กระแสความนิยมรถยนต์นั่งกลุ่มรถอเนกประสงค์ ต่างผลักดันให้แบรนด์รถยนต์หลายเจ้าต่างพยายามสรรหาตัวเลือกใหม่ๆให้ลูกค้า หลายสิ่งที่เข้ามาอัพเดทนโลกยุคใหม่ น่าแปลกที่บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่เลือกจะเปลี่ยนเครื่องให้มีสมรรถนะความแรงมากขึ้น ด้วยความเชื่อบางประการ ต่อการใช้งานของลูกค้าว่า พวกเขาจะมองหารถที่มีศักยภาพในการขับขี่เร้าใจ

2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะพบว่า รถยนต์อเนกประสงค์ประเภท  Compact Crossover   มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปจากเดิม ตั้งแต่   Honda  CR-V   แนะนำตัวเข้าตลาดพร้อมการหายตัวไปในกลีบเมฆของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไม่มีให้ลูกค้าเลือก ทั้งที่เคยมีมานานาตลอด 3-4 เจนเนอร์เรชั่น ไปจนถึงล่าสุด การขยับเครื่องยนต์ของนิสสันจาก 2.0 ลิตร ไปเป็น 2.5 ลิตร ทั้งไลน์การขาย เริ่มแสดงท่าทีบริษัทรถยนต์ว่า พวกเขาอาจะไม่ต้องการแนะนำเครื่องขนาด 2,000 ซีซี ในรถยนต์อเนกประสงค์ต่อไป

ท่าทีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในไทยเท่านั้น แต่กำลังเป็นประเด็นที่ผู้บริโภค รวมถึงสื่อยานยนต์ต่างให้ความสนใจ เพราะรถอย่าง  Subaru  Forester   ก็มีการขยับเครื่องยนต์ มาสู่ 2.5 ลิตร ในอเมริกา แม้ว่าในประเทศไทย จะยังคงใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีไม่น้อย

สาเหตุหนึ่งที่เครื่องยนต์ของบรรดารถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มาจากความเหมาะสมในการใช้งานในภาพรวม ซึ่งเครื่องยนต์ขนาด 2.4 – 2.5 ลิตร สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อนั่งโดยสารเต็มคันรถ เช่น   Nissan  X-Trail   สามารถนั่งโดยสารได้  7 ที่นั่ง หากต้องการ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร อาจสามารถใช้ขับได้เช่นกัน แต่เมื่อนั่งจนเต็มพิกัดบวกสัมภาระ เครื่องยนต์จะต้องรับภาระในการฉุดลากมาก  

และแทนที่จะเป็นประโยชน์ ต่อการขับขี่ กลับทำให้อัตราเร่งมู้ดี เมื่อเทียบกับเครื่อง 2.5 ลิตร ซึ่งจะเร่งแซงมั่นใจกว่า ตลอดจนกำลังเครื่องยนต์ก็ไม่ใช่อย่างเดียวที่ทำให้รถอเนกประสงค์กลุ่มนี้มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ขึ้น แต่เพราะ สภาพการใช้งานจริงลูกค้าส่วนใหญ่อาจจะมีรถอเนกประสงค์เป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ในบ้าน รถเหล่านี้มีไว้ใช้เพื่อขับต่างจังหวัด เอาไว้เดินทางจริงๆ ซึ่งเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ดูจะตอบโจทย์เหมาะสมกว่า

ไม่ใช่เพียงเรื่องพละกำลังเท่านั้น แต่เมื่อเครื่องยนต์ใหญ่ ก็ยิ่งทำงานในรอบเครื่องต่ำลง แม้ใช้ความเร็วเดินทางเท่ากัน   ก็ตาม ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์ให้ความประหยัดเทียบเท่าหรือใกล้เคียงเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ทั้งที่อาจจะขับด้วยความเร็วมากกว่า ในความเป็นจริง

แม้ว่าจะยังเป็นที่ถกเถียงกัน แต่ประเด็นสำคัญข้อหนึ่ง ที่พูดคุยกันหนาหูในต่างประเทศ คือความพยายามผลักดันให้เทคโนโลยีไฮบริด แจ้งเกิดได้ในใจลูกค้า เช่น ถ้าลูกค้าต้องการเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และใช้งานได้ครอบคลุมทั้งในเมืองและนอกเมือง พวกเขายังสามารถเลือกซื้อรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดมาใช้ได้

ปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์เครื่องไฮบริดเริ่มมีมากขึ้นตามลำดับ เช่น  Nissan  X-Trail Hybrid,  Subaru  Forester e-boxer   ไปจนถึง รถยอดนิยมอย่าง   Honda  CR-V   ยังพัฒนารุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดออกมาให้ยลโฉมแล้ว และคาดว่า ในไทย น่าจะมีโอกาสเข้ามาขายด้วย

อย่างไรก็ดี ในอีกด้าน ทางบริษัทรถยนต์หลายเจ้า พยายามเปิดทางให้อเนกประสงค์กลุ่มใหม่ ในกลุ่ม   Entry Compact Crossover   เข้ามาทำตลาด อาทิ   Subaru  ดัน   Subaru forester   ไปใช้เครื่อง 2.5 ลิตร เนื่องจากต้องการสร้างความแตกต่างให้  Subaru  XV   รวมถึงแบรนด์อย่างมาสด้า ก็มีแนวคิดเดียวกัน จึงดังให้ในต่างประเทศใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.0 ลิตร และ เตรียมวางขาย  Mazda CX-30  ที่มีขนาดเล็กกว่า เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า ที่ต้องการรถใหญ่กว่า  CX-3   แต่ไม่ใหญ่เท่า  CX-5  

ปัจจุบันรถอเนกประสงค์หลายรุ่น เริ่มมีเครื่องยนต์ไฮบริดแล้ว

ดังนั้นถ้ากล่าวสรุปโดยรวม การหายไปของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในรถยนต์อเนกประสงค์วันนี้ ก็มาจาก

  • ความเหมาะสมของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ในการใช้งานของลูกค้ามากกว่า
  • มีรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดให้เลือก
  • มีการเว้นที่ให้รถอเนกประสงค์กลุ่มใหม่ ในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงของตลาดอเนกประสงค์ในวันนี้ เราจะพบว่า รถอเนกประสงค์ที่มีขนาดกลางๆในวันนี่เริ่มขยับไปหาเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ ทิ้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่เคยเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการใช้รถรวมๆในเมือง -นอกเมือง แม้ว่าในวันนี้เราจะถูกบังคับให้เลือก แต่คุณจะค้นพบว่า เครื่องยนต์ใหญ่กว่าทรงพลังกว่าก็มีข้อดีเช่นกัน และไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่