กรมการขนส่งทางบกประกาศ เชื่อมระบบข้อมูลเสียภาษีกับใบสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่จ่ายค่าปรับขับต่อ โดยเพิ่มข้อหารถไม่เสียภาษี ปรับ 2,000 บาท

นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกตามคำสั่งของ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2560  ว่า ขณะนี้ทางกรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. อยู่ระหว่างการทดสอบระบบการเชื่อมต่อข้อมูลระบบใบสั่งค่าปรับของ สตช.เข้ากับระบบการขอชําระภาษีประจําปี เพื่อใช้เป็นมาตรการเข้มงวดความปลอดภัยในการขับขี่ยานยนต์ทุกประเภทบนท้องถนน คาดว่าจะพร้อมใช้งานในเดือน มกราคม -กุมภาพันธ์ 2562

thai-speeding-law (3)

โดย ในอนาคตหากผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร ไม่จ่ายเงินค่าปรับตามใบสั่งจะถูกอายัดการต่อภาษีประจำปี 

นายกมล กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการดังกล่าวนั้น จะมีการเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ที่ถูกใบสั่งสามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ

1.ให้ผู้ขับขี่สามารถจ่ายค่าปรับกับกรมการขนส่งทางบกได้ในคราวเดียวกันกับวันที่มายื่นขอต่อภาษีประจำปี ทั้งนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยผู้ขับขี่สามารถขอรับทราบจำนวนค่าปรับทั้งหมดได้ก่อนที่จะจ่าย 

2.ผู้ขับขี่ที่ไม่พร้อมจ่ายเงินทันที สามารถ ยื่นขอต่อภาษีประจำปีได้ก่อน แต่กรมการขนส่งทางบกจะออก ป้ายวงกลมชั่วคราวอายุ 30 วันให้ไปใช้ก่อน กรณีที่ผู้ขับขี่ต้องการอุทรธ์คำสั่งค่าปรับ หากภายใน 30 วัน ไม่ชำระค่าปรับรถคันดังกล่าว จะจับข้อหาใช้รถไม่ต่อภาษีหากมีความผิด ตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ข้อหา ใช้รถไม่เสียภาษีประจำปีภายในเขตกำหนด จะถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งตามข้อกำหนดของพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ระบุว่าหาก ผู้ขับขี่ขับขี่รถโดยไม่ต่อภาษีมาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 3 ปีจะถูกขบ. สั่งยกเลิกการจดทะเบียนโดยจะต้องนำป้ายทะเบียนมาคืนให้ ขบ.

อย่างไรก็ตาม หากภายหลังผู้ขับขี่มีการชําระค่าปรับครบถ้วนถูกต้อง ให้คดีสิ้นสุด และในกรณีที่มีการเรียกเก็บ ใบอนุญาตขับขี่ไว้ ให้ผู้ขับขี่นําหลักฐานการชําระค่าปรับ ไปขอรับใบอนุญาตขับขี่คืนจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้เรียกเก็บ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่คืน ให้ถือว่าหลักฐานแสดงการชําระค่าปรับเป็น ใบแทนใบอนุญาตขับขี่มีกําหนด 10 วัน นับแต่วันที่ชําระค่าปรับ

ทั้งนี้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก เนื่องจาก คสช.มองว่า ปัจจุบันมีผู้ขับขี่รถหรือเจ้าของรถที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก จํานวนมาก

โดยมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงและเพิกเฉยต่อการบังคับใช้ทางกฎหมาย ซ้ำยังปรากฏว่ามีการ กระทําความผิดดังกล่าวซ้ำอีกในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความสงบเรียบร้อยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน จึงจําเป็นต้องปรับปรุง กลไกและกําหนดมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่