ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย เพื่อทำให้รถยนต์ยุคใหม่มีศักยภาพการขับขี่เคียงข้างกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง หรือ   Inline 4 Engine   กลับเป็นเพื่อมิตรคู่คิดคู่ยากบรรดาทีมวิศวกรมายาวนาน

ยิ่งปัจจุบันเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงถูกพัฒนาศักยภาพในการขับขี่มากขึ้น  จนเครื่องยนต์สมัยใหม่บางรุ่นทำกำลังดีพอจะโลกเครื่องยนต์ที่มีลูกสูบ อย่าง  V6   หรือ  I6  เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงหายไปจากตลาด

มีเหตุผล 2-3 ประการ ทำไมเครื่องยนต์ 4 สูบกลายเป็นที่สนใจสำหรับบรรดาวิศวกรรม  ตลอดจนในแง่การลงทุนของบริษัทรถยนต์เองต่างมองว่ามันคุ้มค่า จนเครื่องยนต์แบบนี้ออกมาวางจำหน่ายมากหน้าหลายตา หลายขนาด ตั้งแต่ 1.5 ลิตร ไป ยัน ขนาด 2.4 ลิตร  ถือเป็นกลุ่มตลาดใหญ่ที่สุด จนกลายเป็นเครื่องยนต์ยอดนิยมในวันนี้

ประการแรกที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย คือเครื่องยนต์ 4 สูบ สามารถติดตั้งได้หลายแบบ ตามความต้องการของบริษัท เครื่องยนต์เดียวกัน สามารถนำมาต่อยอดได้หลายอย่าง ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ตั้งแต่การติดตั้งเทอร์โบชาร์จ ทำให่ซิ่ง , เปลี่ยนใหม่มันประหยัดเป็นเครื่องไฮบริดทำงานแบบ   Atkinsoncycle  ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า

ตลอดจนการพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดเดียว สามารถติดตั้งได้ในรถยนต์หลายรุ่น ตามที่บริษัทต้องการ อาทิ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ของ   Toyota   สามารถติดตั้งในรถยนต์   Toyota C-HR , Toyota Corolla   และ  รถรุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดน้ำหนักพิกัดใกล้เคียงกัน หรือ จะมองไปทางมาสด้า เครื่องยนต์   Mazda Sky Activ G  2.0  สามารถติดตั้งได้ในรถยนต์หลายรุ่น ตั้งแต่มาสด้า  CX-3   ไปจนถึง   Mazda CX-5  ไม่เว้นกระทั่งวางให้มันอยู่ในรถสปอร์ต   Mazda MX-5   จนเรียกว่าคุ้มค่าจะลงทุน

ในเชิงความคุ้มค่าเอง ถ้ามองลึกลงไป เครื่องยนต์ 4 สูบ ถือว่าอยู่ในระดับคุ้มค่าการผลิตหลายอย่าง ไม่ว่าจะหัวฉีด ,ลูกสูบ หรือ หัวเทียน ใช้เพียง 4 หัว ตลอดจนต้องยอมรับว่า เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงยังมีดีตรงฝาบนเสื้อสูบ หรือ  Cylinder Head   ใช้เพียงชิ้นเดียว ไม่เหมือนกับเครื่องยนต์   V   หรือ   Boxer   ที่ต้องใช้หลายหัวและมีความซับซ้อนในการออกแบบมากกว่า

นั่นรวมถึงเรื่องของการบริการหลังการขาย ตอนที่เราจะต้องดูแลรถสุดที่รักตอนใช้งานในระยะยาว  เครื่องยนต์ 4 สูบมีชิ้นส่วนน้อยกว่า ประหยัดกว่าในหลายอย่างไม่ว่าจะชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยน เมื่อถึงคราวและเวลา การรักษาตามระยะ อาทิ ปริมาตรน้ำมันเครื่องที่ต้องใช้

รถไฮบริด

ถ้ามองลึกไปถึงเชิงวิศวกรรมสุดลึกล้ำ วิศวกรหลายคนยืนยันว่าเครื่องยนต์ 4 สูบยังเสียความร้อนในระหว่างการทำงานน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีจำนวนสูบมากกว่า ไม่ว่า จะ 6 หรือ 8 สูบ

ขณะเดียวกันเรื่องสำคัญที่เราสามารถรู้สึกได้ คือ เครื่องยนต์มีความสมดุลมากกว่าการทำงาน  1 สูบ ต่อ 1 จังหวะการทำงานของเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ ทำให้มีสมดุลดี แต่ที่ดีที่สุดกลับเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง หากด้วยความยาวของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงไม่ได้เหมาะแก่การนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางเท่าเครื่องยนต์ 4 สูบ  มันเหมาะสำหรับการวางเครื่องยนต์ด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง

กลับกันเครื่องยนต์ 4 สูบ มีขนาดเล็กกว่ามาก การตัด 2 สูบหายไป ทำให้มันมีพื้นที่พอจะวางทั้งแบบวางตามแนวยาว  ( Longitude application) หรือจะวางตามแนวขวางของตัวรถ  (Transverse Application)  ก็ทำได้

ยิ่งในวันนี้ใครบอกเครื่อง 4 สูบไม่แรงสู้เครื่องยนต์ 6 สูบ คงต้องคิดใหม่ การติดตั้งเทอร์โบชาร์จทำให้ เครื่องเหล่านี้มีพละกำลังมหาศาล สามารถพิชิตตัวเลข 200-300 แรงม้าได้สบายจากโรงงาน หรือ เครื่องปกติทั่วไปก็มีกำลังแรงบิดดีขึ้น ด้วยการปรับวิธีการจุดระเบิด การจ่ายน้ำมันในเครื่องยนต์ จนกลายเป็นเครื่องกำลังอัดสูง เพียงพอต่อการใช้งาน ของคนทั่วไป แถมในอนาคตถ้านำมันมาบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะยิ่งทั้งแรงทั้งประหยัด เช่นเครื่องยนต์ในรถ   Volvo  รหัส   T8  

เครื่องยนต์ 4 สูบ อาจดูเป็นเครื่องยนต์ธรรมดาซ้ำซากจำเจ หากมันก็รวมข้อดีต่างๆมากมายเอาไว้อย่างครบเครื่องครบครัน ไม่ว่าจะการคุ้มค่าต่อต้นทุนการผลิต , การดูแลรักษาง่าย , หรือจะสมรรถนะในการใช้งานที่ทำได้ทั้ง อยากแรง แยกาประหยัด  ไม่น่าแปลกใจเครื่อง 4 สูบ จึงอยู่ในรถที่เราใช้จวบจนปัจจุบัน และคงจะอยู่ไปจนวันสุดท้ายของเครื่องยนต์สันดาปภายใน

 

 

 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่