คิดอย่างไรหาก “รถทุกคัน” ต้องทำประกันภัยทุกปี?

รถยนต์ที่แล่นอยู่บนท้องถนนเมืองไทยทุกวันนี้มีประกันภัยคุ้มครองจำนวนเท่าไหร่เรามิอาจทราบได้ แต่เบื้องต้นกฏหมายมีการบังคับให้รถทุกคันต่อพรบ. เพื่อคุ้มครองผู้ใช้รถกับผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องรถที่ไม่มีพรบ. กับประกันภัยยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเราอยากทราบว่าผู้อ่านคิดอย่างไรหากรถทุกคันต้องทำประกันภัยทุกปี

ไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวการเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่กับผู้โดยสารที่นั่งมาในรถยนต์ฝ่ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสถึง 4 ราย โดยทางญาติผู้เสียหายได้ร้องขอค่าชดใช้จากฝ่ายกระทำผิดผู้กระทำผิด แต่คนขับกระบะตอบว่ารถของตนไม่ได้ต่อพรบ.รวมถึงประกันภัยรถยนต์ ถ้าอยากได้ค่าเสียหายก็ให้อีกฝ่ายไปฟ้องร้องในชั้นศาล คำพูดของผู้ขับรถกระบะทำให้หลายคนมีเสียงต่อว่าต่างๆ นานารวมถึงเป็นการบอกนัยๆ ว่ารถยนต์จำนวนมาบนท้องถนนยังไม่มีการทำประกันภัย

พรบ. ไม่เพียงพอต่อความคุ้มครอง…

เวลาที่เราจะนำรถยนต์ไปเสียภาษีรายปีทุกครั้งจะต้องทำพรบ. ที่มีราคาไม่กี่ร้อยบาท เพื่อเป็นหลักฐานแนบไปพร้อมกับสมุดทะเบียนรถ สิ่งนี้อาจจะเพียงพอต่อการคุ้มครองผู้ขับขี่กับผู้โดยสารในเบื้องต้น ทว่าจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ จึงทำให้ในบางเคสมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายผู้เสียหายต่อผู้กระทำความผิด เสียเวลายืดเยื้อกว่าจะได้คำตัดสินจากศาล และที่น่าปวดใจที่สุดก็คือบางกรณีแม้ศาลจะตัดสินไปแล้ว แต่ผู้กระทำผิดก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้แก่ผู้เสียหายได้ สร้างความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจต่อผู้เสียหาย ไปจนถึงญาติที่เกี่ยวข้อง

ประกันภัยคือสิ่งที่เจ้าของรถทุกคันต้องทำ?

ปัจจุบันรัฐบาลบังคับให้ผู้ใชรถยนต์ รถจักรยานยนต์ทุกคันต้องทำ พรบ.รถยนต์ เพื่อคุ้มครองผู้ขับขี่ผู้โดยสารเป็นหลัก ส่วนประกันภัยภาคสมัครใจอย่างประกันภัยชั้น 3, 3+, 2, 2+ และชั้น 1 ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถว่าต้องการความคุ้มครองอะไรให้ตนเอง รวมถึงค่าชดเชยเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุมีความเสียหาย จะเห็นได้ว่าหลายท่านได้เลือกประกันภัยชั้น 3 เพื่อป้องกันมิให้ตนเองต้องเสียเงินจำนวนมากจ่ายให้แก่คู่กรณี ในตอนที่ตนเองนั้นเป็นฝ่ายผิด หรือบางคนที่มีเงินมากหน่อยก็เลือกประกันภัยชั้น 1 ที่คุ้มครองทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะรถไปเฉี่ยวเสาไฟ ไฟไหม้ หรือขับไปชนท้ายรถคันอื่น

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือยังมีเจ้าของรถยนต์อีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้ทำประกันภัยใดๆ เลย เรียกว่าใครโดนรถเหล่านี้ขับมาเฉี่ยวชนเป็นเรื่องปวดหัวแน่นอน หากผู้เสียหายไม่ได้ทำประกันภัยด้วยเช่นกัน นั่นแหละคือปัญหาใหญ่มากเพราะจะต้องไปดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายเอง บางกรณีกินเวลายาวนานนับปีกว่าจะได้ข้อสรุป หรือถ้าแย่หน่อยแม้จะถูกตัดสินเป็นฝ่ายถูกแล้วก็ได้รับเพียงเงินที่ทยอยคืนจากฝ่ายผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตามเรื่องปวดหัวแบบนี้จะหายไป 

หากรถยนต์ทุกคันมีประกันภัยล่ะ…

ผลลัพธ์จะกลับเป็นตรงกันข้ามหากรถฝ่ายถูกและฝ่ายผิดมีประกันภัยกันทั้งคู่ เพราะทางบริษัทประกันภัยจะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เรียกว่าลดปัญหาความปวดหัวของผู้ประสบเหตุได้ทุเลานัก อย่างไรก็ตามก็มีหลายเสียงเอ่ยว่าหากรถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัย ภาระดังกล่าวจะตกไปอยู่กับเจ้าของรถ…

จริงอยู่ที่ค่าเบี้ยประกันภัยนั้นมีราคาหลักพันไปจนถึงหลายหมื่นบาทต่อปี แต่ถ้าคำนึงถึงผลที่ตามมาจากการทำประกันภัย เจ้าของรถมั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการฟ้องร้อง ไม่ต้องเสียความรู้สึกหลังรู้ว่าฝ่ายคู่กรณีไม่มีความสามารถในการหาเงินมาจ่ายค่าเสียหาย โดยหากรัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องการคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนน แนวคิดการบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกันภัยก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีให้แก่ทุกคน เรามั่นใจว่าเจ้าของรถทุกคนมีเงินมาจ่ายเบี้ยประกันภัยชั้น 3 ที่มีราคาเริ่มต้นราว 2 พันบาทได้ไม่ยากนัก แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคันไม่ต้องหวาดกลัวกับอุบัติเหตุที่คาดเดาไม่ได้

สุดท้ายแล้วนอกจากประกันภัยจะช่วยให้เจ้าของรถรวมถึงผู้โดยสารทั้งสองฝ่ายไม่ต้องปวดหัว หรือเสียใจไปกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับบุคคลอันเป็นที่รัก ไปจนถึงทรัพย์สินที่เสียหายจากอุบัติเหตุ เราอยากให้ทุกท่านที่อยู่หลังพวงมาลัยมีความระมัดระวัง ขับรถด้วยสติครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่เราสามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันได้

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com