“ระบบเกียร์อัตโนมัติ ในรถมอเตอร์ไซค์” อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็น ระบบเกียร์แปรผันอัตราทดอัตโนมัติ หรือ เกียร์ CVT ที่อยู่ในรถสกู๊ตเตอร์มาเนิ่นนาน แต่สำหรับระบบ “Automated Shift Assistant” ของ BMW ที่พึ่งถูกเปิดตัวออกมานั้นต่างออกไป
![](https://i0.wp.com/www.ridebuster.com/wp-content/uploads/2024/05/BMW-Automatic-R1300GS-15.webp?resize=770%2C514&ssl=1)
ระบบ “Automated Shift Assistant” ใหม่ล่าสุดจาก BMW ที่พึ่งเปิดตัวในทวีปยุโรปไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น คือระบบ เกียร์อัตโนมัติ แบบใหม่ ซึ่งเป็นคนละรูปแบบกันกับ ระบบเกียร์ CVT ในรถสกู๊ตเตอร์ที่เราคุ้นเคยกันดีแทบจะสิ้นเชิง เพราะสิ่งเดียวที่เหมือนกัน ก็มีแค่เพียงการปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้ตามสถานการณ์ ความเร็ว และโหมดการขับขี่ก็เท่านั้น
แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงรายละเอียด ทาง BMW ระบุว่า ดั้งเดิมแล้ว พวกเขามีเป้าหมายที่จะยกระดับระบบเกียร์แบบมีควิกชิฟท์เตอร์ขึ้น/ลง ธรรมดาๆ ซึ่งผู้ขี่สามารถต่อเกียร์ขึ้น/ลงได้เลย โดยไม่ต้องกำคลัทช์ในระหว่างขับขี่ แต่ผู้ขี่ยังต้องกำคลัทช์ตอนเข้าเกียร์สำหรับเตรียมออกตัวจากหยุดนิ่ง และตอนจอด ที่กลายเป็นมาตรฐานของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ในปัจจุบันไปแล้ว
ให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยที่ผู้ขี่ไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงเองอีกต่อไป (หากไม่ต้องการ) ซึ่งในที่สุด หลังใช้เวลาในการพัฒนากว่า 5 ปี ระบบ ASA นี้ก็ได้พร้อมแล้วจะถูกนำมาใช้ในรถขายจริง
![](https://i0.wp.com/www.ridebuster.com/wp-content/uploads/2024/05/BMW-Automatic-R1300GS-05.webp?resize=770%2C514&ssl=1)
และอย่างที่เราระบุไว้ว่า ระบบ ASA นี้ คือระบบเกียร์ที่จะทำงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ นั่นจึงหมายความว่า ผู้ขี่ก็ไม่ต้องมาสั่งการระบบคลัทช์ ด้วยมือคลัทช์เองอีกต่อไป เพราะตัวระบบจะคอยจัดการควบคุมคลัชท์ให้เองทั้งหมด ไม่ว่าจะตอนจอด ตอนออกตัว หรือตอนเปลี่ยนเกียร์ให้
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ก็จะให้ประโยชน์คล้ายๆกับระบบ e-Clutch ของ Honda ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อน
แต่จุดที่ต่างจากระบบ Honda e-Clutch ก็คือระบบ ASA ที่ว่านี้ จะไม่มีมือคลัทช์มาให้ และสมองกลยัง จะคอยคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลงให้เองด้วย ซึ่งอันที่จริง ก็จะทำให้มันสามารถมอบประโยชน์ในการใช้งาน ได้คล้ายๆกับ ระบบเกียร์ Honda DCT มากกว่า
และระบบเกียร์อัตโนมัติของรถมอเตอร์ไซค์ BMW ใหม่นี้ ก็มีลูกเล่นให้ผุ้ขี่สามารถเลือกปรับโหมดการทำงานเช่นกัน ระหว่างจะให้สมองกลจัดการคุมเกียร์ให้ทั้งหมด ซึ่งความฉับไว หรืออัตราการลากรอบก่อนเปลี่ยนเกียร์ ก็จะขึ้นอยู่กับความเร็ว การเปิด/ปิดคันเร่ง และโหมดการขับขี่ หรือผู้ขี่จะอยากเปลี่ยนเกียร์เอง ในโหมดเกียร์แบบ Manual เพื่อความสนุกสนาน ก็ย่อมได้ ซึ่งก็จะคล้ายๆกับระบบเกียร์ DCT ของ Honda อีกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ในเมื่อวิธีการใช้งาน และประโยชน์ในการใช้งานของระบบเกียร์ BMW ASA ใหม่นี้ เป็นเหมือนกับลูกผสมระหว่าง ระบบเกียร์ของ Honda ที่เรานำมาเปรียบเทียบข้างต้น
จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาต่อแทบจะในทันทีว่า แล้วทำไม BMW ถึงไม่ใส่ก้านคลัทช์เข้ามา เผื่อลูกค้าอยากจะเล่น อยากจะเย่อคลัทช์เอง เหมือน ระบบ e-Clutch ของ Honda ที่ยังอนุญาตให้ลูกค้าสามารถเย่อคลัทช์เพื่อกรอรอบออกตัว หรือไม่ก็ยกล้อเล่นได้ ทั้งๆที่การเย่อคลัทช์ในรถลุยเอง ก็มีหลายจังหวะที่ต้องใช้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเย่อเพื่อยกล้อหน้าผ่านอุปสรรค หรือใช้คลัทช์ช่วยกรอรอบสำหรับตะกรุยทางดิน เป็นต้น
หรือในเมื่อลูกค้าไม่จำเป็นต้องขึ้น/ลงเกียร์ด้วยตัวเองอีกต่อไป แล้วทำไมไม่เอาคันเกียร์ออกไปเลย แล้วให้ลูกค้าสั่งการขึ้น/ลงเกียร์ ด้วยแป้นนิ้วบนประกับแฮนด์แทน เหมือนระบบ Honda DCT
ซึ่ง Reiner Fings หัวหน้าโปรเจ็กท์นี้ ก็ได้ระบุว่า “จริงๆก็มีการทำมือคลัทช์ไฟฟ้าไว้เช่นกันตอนเริ่มโปรเจ็กท์พัฒนา, แต่ยิ่งเราขี่รถ(ระหว่างที่พัฒนาระบบเกียร์ใหม่นี้)มากเท่าไหร่, เรายิ่งรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องมี(คันคลัทช์)เลย, ก็เลยถอดมันทิ้งดีกว่า”
ส่วนคำถามที่ว่า แล้วทำไมถึงไม่ทำแป้นสั่งการขึ้น/ลงเกียร์ ที่ประกับแฮนด์ไปเลย ไม่ต้องมาเก็บคันเกียร์เอาไว้ที่เท้า นาย Fings ก็ระบุว่า “เราตัดสินใจที่จะคงคันเกียร์เท้าเอาไว้, เพื่อให้คุณยังรู้สึกว่ากำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์จริงๆอยู่ (ไม่ใช่ขี่รถสกู๊ตเตอร์, แต่วันนึงเราอาจจะใส่แป้นเปลี่ยนเกียร์ด้วยนิ้วมือมาก็ได้, มันก็ไม่ได้มีเหตุผลทางเทคนิคอะไรที่เราจะทำไม่ได้สักหน่อย”
ทั้งนี้ ระบบเกียร์อัตโนมัติ ASA เมื่อถูกติดตั้งเข้ามาบนตัวรถแล้ว ก็จะทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 2.1 กิโลกรัม และมีราคาเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 39,500 บาท จากตัวรถรุ่นเกียร์ปกติ
และแม้ตัวรถที่ติดตั้งระบบนี้ จะไม่สามารถใช้วิธีการ “กระตุกสตาร์ท” ได้ เมื่อรถเกิดกรณีแบตฯหมด เพราะมันไม่มีคันคลัทช์อีกต่อไป ทว่าทาง BMW ก็ระบุว่าตัวรถมีระบบกันขโมยเสริม นั่นคือ ระบบเกียร์ P ที่จะทำงานทันทีเมื่อรถถูกปิดการทำงาน และจะไม่สามารถเข้าเกียร์ N หรือ เกียร์ว่างได้ หากผู้เข็นไม่มีกุญแจปลดล็อค
นั่นจึงหมายความว่าหัวขโมยจะไม่สามารถเข็นรถไปไหนได้เลย แม้พวกเขาจะสามารถแหกตัวล็อคคอรถไปได้ก็ตาม เว้นเสียแต่ว่า จะหารถกระบะมายกรถซึ่งหนักมากกว่า 235 กิโลกรัมได้หนีไป
อย่างไรก็ดี การเปิดเผยข้อมูลของระบบเกียร์ ASA ครั้งนี้ ยังเป็นเพียงแค่การเปิดเผยรายละเอียดโดยคร่าวๆเท่านั้น เพราะกว่าที่ระบบจะพร้อมติดตั้งลงในตัวรถแบบพร้อมขายจริง ก็คือในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 และเบื้องต้นจะมีแค่เพียงกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ในตระกูล R1300 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 2 สูบนอน ขนาด 1,300cc ของแบรนด์เท่านั้นที่มีตัวเลือกนี้ก่อน ส่วนตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์รูปแบบอื่นๆ จะต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป
หรือหากใครอยากรู้ว่าระบบเกียร์ ASA นี้ มีหลักการ การทำงานในเชิงลึกอย่างไรอีกบ้าง ขอเวลาทีมงาน Ridebuster ศึกษาข้อมูลกันต่ออีกสักนิด แล้วเดี๋ยวเราจะมาเจาะลึกไปพร้อมๆกันครับ