หลังมีทั้งภาพ Spyshot และข้อมูลหลุดออกมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุด Nissan Z Nismo ก็ได้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการสักที ในฐานะรถยนต์โมเดลปี 2024

2024 Nissan Z Nismo อาจดูหวือหวาน้อยลงกว่าพี่ๆอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อยมันก็ยังคงได้รับการปรับปรุงในเรื่องของชิ้นส่วนงานตกแต่งภายนอกใหม่ ที่เน้นการเพิ่มความลู่ลมให้มากขึ้นแบบ “น้อยแต่มาก” ตามฉบับ Nismo เช่นเดิม

และใช่ครับ แม้หากมองด้วยตาเพียงผิวเผิน คุณอาจไม่รู้สึกว่าเจ้า Z Nismo คันนี้ ดูแตกต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่ในความจริงแล้ว ชิ้นส่วนกันชนหน้าของมัน ได้ถูกปรับใหม่ ให้มีความยื่นยาวและลาดต่ำลงกว่าเดิมพอประมาณ เสริมด้วยชิ้นสปอยเลอร์สร้างแรงกดที่บริเวณเหนือช่องลมด้านหน้า

และชายล่างก็มีสปอยเลอร์ หรือสเกิร์ตตัดลมอีก 2 ชั้น โดยที่ด้านข้าง ยังมีการออกแบบให้เป็นรูปทรงครีบตัดลม เพื่อแหวกอากาศออกจากแนวซุ้มล้ออีก ซึ่งงานดีไซน์ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นตระกูล 240Z

เช่นเดียวกัน ในส่วนด้านข้างตัวรถ ก็มีการเสริมสเกิร์ตข้างแบบใหม่ ที่ช่วยลดกระแสลมวนเข้าใต้ท้องรถ และในขณะเดียวกันก็มีการปาดแนวเพื่อแหวกลมออกจากแนวซุ้มล้อรถด้านหลังได้ดีกว่าเดิม

ฝั่งชุดสปอยเลอร์หลัง แม้จะไม่ได้ดูเวอร์วังเท่ารุ่นพี่ แต่ก็ถูกออกแบบให้มีความยาวพาดมาจนถังแนวเหนือซุ้มล้อทั้งสองฝั่ง ช่วยสร้างแรงกดได้เพียงพอต่อการใช้งาน ชุดกันชนท้าย ก็ได้ดิฟฟิวเซอร์ใหม่ ช่วยลดแรงฉุดจากกระแสลมได้เป็นอย่างดี และปิดท้ายด้วยชุดล้ออัลลอยด์ 9 ก้าน ลายเฉพาะรุ่นจากสำนักดัง RAYS

ระบบกันสะเทือนและช่วงล่างทั้งหมด คือสิ่งถัดไปที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติม ทั้ง เหล็กกันโคลงใหม่, สปริงใหม่ ที่แข็งขึ้น และใหญ่ขึ้น, โช้กใหม่ ปรับเซ็ทค่าความหนืดให้สัมพันธ์กัน รวมถึงยังเปลี่ยนลูกหมากโช้ก และบูชยางช่วงล่างอีกหลายจุดให้มีความแข็งมากขึ้น เพื่อการควบคุมรถที่กระชับฉับไวกว่าเดิม

ชุดล้ออัลลอยด์ 19 นิ้ว จาก RAYS ที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ก็มีน้ำหนักเบาลงกว่าล้อดั้งเดิม แถมยังรัดด้วยยาง Dunlop SP Sport MAXX GT600 ที่หนึบกว่าเดิม และมีหน้ากว้างกว่ายางติดรถ Nissan Z รุ่นปกติ จึงมั่นใจในเรื่องสมรรถนะการเข้าโค้งได้แน่นอน

ด้านขุมกำลังของตัวรถ น่าเสียดายที่ทางค่ายไม่ได้มีการเปิดเผยเรื่องการปรับแต่งเท่าไหร่นัก นอกจากระบุว่ามันยังคงเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร ลูกเดิม แต่ได้รับการปรับจูนในเรื่องของตัวเวสท์เกตไฟฟ้าใหม่ เพื่อให้เทอร์โบสามารถสร้างแรงดันอากาศก่อนเข้าเครื่องยนต์ได้มากขึ้น

จนมันสามารถทำแรงม้าได้ดีขึ้น เป็น 420 PS และมีแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 520 นิวตันเมตร และยังมีการปรับปรุงระบบหล่อเย็นน้ำมันเครื่องใหม่ เพื่อความสเถียรของเครื่องยนต์ในช่วงรอบสูงๆ หรือในภาวะการใช้งานหนักๆที่ดีกว่าเดิม

ส่วนชุดเกียร์เอง น่าเสียดายที่มีให้เฉพาะชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเท่านั้น แต่อย่างน้อยทาง Nissan ก็ได้มีการปรับปรุงระบบคลัทช์ และระบบสมองกลใหม่ ให้ช่วยลดระยะเวลาในการต่อเกียร์ลงไปถึง 50% แถมยังมีการเพิ่มระบบล็อครอบออกตัว กับโหมดการขับขี่ Sport+ เข้าไป รวมถึงโปรแกรมควบคุมชุดเกียร์สำหรับการใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะเข้าไปอีก

ด้านการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ด้วยห้องโดยสารที่มาพร้อมกับ หน้าจอมาตรวัด TFT ที่มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซใหม่เฉพาะรุ่น, ปุ่ม Push Start Engine สีแดงอโนไดซ์, พวงมาลัยใหม่ เพิ่มแถบ Center Mark สีแดงด้านบน และหุ้มก้านด้วยหนังอัลคันทาร่าช่วงครึ่งล่าง, และสุดท้ายคือ เบาะนั่งพิเศษเฉพาะรุ่นที่ดูเบา และแข็งแรงกว่าเดิมจาก Recaro

ส่วนราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น ก็ได้มีการประกาศตัวเลขแล้วเป็นที่เรียบร้อย ว่าจะตั้งขายที่ 9,200,400 เยน หรือราวๆ 2.21 ล้านบาท

ข้อมูลจาก Nissan

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่