ผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว นับตั้งแต่ Subaru ได้มีการเปิดตัว Solterra รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของตนเองออกมา แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเกี่ยวกับรถยนต์กลุ่มนี้อีกเลยนับแต่นั้น

จนกระทั่งล่าสุด ทาง Subaru ได้มีการประกาศข้อมูลยืนยันออกมา ว่าในปี 2026 หรืออีกราวๆ 2 ปีข้างหน้านี้ พวกเขาจะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าออกมาพร้อมกันทีเดียวถึง 3 รุ่น

และแม้ในปีงบประมาณ 2023 ที่ผ่านมา พวกเขาจะมียอดขายเติบโตขึ้นกว่าเดิมถึง 75% และกำไรจากการดำเนินงานที่โตขึ้นอีก 15% แต่ทาง Subaru ระบุว่าเพื่อช่วยให้การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงแรกเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นเดียวกับ Solterra พวกเขาจึงจะยังคงพัฒนาตัวรถร่วมกับ Toyota ไปก่อน ซึ่งในทางหนึ่งก็เป็นการลดต้นทุนในการพัฒนาด้วยไปในตัว

นอกจากนี้ ทาง Subaru ยังระบุอีกว่าตัวรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่น ที่จะเปิดตัวในปี 2026 จะมีเพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้นที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ณ โรงงานในเมืองยาจิมะ ซึ่งคาดว่าจะเป็น Global Model ส่วนที่เหลือ จะเป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลดภาษีการนำเข้าในประเทศที่ถือเป็นตลาดใหญ่ของแบรนด์ แต่นั่นก็หมายความว่ามันอาจไม่ถูกส่งนำมาทำตลาดในประเทศอื่นๆได้ง่ายๆ ซึ่งนั่นรวมถึงไทยเราด้วย

ที่น่าสนใจไม่แพ้กันในข้อมูลครั้งนี้ก็คือ หลังจากที่โปรเจ็กท์รถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่น ถูกเปิดตัวไปแล้วในปี 2026 ทาง Subaru ยังระบุอีกว่าพวกเขาจะมีการทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอีก 4 รุ่น ภายในสิ้นปี 2028 ซึ่งตัวรถกลุ่มหลังนี้จะเป็นรถที่ทางค่ายพัฒนาขึ้นมาเอง ไม่ได้พึ่งความช่วยเหลือจากทาง Toyota อีกต่อไป

แต่ทั้งนี้พวกเขายังทิ้งท้ายไว้ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับทิศทางการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าด้วยว่าจะเติบโตได้ดีแค่ไหน เพราะถ้าไม่ ทางค่ายก็มองว่าพวกเขายังไม่จำเป็นต้องรีบเข้าร่วมแต่อย่างใด และอาจทำให้โปรเจ็กท์ในเฟสสองต้องถูกเลื่อนออกไปในที่สุด

“ด้วยการร่วมกันพัฒนา, ร่วมกันผลิต, และร่วมกันใช้ทรัพยากรครั้งนี้ , เราจะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในความยืดหยุ่นด้านการพัฒนาและการผลิต และช่วยลดความเสี่ยงกับทาง Toyota Motor Corp. ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากต่อการจะคาดคะเนอนาคตของตลาดได้อย่างชัดเจนเช่นนี้” Atsushi Osaki ประธานบริหารสูงสุดของ Subaru กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Automitive News

นอกจากนี้ ในการให้ข้อมูลครั้งเดียวกัน ทาง Subaru ยังระบุอีกว่า พวกเขาจะพร้อมวางจำหน่ายรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริด e-Boxer เจเนอเรชันที่ 2 ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาไม่เกินสิ้นปีนี้ ก่อนจะมีการทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกที ในปี 2026 (ซึ่งคาดว่าในไทยเอง ก็อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน)

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: