ผ่านไป 2 ปีกว่า นับตั้งแต่ MG Cyberster ได้ถูกเผยโฉมด้วยร่างต้นแบบ ล่าสุดมันก็ได้รับการเผยร่างขายจริง และตอนนี้ก็มีการคอนเฟิร์มสเป็คขายจริงแล้ว สำหรับการวางจำหน่ายในประเทศจีน

MG Cyberster ร่างขายจริงในประเทศจีน มาพร้อมการระบุรายละเอียดความยาวตัวถัง 4,534 มิลลิเมตร, กว้าง 1,913 มิลลิเมตร, และสูง 1,329 มิลลิเมตร กับความยาวฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าคู่แข่งสำคัญร่างรถสปอร์ตโรดสเตอร์หลังคาเปิดประทุนอย่าง Mazda MX-5 อยู่พอสมควร

แม้กระทั่งน้ำหนักตัวรถเองก็ยังมากถึง 1,984 กิโลกรัม ซึ่งเยอะกว่า MX-5 ไปถึง 800 กว่ากิโลกรัม หรือเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

แต่ถึงแม้รถจะหนักถึงเกือบ 2 ตัน ทว่ามันก็มาพร้อมกับตัวเลือกระบบขับเคลื่อนถึง 2 แบบ ได้แก่ แบบมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 300 แรงม้า HP ที่ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 64 kWh และสามารถวิ่งได้ไกลสุด 520 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC

และมีรุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังรวมกันสูงสุด 536 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น เป็น 77 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 580 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC

และด้วยน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมากพอสมควร แต่ทางค่ายก็ยังอยากให้มันมีสมรรถนะที่สมกับความเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ ดังนั้นมันจึงได้รับการติดตั้งระบบเบรกจาก Brembo เข้าไป และยังเสริมด้วยเหล็กกันโคลงที่มีความแข็งเป็นพิเศษ เพื่อลดอาการโคลงตัวของรถที่หนักอึ้งให้น้อยที่สุด ตบท้ายด้วยการปรับจูนระบบช่วงล่างทั้งหมด โดย Marco Fainello ซึ่งเป็นวิศวกรชาวอิตาลี มากประสบการณ์จากการพัฒนาตัวแข่ง Formula 1, หัวหน้าทีมพัฒนารถแข่งเลอมังส์ Ferrari 485 GTE, และหัวหน้าทีมพัฒนารถเอกโซติกคาร์ Ferrari FXX-K เป็นต้น

ส่วนลูกเล่นภายในตัวรถเอง ก็มีทั้งการได้ชุดลำโพงระดับพรีเมียมจาก BOSE กับระบบอินโฟเทนเมนท์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยชุดโปรแกรมกราฟฟิกที่ใช้ในการสร้างเกมระดับ AAA+ อย่าง Unreal Engine 4.0 และใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 เป็นหัวใจในการทำงานอีก

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จนตอนนี้ทาง MG ก็ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขในส่วนนี้ออกมาแต่อย่างใด แต่จากที่หลายๆสื่อทั่วโลกคาดการณ์ และทางค่ายก็ได้เคยเปรยไว้คร่าวๆ ก่อนแล้ว ว่ามันจะถูกวางจำหน่ายด้วยราคาราวๆ 1.1-1.3 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการบวกลบภาษี หรือคาดเคลื่อนได้บ้างในแต่ละประเทศ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่