พูดถึงกลุ่มรถยนต์นั่งหรู ในตอนนี้ สงครามรถยนต์ประเภทไฮบริดเสียบปลั้ก กำลังมาแรงอย่างมาก มันเป็นการตอบคำถามในเรื่องความทันสมัย และความประหยัดในการขับขี่ รวมถึงสมรรถนะในภาพรวมรถก็พุ่งปรี๊ด!! จนใกล้เคียงคำว่า สปอร์ต … แต่เรื่องจริงมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้

หลายคนเชื่อในรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กว่ามันมีความประหยัด จนถึงขนาดว่า ค่ายรถยนต์บางราย อย่าง Mercedes Benz   ยืนยันการตัดวางจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่เคยวางขาย เพื่อให้ลูกค้ามาคบหารถไฮบริดที่มีราคาไม่แพง ทั้งที่ มันอาจจะยังไม่ตอบสนองอย่างี่ควรจะเป็นก็ได้

ก่อนอื่น ขอเล่าเรื่องรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กหน่อยว่า เจ้าไฮบริดเสียบปลั้ก หรือ  Plug in Hybrid   เป็นรถที่มีการพัฒนามาสักระยะหนึ่งในหลายค่ายรถ เพื่อให้มันตอบสนองการใช้งานในบางส่วนได้คล้ายกับรถยนต์พลังไฟฟ้า ที่เปิดตัวออกมาในระยะหลังๆ

ระบบไฮบริดที่คุ้นเคย จะถูกติดตั้ง ด้วยแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่กว่าอีกเท่าตัว  และมาพร้อมช่องชาร์จไฟ และสายชาร์จ ให้คุณสามารถขับรถไปแล้วเสียบชาร์จที่ไหนก็ได้ โดยเมื่อชาร์จเต็มแล้ว ผู้ขับขี่สามารถกดโหมดขับด้วยไฟฟ้าล้วนเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าโดยตรง ไม่ใช้เครื่องยนต์ในการขบัขี่

ลักษณะการทำงานดังกล่าวจะคล้ายกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ยังไม่มีวางจำหน่ายในไทย โดยเมื่อรถใช้ไฟฟ้าจนหมดระยะทางที่เดินทางได้จะเข้าสู่โหมดไฮบริดปกติ  และในรถหลายรุ่นสามารถใช้เครื่องยนต์เป็นตัวชาร์จไฟฟ้าเพื่อ เตรียมตัวใช้ไฟฟ้าต่อไปได้อีกด้วย

ฟังดูแล้วระบบนี้ก็เจ๋งดีนะ .. แต่ความจริงในการใช้งานมันเจ๋งอย่างนั้นหรือเปล่า .. หลายคนที่ไม่เคยผ่านมือมาคงสงสัย

จากประสบการณ์ของกระผม ที่ผ่านมือ รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กมาบ้างพอสมควร ต้องยอมรับว่า รถไฮบริดเสียบปลั้กฟังค่อนข้างดูดี แต่เอาเข้าจริงแล้ว มันอาจจะไปประหยัดมากมายอย่างที่คิด ด้วยเมื่อระยะทางไฟฟ้าหมดกำลังที่จะวิ่งได้ ถึง ระบบจะกลับเข้าสู่การทำงานในแบบไฮบริด ก็ยังไม่ตอบสนองได้มากที่เท่าที่ควร

ส่วนหนึ่ง ด้วยรถยนต์ไฮบริดนั้น เหมาะมากกว่าที่จะขับในเขตเมือง เจอการขับขี่แบบ ติดๆ ขับๆ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า  Stop and go   ถ้าคุณขับรถไฮบริดในเมือง พวกมันจะประหยัดสุดๆ ยิ่งในรุ่นเสียบปลั้กนั้น  ถ้าคุณใช้ไฟฟ้าล้วนตั้งแต่ออกจากบ้าน พวกมันจะช่วยประหยัดเงินไปได้มากโข จากค่าน้ำมัน

แต่กระนั้นเมื่อออกนอกเมืองรถยนต์ไฮบริด ก็มีความหมายน้อยลง โหมดการขับขี่ส่วใหญ่ ถูกเซทมาให้เครื่องยนต์กลายเป็นพระเอกหลักในการขับขี่มากกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าใช้น้อยลง เครื่องยนต์ก็หยุดการทำงานน้อยลง รถก็ไม่ประหยัดมากเท่าการขับขี่ในเมือง

ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะสนองตอนเร่งแซง และใช้ขับขี่ในย่านความเร็วต่ำสั้นๆ เช่น จังหวะการจราจรหนาแน่น โดยมากจะทำระยะทางไม่เกิน  2-3   ก.ม. ส่วนในไฮบริดเสียบปลั้กพวกมันจะทำระยะทางได้มากกว่า แต่นั้นขึ้นอยู่ปริมาตรแบตเตอร์รี่ที่มี ถ้าเหลือน้อย ความสามารถมันจะเท่ากับรถไฮบริดทั่วไป จนสรุปได้ว่า รถไฮบริดเสียบปลั้กก็ไม่สามารถให้ความสามารถในการขับขี่ได้มากกว่านัก

ขอยกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งผ่านมือมากกับ   Mercedes Benz  GLE500e   กับ   Mercedes Benz  ML  

ใน   ML ผมทำอัตราประหยัดเฉลี่ยในเมืองตามโหมดทดสอบได้ที่   10.85  ก.ม./ลิตร ในขณะที่รถไฮบริดเสียบปลั้ก ทำได้ดีกว่าที่  13.83   ก.ม./ลิตร ….แมทช์นี้รถไฮบริดชนะไป …

แต่เมื่อขับออกนอกเมือง  Mercedes Benz  ML250 Bluetec   เคยทำอัตราประหยัดได้  7.56  ก.ม./ลิตร แต่ไฮบริดทำได้ไม่ต่างกันนักที่   10.1  ก.ม/ลิตร มันก็น่าคิดเช่นกัน ว่า สรุปแล้ว รถไฮบริดเสียบปลั้ก ใช่ทางออกของการมองหาความประหยัดในการขับขี่หรือไม่ ด้วยมัน

แถมเรื่องการบำรุงรักษารถไฮบริดมีค่าใช้จ่ายมากกว่า และระยะยาวไม่ทนเท่าเครื่องยนต์ดีเซล .. 

เมื่อปีกลาย  Honda   ออกมาประกาศว่า พวกเขาจะไม่วางจำหน่ายรถยนต์ Honda Accord ไฮบริดเสียบปลั้ก แต่หันมาให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฮบริดธรรมดา  และเน้นพัฒนารถเซลล์พลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น

 ….อาจจะเป็นสัญญาณว่า รถไฮบริดเสียบปลั้ก ก็ไม่ประหยัดมากมายอย่างที่คิด เพียงแต่ทำออกมาเพื่อตอบสนองลูกค้าทีต้องการรถยนต์ไฟฟ้า แต่พื้นท่การขับขี่อาจจะยังต้องการระยะทางมากกว่าที่รถไฟฟ้าทำได้อยู่

ชะตากรรมรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กในบ้านเรา จะรุ่งหรือไม่ ถึงตรงนี้ยังยากที่จะตอบ แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมารถยนต์เสียบปลั้กจะออกมาให้จับจงหลายรุ่น และมีราคาถูกลงตามภาษี  CO2   ใหม่ล่าสุด ทว่าโจทย์เรื่องความประหยัดที่ค่ายรถชูโรง มันทำได้ไม่ดีเท่าที่คิด ดั่งที่หลายคนอาจจะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้

 

 
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่