เป็นที่แน่นอนแล้วว่า 2026 Toyota bZ4X คือหนึ่งในรถยนต์โมเดลใหม่ที่ทาง Toyota จะนำมาเปิดตัวในบ้านเราอีกครั้งเดือนนี้ ดังนั้นเราจึงขอพาทุกท่ามาดูกันสักหน่อยดีกว่าว่า เจ้าอเนกประสงค์ไฟฟ้ารุ่นนี้ จะมีจุดเปลี่ยน จุดขาย ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง

สิ่งแรกสุดที่มีการปรับปรุงใน 2026 bZ4X ก็คือ การปรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ โดยคราวนี้ ในรุ่นเริ่มต้น จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 57.7 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จที่ 445 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และจะทำงานร่วมกับมอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 167 แรงม้า PS
ตามด้วย รุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 73.1 kWh ที่จะมีทั้งหมด 2 ไลน์อัพ เริ่มจากรุ่นที่ใช้มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 224 แรงม้า PS ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ด้วยระยะทางสูงสุด 573 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP
และหากเป็นรุ่นบนสุด ที่ได้มอเตอร์คู่ สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อทั้งสี่ มีพละกำลังรวม 343 PS ก็จะมีระยะทางในการใช้งานสูงสุด 520 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งแม้ระยะทางในการใช้งานจะลดลงไปมาก แต่ก็แลกมากับความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ดีขึ้น ด้วยตัวเลขระยะเวลาเพียง 5.1 วินาที

โดยอันที่จริง ทั้งขนาดแบตเตอรี่ และขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ในรุ่น bZ4X ก็คือระบบขุมกำลังและแหล่งพลังงานเดียวกันกับ C-HR+ ที่เรานำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้านี้ และทางค่ายก็ระบุว่า นอกจากการเพิ่มขนาดความจุแบตฯที่มากขึ้นจากการใส่เซลล์แบตเตอรี่เข้าไปมากกว่าเดิม ตัวมอเตอร์ไฟฟ้ายังใช้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุซิลิกอนคาร์ไบด์ ซึ่งสามารถไหลเวียนกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าเดิม ทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมด้วย
นอกจากนี้ ทาง Toyota ยังได้มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆเข้าไปในตัวรถอีก เช่น การเพิ่มระบบปรับสภาพแบตเตอรี่ ให้พร้อมสำหรับการชาร์จประจุไฟท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น, อัพเกรดความสามารถในการชาร์จไฟ AC ให้มากขึ้นเป็น 22 kW จาก 11 kW แต่ความสามารถในการชาร์จไฟ DC ยังคงเท่าเดิม ที่ 150 kW และทำให้ระยะเวลาในการชาร์จไฟจาก 10-80% ยังคงมีตัวเลขที่ 30 นาที ขณะที่ขีดความสามารถในการบรรทุกสัมภาระก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มาอยู่ที่ 1,500 กิโลกรัม
ในส่วนของการปรับเปลี่ยนงานออกแบบ ก็จะเห็นได้จากแค่ชุดกันชนหน้าตัวรถ ที่มีการปรับกรอบช่องไฟตัดหมอกให้ใหญ่โตและโดดเด่นยิ่งขึ้น ปรับช่องดักลมด้านล่างกันชนหน้าให้ใหญ่โตกว่าเดิม ตามด้วยการทำสีซุ้มล้อใหม่ และเปลี่ยนลายล้อใหม่ให้ตัวรถดูสปอร์ตกว่าเดิม
และภายในห้องโดยสาร ก็มีการปรับงานออกแบบคอนโซลให้ดูทันสมัยขึ้น โดยคราวนี้จะเน้นไปที่แผงคอนโซลด้านหน้าผู้ขับและผู้โดยสารด้านข้าง ซึ่งดุมีความแบนราบมากขึ้น แถมยังเบ่งกลางด้วยแถบช่องแอร์คาดยาวตลอดแนวคอนโซลจากซ้ายไปขวา (โดยที่ช่องแอร์ที่ลมออกจริงๆจะมีแค่ด้านซ้ายสุด กับขวาสุดเท่านั้น)
ปรับกรอบหน้าจอมาตรวัดใหม่ ให้เป็นแบบกึ่งลอยตัว ปรับกรอบหน้าจออินโฟเทนเมนท์ใหม่ ให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยที่ตัวปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศต่างๆ จะถูกนำไปรวมไว้ในจอ มีเพียงลูกบิดปรับอุณหภูมิเท่านั้น ที่ยังคงเป็นแบบลูกบิดปรับมืออยู่
และด้วยการย้ายปุ่มเอาเข้าไปไว้ในหน้าจอที่ยกตำแหน่งสูงขึ้นไป ทำให้ช่องลมแอร์ตรงกลางขยับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น และทาง Toyota ก็สามารถ ย้ายตำแหน่งแท่นไวร์เลสชาร์จโทรศัพท์มือถือ 2 ตำแหน่งมาไว้่เหนือแผงสวิชท์คุมลูกเล่นต่างๆ ทั้ง โหมดการขับขี่, ระบบแทร็คชันคอนโทรล, ระบบกล้องรอบคัน, ระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Hold, และลุกบิดปรับตำแหน่งเกียร์
ซึ่งทั้งหมดนี้จะยังคงมีหน้าตาคล้ายเดิม แค่อยู่บนแท่นที่ถูกเปลี่ยนรูปทรงใหม่จากที่เคยเป็นแท่นคันกลางยาว เชื่อต่อมาถึงที่พักแขนกลาง ตอนนี้ก็กลายเป็นแท่นแยก ถูกแบ่งด้วยหลุมใส่แก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง แล้วจึงเป็นที่พักแขนกลางซึ่งแน่นอนว่าด้านใต้ของมันก็ยังเป็นช่องเก็บของดังเดิม
โดยกำหนดการวางขายจริงของตัวรถในประเทศไทย ถูกระบุว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 นี้ และทางผู้บริหารยังเคยให้ข้อมูลเอาไว้ก่อนหน้านี้อีกว่า การกลับมาทำตลาดในบ้านเราอีกครั้งของ Toyota bZ4X รุ่นใหม่ปี 2026 คราวนี้ จะมาพร้อมกับราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ถูกลง ซึ่งมันจะดูคุ้มค่ามากแค่ไหน หรือทางค่ายจะตัดสเป็ครถใดๆเพิ่มเติมกันอีกบ้าง ก็นับถอยหลังเวลาเปิดตัวรออัพเดทข้อมูลกันได้เลยในช่วงระยะเวลาราวๆ 4 สัปดาห์นับจากนี้