แม้จะมีการเผยโฉมโดยคร่าวๆไปตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม แต่การเผยโฉมอย่างเป็นทางการจริงๆของ Toyota Crown Sport กลับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

Toyota Crown Sport คือชื่อสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์รุ่นใหม่จากตระกูล Crown ที่ตอนนี้จะไม่มีเพียงทางเลือกเดียวอย่างตัวรถร่างซีดาน แต่จะมีทั้งร่างซีดานยกสูง หรือ Crossover ซึ่งเปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน และยังมีร่าง Estate หรือร่างรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ และร่างอเนกประสงค์ขนาดกลางซึ่งก็คือร่างของเจ้า Sport คันนี้

และใช่ครับ แม้จะชื่อ Sport แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็น Crown ที่มาพร้อมกับตัวถังแบบคูเป้ 2 ประตู หรือโรดเสตอร์แนวๆนั้น แต่มันดันมากับตัวถัง 4 ประตู ด้วยครึ่งหลังแบบรถแฮชท์แบ็คท้ายลาดเอียงนิดๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปทรงตัวถังยอดนิยมขของรถยนต์ในปัจจุบัน ไม่เว้นแม้กระทั่งไฟท้ายแบบคาดกลางผ่านแนวฝาท้าย ก็ยังใส่มาให้

และเพื่อความโฉบเฉี่ยวตามชื่อรุ่น เส้นสายด้านท้ายของมันจึงถูกทำให้ดูมีความโหนกนูน เพื่อเสริมมิติและความน่าสนใจของท้ายรถให้มากขึ้น ซึ่งจะรับกับแนวโป่งซุ้มล้อคู่หลังที่ดูใหญ่โตพอสมควร

ขณะที่ด้านหน้าตัวรถเอง ก็มีความแตกต่างไปจาก Crown Crossover อยู่พอประมาณ เพราะแม้มันจะมีรูปทรงครึ่งหน้าที่คล้ายกัน แต่ไฟหน้า และช่วงครึ่งบนของกันชนหน้า กลับใช้ดีไซน์แบบ Hammerhead หรือ ฉลามหัวค้อน ซึ่งเป็นงานออกแบบที่ใช้ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ Prius เจเนอเรชันล่าสุด, เหล่ารถยนต์ไฟฟ้าตระกูล b-Series, และที่คุ้นตาในบ้านเราหน่อย ก็คือ Toyota Yaris (Hatchback) ร่างล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี

และหากแค่นั้นยังดูสปอร์ตไม่พอ ช่วงครึ่งล่างของกันชนหน้า ยังมีช่องดักลมขนาดใหญ่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยช่องกรอบไฟตัดหมอก ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนครีบเล็กๆ 2 ชั้น แบ่งโซนไว้ด้านใน และดูเหมือนว่าจะเป็นงานออกแบบที่คล้ายกับ Toyota GR86 อยู่ไม่น้อย

ฝั่งสัดส่วนตัวรถเอง ก็มีขนาดด้านยาว 4,720 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,880 มิลลิเมตร, และ ด้านสูง 1,565 มิลลิเมตร ซึ่งเท่ากับว่า เมื่อเทียบกับ Crown Crossover แล้ว เจ้าน้องใหม่คันนี้ จะมีขนาดตัวรถสั้นกว่า 260 มิลลิเมตร แต่กว้างกว่า 40 มิลลิเมตร และสูงกว่าอีก 25 มิลลิเมตรด้วยกัน

ด้านงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร หากไม่นับเบาะนั่งครึ่งหลังที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยรูปทรงตัวถังที่เปลี่ยนไป ชิ้นส่วนภายในครึ่งหน้า โดยเฉพาะงานออกแบบคอนโซลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย, คอนโซลหน้า, คอนโซลกลาง, กรอบช่องแอร์ต่างๆ, และหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว

และเพื่ออรรถรสในการใช้งาน ทาง Toyota ยังระบุอีกว่า ภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ ได้รับการบุวัสดุกั้นเสียงจากภายนอกระบบพรีเมียม “Sound-regulating ceiling” ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถสนทนากันภายในรถได้สะดวกขึ้น โดยมีเสียงรบกวนจากภายนอกรถเข้ามาน้อยที่สุด และเพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่ามันจะต้องมาพร้อมกับระบบ ADAS อย่าง Toyota Safety Sense เต็มระบบใส่มาให้ด้วย

ขุมกำลังของตัวรถที่วางขายในประเทศญี่ปุ่น จะมีทั้งหมด 2 ตัวเลือกด้วยกัน เริ่มจากเครื่องยนต์พาราเลลไฮบริด 2.5 ลิตร e-Four ให้กำลังสูงสุด 234 PS ส่งผ่านไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งเป็นขุมกำลังเดียวกันกับ Crown Crossover

และอีกขขุมกำลังคือ เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา เนื่องจากจะมีการวางจำหน่ายในภายหลัง แต่ทางค่ายก็ระบุว่า แบตเตอรี่ที่ให้มานั้น จะมี “ขนาดใหญ่มาก” เลยทีเดียว ซึ่งย่อมส่งผลให้มันสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลมากขึ้นด้วย

และนอกจากการใช้โครงสร้างตัวถัง TNGA กับระบบกันสะเทือนที่ไม่หนีไปจากร่างต้นมากนัก สำหรับ Crown Sport คันนี้ ยังได้รับการติดตั้งระบบ Dynamic Rear Steering System หรือระบบช่วยเลี้ยวทางด้านหลังเพิ่มเติมเข้ามาด้วย เพื่อความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง และสเถียรภาพของตัวรถเมื่อวิ่งเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

โดย Toyota Crown Sport จะมีการตั้งราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 5,900,000 เยน หรือราวๆ 1.47 ล้านบาท เท่านั้น ส่วนตัวรถรูปแบบตัวถังอื่นๆที่เหลืออยู่ เช่น ร่างดั้งเดิม อย่างร่างซีดาน ก็ถูกกำหนดไว้ว่าจะเปิดตัวภายในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ส่วนร่างอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ Estate จะถูกเปิดตัวเป็นร่างสุดท้าย ภายในปี 2024

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่