถหรู มีความต้องการมากขึ้น โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตั้ว อาทิ ค่ายตราดาว จะมีอัตราจาก 24.3% มาเป็น 56.5% หรือ Audi เพิ่มจาก 25.5% มาเป็น 50.1% ที่น่าสนใจ คือ BMW อัตราการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ลดลง จาก 46.6% ลงเหลือเพียง 45.9%

ทั้งนี้การศึกษาดังกล่าว ทำในอเมริกา และยังไม่มีการศึกษา ถึงรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ คิดแบบเดียวกันหรือไม่ อย่างไร รวมถึง ในประเทศอื่นๆ

สำหรับ การศึกษา ดังกล่าว เป็นการวิจัย เพื่อดูว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัยังจจุับน มีแนวโน้มในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไปหรือไม่ ซึ่งจากวิจัย ก็ชัดเจนว่า มีโอกาสอยู่เยอะมาก ที่ลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า จะยังกลับมารถสันดาป แม้พวกมันจะถูกมองว่า ปล่อยไอเสีย แต่ ด้วยระบบขับเคลื่อนยุคใหม่ อย่างไฮบริด ก็นับว่า สร้างความน่าสนใจไม่น้อย

อ้างอิงข้อมูลจาก SPglobal

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่