กระแสความนิยมรถยนต์อเนกประสงค์ในระดับโลกทำให้บริษัทหลายราย ต้องปรับตัวไปตามๆกัน ความต้องการรถประเภทนี้ปัจจุบันต้องหาจุดขายใหม่ๆ มาให้ลูกค้าจับจองเป็นเจ้าของ ที่ผ่านมาซูบารุ ในฐานะแบรนด์สมรรถนะ ไม่เคยทำรถไฮบริดมาก่อน และวันนี้พวกเขาพลิกความเชื่อของเราโดยสิ้นเชิง

รถยนต์อเนกประสงค์   Subaru  Forester   เพิ่งเปิดขายในไทยได้ไม่นานนัก ทว่ากระแสตอบรับจากยอดจองงาน   Motor Expo   ทีผ่านมา ชี้ชัดว่าคนไทยเริ่มสนใจแบรนด์ดาวลูกไก่มากขึ้น โดยเฉพาะการตั้งราคาขายชนิดที่คุณไม่มีโอกาสไหนจะเหมาะไปกว่านี้ถ้าจะมองหารถซูบารุสักคันมาครอบครอง แล้วถ้าในอนาคตมันมีรุ่นไฮบริดเข้ามาเพิ่มทางเลือก คิดว่าน่าสนใจไหม

2019 Subaru Forester e boxer

ที่ผมปิดปลายประโยคด้วยคำถาม นั่นเพราะเป็นสิ่งที่ทาง บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุในประเทศแถบเอเซียและอาเซียนคิดว่า ต้องมีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ มาให้ลูกค้า การขายรถอเนกประสงค์เครื่อง 2.0 ลิตรนั้นไม่ยากนัก หากลูกค้าก็มองอะไรใหม่ๆ ที่น่าจะตอบโจทย์พวกเขามากขึ้น

2019 Subaru Forester e boxer

ช่วงปีทีผ่านมา ทาง Subaru Cooperation  ประเทศญี่ปุ่น ตัดสินใจครั้งสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฮบริดเริ่มออกวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น รถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดของแบรนด์ 6 ดาวนี้ จะเรียกระบบขับเคลื่อนว่า ระบบ e-Boxer

ปัจจุบัน รถยนต์ที่ออกมาพร้อมระบบ  e-Boxer  มี 2 รุ่น ได้แก่ Subaru  Forester e-boxer   พระเอกของเราในวันนนี้ อีกรุ่น คือ   Subaru XV e-boxer   ที่นำเอาระบบของโตโยต้า หัวหน้าแก๊งมาใช้ มันพิเศษกว่าสักหน่อยที่เป็นระบบเสียบปลั้กชาร์จไฟได้ หรือ เป็น  Plug-in Hybrid

ข้ามน้ำข้ามทะเล 2 ชั่วโมงบนเครื่องบิน  Airbus A350-900  จากท่าอากาศสุวรรณภูมิ ไปยังสนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร ไม่ได้ใช้เวลานานนัก การเดินทางในชั้นประหยัดระยะใกล้สบายขึ้นด้วยการเลือกที่นั่งแบบ  Long leg  ทำให้ได้ที่นั่งดีที่สุดบนเครื่อง คือ  แถวที่ 49 ถ้าคุณได้นั่งติดริมหน้าต่างแทบเรียกว่าสวรรค์คนยากชอบบิน เนื่องจากจะมีทางเข้าออกส่วนตัว อยุ่ใกล้ห้องน้ำ วิวดี เหยียดขาสบาย นั่งราวกับคุณซื้อชั้นธุรกิจมาเลยทีเดียว

2019 Subaru Forester e boxer

สิงคโปรในเดือนมกราคมเ แดดมาเต็มกราฟ สภาพอากาศเมฆน้อยสลับแดดจ้า ต้อนรับคณะสื่อมวลชนไทย ที่ถูกเชิญมาทดสอบรถยนต์   Subaru  Forester e-Boxer  ใหม่ ถามทีมงานก็ปิดปากเงียบสนิทว่าจะมาไทย หรือไม่กันแน่

เดินจากส่วนโกดังที่เอานักข่าวมาพักทานข้าวทานน้ำให้หายเหนื่อยจากเดินทาง 2 ชั่วโมง ราวกับนั่งรถมาหัวหิน   Subaru Forester e-boxer   ใหม่ จอดรอพวกเราอยุ่ในลานทดสอบแล้ว

เห็นรถครั้งแรกนึกใจ มันไม่ต่างจาก   Subaru Forester ตัวปกติเลยใช่ไหม ภายนอกไม่ว่าคุณจะมองมุมไหนก็คือเหมือนรุ่นปกติ ไม่ว่าจะกระจังหน้า ล้ออัลลอยขอบ18 นิ้ว อันคุ้นตามาพร้อมยาง 225/55/R18 เหมือนเคย รวมถึงประตูท้ายไฟฟ้า

อย่างเดียวที่ต่างดูเหมือนจะเป็นตรา  e Boxer   มีมาให้ 3 จุด คือที่แก้มข้าง 2 ด้าน และฝาท้าย นอกนั้นดูเหมือนปกติไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไร

เปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสารยังครบเครื่องด้วยการออกแบบเน้นความสบายสูงสุด ประตูบานใหญ่ ห้องโดยสารที่ออกแบบมาลักษณะหลังคาสูงคล้ายรถทรงกล่อง ทำให้ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์โดดเด่นเรื่องการโดยสารอยู่แล้ว รุ่นนี้สามารถนั่งได้อย่างสบายขึ้น ตั้งแต่ที่ไปสัมผัสยังไต้หวัน รวมถึงกลับมานั่งตัวเวอร์ชั่นขายในบ้านเราก่อนหน้านี้

2019 Subaru Forester e boxer

ผมกวาดสายตาผ่านชุดอุปกรณ์ต่างที่คุ้นเคย ทั้งระบบความปลอดภัย   Subaru Eyesight  พวงมาลัย,คอนโซลหน้า และเบาะนั่งทั้งตอนหน้าและหลัง สิ่งเดียวที่ต่างในรถคันนี้เห็นทีจะเป็นที่เขียนว่า  Eco-C   บนพวงมาลัยวางไว้ใกล้กับปุ่มโหมดการขับขี่ยังมีให้เลือกทั้ง  S และ I  เหมือนเดิม

2019 Subaru Forester e boxer
2019 Subaru Forester e boxer

ระบบ e-Boxer   เป็นการจับเอาระบบไฮบริดขนาดเล็กหรือ  Mild Hybrid (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่)  มาใช้ช่วยในการขับขี่ โดย   Subaru  Forster e Boxer   ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน Boxer   4 สูบขนาด 2.0 ลิตรมาพร้อมระบบ  Direct injection   เหมือนเดิม เพียงแต่ปรับลดความห้าวของเครื่องยนต์ลงเหลือเพียง 145 PS สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุดเพียง 188 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น

กำลังของเครื่องยนต์ลดลงถูกทดแทนด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 13.6  PS  ให้แรงบิด 65 นิวตันเมตร

2019 Subaru Forester e boxer

2019 Subaru Forester e boxer

สงสัยไหมครับว่า  Subaru  ทำอย่างไรให้เอกลักษณ์ขับเคลื่อนสี่ล้อยังอยู่ ทั้งที่มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าช่วย พวกเขาไม่ได้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไปที่ล้อหรือเพลาขับอย่างที่เราอาจคาดเดากันไป ทีมงานวิศวกรซูบารุฉลาดกว่านั้นมาก พวกเขาติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวนี้ไว้ในชุดเกียร์ ส่วนแบตเตอร์รี่ลิเธียมไออนใช้ให้พลังงานระบบไปวางไว้ข้างหลัง ใต้พื้นที่สัมภาระ ทำให้รถมีสมดุลมากและไม่เสียบุคลิกความเป็นที่มีสมดุลดีในการขับขี่

2019 Subaru Forester e boxer

ได้เวลาลองแล้ว ผมขึ้นรถด้วยความกระหืดกระหอบ จากรถที่ทางซูบารุนำมาเปรียบเทียบ ทั้ง 2 คันเทียบกับ   Subaru Forester e Boxer   ถือเป็นรถคนละคลาสมีขนาดเล็กกว่า คันหนึ่งมีขายในไทย เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีกลาย อีกคันมายในไทยเช่นกัน แต่ในบ้านเราไม่มีรุ่นไฮบริดเท่านั้นเอง

อันที่จริงผมแปลกใจที่ซูบารุเอารถทั้ง 2 รุ่นมาเปรียบเทียบ เนื่องจากเป็นรถคนละกลุ่มและด้วยขนาดบวกกับน้ำหนักไม่ต้องสิบเลยว่า ฟอร์เรสเตอร์จะต้องเสียเปรียบกว่า

มิหนำซ้ำในการลองระบบไฮบริด e Boxer ก่อนหน้าสื่อ่ไทยจะได้ขับรถก็ถูกหวดยับมาก่อนหน้านี้ แบตเตอร์รี่ไฮบริดเรียกว่าเหลือกำลังไฟน้อยเต็มทน ดังนั้นจึงอาจจะไม่เห็นการช่วยจากมอเตอร์ไฟฟ้ามากมายนัก

ตามรายงานของ   Subaru   ย้อนไปครั้นเปิดระบบ   Subaru e-Boxer   ออกสู่ตลาดญี่ปุ่น ทางซูบารุเผยว่าต้องการให้ระบบไฮบริดช่วยในการขับขี่บางส่วนเพื่อรักษาความเป็นรถซูบารุไว้มากที่สุด โดยมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะทำงาน 3 ส่วนสำคัญ อันได้แก่

1.ช่วยในการออกตัว เมื่อรถจอดอยู่กับที่แล้วออกตัว เครื่องยนต์ปกติจะต้องกินกำลังมาก ระบบ  e boxer   จึงจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการออกตัวก่อนในเบื้องต้น แล้วจึงสลับให้เครื่องยนต์มารับหน้าที่ต่อเนื่องไป

2.ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยในการทำงานคู่ขนานกับเครื่องยนต์ในบางจังหวะ อาทิ จังหวะเร่งแซง เป็นต้น

3.ใช้ในการชาร์จไฟฟ้ากลับไปสู่แบตเตอร์รี่ลิเธียมไออนทางด้านหลัง เมื่อลด ชะลอความเร็ว หรือเบรก ระบบจะเก็บพลังหมุนเชิงกลในเกียร์ไปชาร์จไฟฟ้า เพื่อเตรียมไว้ใช้สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าต่อไปในอนาคต

จาก 3 หน้าที่หลักจะเห็นได้ว่า ระบบ e Boxer  ไม่ได้เน้นช่วยเหลือการใช้งานเวลาเดินทางนัก นั่นเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ 100%  เพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า  หาเน้นการใช้งานในภาวะการจราจรในเมือง พบได้มากมายในประเทศญี่ปุ่น  

ผมทำการบ้านสักหน่อยก่อนมาขับรถคันนี้โดยรู้ว่าระบบของซูบารุเหมือนกับที่หลายคนคาดหวังไว้ ว่าจะเห็นระบบไฮบริดที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างลงตัว

2019 Subaru Forester e boxer

ออกตัวช่วงแรกทีมงานให้เราหวด   Subaru  Forester   เต็มๆ กดคันเร่งให้มิดลองดูว่าจะเร่งดีแค่ไหน ในรถตอนนี้นั่งกันอยู่ 4 คน ความรู้สึกยอมรับว่ารู้สึกเร่งในช่วงแรกแข็งขันกว่ารุ่นธรรมดาที่ไปลองในสนามที่ไต้หวันสักหน่อย ไม่มากอย่างที่คาดหวังไว้

ถึงทางโค้ง ต่อด้วยสถานีสลาลอม   Subaru  ตอบสนองการเลี้ยวและการโยนตัวได้ดี ผมรู้สึกว่ารถค่อนข้างคุมง่ายขึ้นกว่าเดิม จากน้ำหนักแบตเตอร์รี่ทางด้านหลังช่วยสร้างสมดุลในการเข้าโค้ง พวกมาลัยรุ่นปกติกับรุ่นไฮบริดดูจังหวะและการตอบสนองไม่แตกต่างกัน มันเป็นพวงมาลัยกระชับตึงมือกำลังดีน้ำหนักเบาในความเร็วต่ำ และตอบสนองดีเมื่อใช้ความเร็วมากขึ้น

2019 Subaru Forester e boxer

ออกจากสลาลอม เราเข้าโค้งต่อเนื่อง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเครื่องบ๊อกเซอร์ช่วยให้การเข้าโค้งสบายโคลงตัวน้อยกว่าอเนกประสงค์ทั่วไป ยิ่งเจอแผ่นลื่น การสะบัดตัวของ  Subaru Forester e-Boxer   ไม่ได้เป็นอาการน่ากลัว เช่นอาการ   understeer  หน้าดื้อ แบบรถขับหน้า มันจะโยนไปทั้งคัน และคุณยังสามารถควบคุมได้เพียงถอนคันเร่ง

ปิดท้ายด้วยด่านตรวจสอบอาการสะเทือนของระบบช่วงล่างก่อนเข้าพิทจอด ผมรู้สึกถึงความหนักแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย อาจจะด้วยน้ำหนักรถจากระบบที่ติดตั้งเข้ามามากขึ้นก็เป็นไปได้

2019 Subaru Forester e boxer

สรุป   Subaru Forester e-Boxer   ไม่ฟันธงว่ามาไทย แต่สมควรมาขาย..นะ

หลายคนอ่านถึงตรงนี้คงสงสัยว่า อ่าว พี่บอลไม่เห็นพูดการทำงานของระบบไฮบริดสักเท่าไรเลย

ใช่ครับ!! ที่ไม่พูดถึงเยอะ นั่นเพราระบบไฮบริด  e Boxer   ของ   Subaru Forester e Boxer   นั้น เป็นระบบออกแบบมาสำหรับการจราจร   Stop and Go  การจราจรแบบนี้เป็นลักษณะการจราจรในเมืองส่วนใหญ่ ซึ่งคุณจะออกตัวและเบรกหยุดตามแยกบ่อยครั้ง แต่ในสนามทดสอบเรากลับเป็นการอวดสมรรถนะรถมากกว่า การอวดระบบไฮบริดเสียอย่างนั้น

2019 Subaru Forester e boxer

จากที่ขับผมบอกได้เลยว่า ไม่ควรคาดหวังกับระบบ e-boxer   มาก ระบบนี้ดีตอนช่วยออกตัว และตอนที่คุณกำลังขับเพลินแล้วสวนคันเร่ง มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยได้สักระยะหนึ่งสั้นๆ

ในส่วนที่ผมไม่ได้ลองเกี่ยวกับ e Boxer   มี 2 ส่วน คือ การตอบสนองของระบบเมื่อขับในโหมด S   ซึ่งทางซูบารุ คอร์เปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ได้ปรับให้การตอบสนองของระบบรวดเร็วขึ้นตามโหมดขับขี่  S   และ I   ผมอนุมาณว่า มอเตอ์จะมาเร้าใจมากขึ้นกว่าที่ขับในโหมด  I  ในสนามวันนี้

ส่วนอีกอันหนึ่งคือ การใช้งานระบบ e-boxer  ร่วมกับ   Subaru  eyesight   โดยปุ่ม  Eco C.บนพวงวมาลัยสามารถใช้ร่วมกับระบบ   Adaptive Cruise Control  ได้ เพื่อสร้างความประหยัดสูงสุด โดยการปรับการทำงานระบบไฮบริดในแจ่ละจังหวะให้เหมาะสมกับความเร็วที่เราใช้

และท้ายสุดด้วยความสามารถทางด้านแรงบิดสูงในรอบต่ำ ระบบ  e-boxer   ยังมีประโยชนืในเรื่องการใช้เพื่อการออฟโรด แรงขับจากมอเตอร์ไฟฟ้าดีพอทำให้คุณไม่ต้องเดินคันเร่งมากมาย เวลาต้องผ่านอุปสรรค จนในระหว่างการสาธิตโดยทีมงานสิงคโปร โดยใช้   Roller   จำลองรถคันนี้ราวกับแทบจะเคี้ยวขนมเลยทีเดียว

2019 Subaru Forester e boxer

ส่วนอัตราประหยัด ถ้าอ้างอิงตามข้อมูล จาก  Subaru  Cooperation   ในประเทศญี่ปุ่น จากการทดสอบในโหมด  JC08 ได้สูงถึง 18.6 ก.ม./ลิต รแต่ในโหมด  WTLC  เฉลี่ยรวมได้ 14.0 ก.ม./ลิตร ในโหมดนี้ถ้าแยกตามสภาพการขับขี่ ได้แก่ ในเมืองได้  11.2 ก.ม./ลิตร ชานเมือง ได้ 14.2  ก.ม./ลิตร และ ขับทางไกลนอกเมืองได้ 16.0  ก.ม./ลิตร

มาถึงตรงนี้เชื่อว่า คุณคงอยากจะถามผมว่า แล้วจะชายในไทยไหม 

เรื่องนี้ผมถามกับ คุณ เกลน ตัน รองประธานและกรรมการผู้จัดการของบริษัทตัน จง อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เขาตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจ อยากรอดูกระแสตอบรับ   Subaru  Forester   ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวก่อน

ดังนั้นถ้าเอาตามสิ่งที่เกลน ตันพูด มาวิเคราะห์ ก็เรียกว่าโอกาสมามากถึงร้อยละ 80-90 เลย ทีเดียว เพราะระบบ   mild Hybrid   ติดตั้งไม่ยาก ข้าวของ  Subaru  Forester   ขายในไทย ก็มาจากประเทศญี่ปุ่นเสียเยอะอยู่แล้ว 

สรุปง่ายๆ คือ โอกาสมาไทยมีสูงมาก แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขายเมื่อไรอย่างไร ยิ่งเมื่อมองว่าคู่แข่งกลุ่มเดียวกันมีเพียง   Nissan  ซึ่งใช้ระบบไฮบริดลักษณะคล้ายๆ กัน ความใหม่ของซูบารุ น่าจะดึงความสนใจคนได้มากพอสมควรเลยทีเดียว

จะมาไทยหรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน แต่วันนี้หลังจากลอง   Subaru  Forester e Boxer   ผมอยากจะบอกเลยว่า มันเป็นรถครบเครื่องน่าสนใจ ความน่าใช้ด้วยการตอบความประหยัดอย่างลงตัว และยังคงความเป็นรถซูบารุไว้ได้อย่างครบเครื่อง

[ngg src=”galleries” ids=”884″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่