ทุกวันนี้เราต่างทำประกันภัยรถยนต์ เพื่อจะได้คุ้มครองปกป้องยามเกิดอุบัติเหตุอุบัติภัยในระหว่างการเดินทาง การทำประกันอาจจะเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งมันก็กลายเป็นดาบสองคมในการใช้รถ ด้วยแทนที่ประกันภัยจะให้การคุ้มครองอุ่นใจ แต่บางครั้ง คุณอาจจะกลับรู้สึกว่าโดนทำร้ายมากกว่า ได้รับบริการที่ดี เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่เคยมีใครบอกคุณมาก่อน
1.ประกันภัยมีค่าเสียหายส่วนแรก คุณเคยได้ยินคำว่า ค่าเสียหายส่วนแรกไหม หลายคนที่ทำประกันภัยคงไม่เคยทราบมาก่อน และอาจจะไม่เคยรู้ว่า มันคืออะไร
ค่าเสียหายส่วนแรก คือเงินที่คุณต้องจ่ายให้บริษัทประกัน คล้ายๆ กับเงินจ่ายยอมจำนนนต่อความผิดในความสะเพร่าหรือประมาทของตัวเอง .. เออจริงๆ จะเรียกว่าค่าโง่ ก็คงไม่วายนัก โดยค่าเสียหายส่วนแรกแบ่งออกเป็นสองกรณี คือ
1.1 Deductible เป็นค่าเสียหายส่วนแรกตามความสมัครใจ จะต้องชำระ ในกรณีที่อุบัติเหตุนั้นๆ คุณตกเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ โดยเมื่อส่งรถเคลม (ตอนจะซ่อม) จะต้องชำระค่าเสียหายส่วนแรกให้ประกัน ตามที่ตกลงกัน แล้วแต่ว่าลูกค้าตกลงไว้เท่าไร มีตั้งแต่ 2,000 ,5,000 ไปจนถึงหลักหมื่นก็มี โดยหากค่าซ่อมมีมูลค่ามากกว่า เงินค่าเสียหายส่วนแรก ประกันจึงจะเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าซ่อมส่วนที่เหลือ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเคสที่หนักจริงๆ จะคุ้ม แต่ถ้าชนท้ายธรรมดาทั่วไป บางทีซ่อมเองอาจจะคุ้มกว่า
1.2 Excess ค่าเสียหายส่วนแรกประเภทที่ 2 เป็นค่าเสียหายส่วนแรก ประเภทที่หาคู่กรณีไม่ได้ เช่น รถลื่นไถลตกข้างทาง , หินกระเด็นใส่รถกระจกแตก อะไรเทือกนี้ หากไม่สามารถหาคู่กรณีได้ คุณต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกที่เรียกว่า Excess ซึ่งแต่ละบริษัท มีค่า Excess ไม่เท่ากัน แต่ในกรณีนี้จ่ายไปแล้วถือว่าคุ้ม เพราะส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายไม่มาก ดีกว่าไปซ่อมเองข้างนอก
2.ผู้ประสบเหตุต้องมีใบขับขี่ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่อยากจะเตือนไว้เลยว่า การใช้ประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าแบบใดก็ตาม เมื่อเรียกเคลม ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่แสดงต่อเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุ เพื่อยืนยันว่า ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ตามที่กำหนดได้ ในกรณีที่ไม่มีใบขับขี่ รวมถึงใช้ใบขับขี่ผิดประเภท ประกันอาจไม่รับเคลม หรือ ปฏิเสธการเคลมในภายหลังได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ทดแทนสินไหม
3.ประกันไม่เคลมกรณี รถเครือญาติชนกัน อาจไม่เคยมีใครบอกคุณ แต่นี่เป็นเรื่องจริงและประกันภัยหลายเจ้าได้แสดงใจความสำคัญไว้ในคู่มือประกันภัยว่า จะไม่รับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพยสิน ที่คู่สมรส บุตร บิกา มารดา ของผู้เอาประกันเป็นผู้เก็บรักษาหรือครอบครอง
หรือสรุปความง่ายๆ ถ้าคุณขับรถไปชน พ่อ แม่ หรือ เมียตัวเอง ประกันไม่รับผิดชอบ นั่นเอง …. มีงี้ด้วยหรือ ???
4.เมาแล้วขับ ประกันไม่รับผิดชอบ ข้อนี้เพื่อนๆ สายเมา น่าจะพอทราบกันดีอยู่บ้าง ว่าถ้าคุณเมาแล้วขับ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีแอลกอฮอลในเส้นเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลกรัมเปอร์เซ็นต์ ทางประกันจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ
5.ประกันบางแบบเคลมเฉพาะระหว่างยานพาหนะชนยานพาหนะเท่านั้น ทุกวันนี้เรามีประกันประเภทใหม่ ที่เรียกว่า เป็นเภท 3+ ซึ่งมีค่าเบี้ยถูกมากๆ เรียกว่าหารลงครึ่งหนึ่งจากประกันภัยชั้น 1เลยก็ว่าได้ ประกันภัยประเภทนี้เน้นเคลมกรณีรถชนรถ หรือยานพานะทางบกด้วยกันเท่านั้น …
และไม่รับการเคลม จากการสะเพร่า หรือ ประมาท ของผู้ขับขี่ จนทำให้รถได้รับความเสียหาย เช่น เบียดรั้ว เบียดเสา ชนกระถางต้นไม้อะไรแบบนี้ ก็อยากจะบอกว่า บางทีเพิ่มเบี้ยซื้อชั้น 1 แล้วมั่นใจกว่า
6.ถ้าคิดว่า “ไม่ผิด” ไม่ต้องเรียกประกันก็ได้ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีใครเคยบอกคุณ แต่ในบางกรณีที่เกิดเหตุขึ้น แล้วคู่กรณียอมรับผิด ถ้าคู่กรณีได้เรียกประกันภัยของเขามาแล้ว คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเรียกประกันภัยตัวเองมายังจุดเกิดเหตุก็ได้ เนื่องจากอย่างไรเสียทางคู่กรณีจะออกใบรับเคลมค่าเสียหาย แล้วให้คุณนำใบเคลมนั้นไปแจ้งต่อประกันของคุณภายหลังก็ได้
แต่ต้องมั่นใจงว่ามีการยอมรับผิดจริงนะ ถ้าก้ำกึ่ง เช่นคู่กรณีไม่ยอม ไม่มีทีท่ายอมรับความผิด ให้ประกันมาเคลียร์ดีกว่าครับ
7.ค่าขาดประโยชน์ เรียกร้องได้ถ้าคุณเป็นฝ่ายถูก ในกรณีที่เกิดความเสียหายกับรถคุณจนต้องนำเข้าซ่อมทันทีตั้งแต่วันเกิดอุบัติเหตุ หรืออาจจะต้องนำเข้าซ่อมหลายวัน คุณมี่สิทธิสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์การใช้งานจากบริษัทประกันภัยคู่กรณีได้ตามสมควร
โดยการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ เป็นที่พูดถึงน้อยมาก เนื่องจากมีคนรู้น้อยมาก ทั้งที่มีมูลค่ามากในการได้รับค่าสิ้นไหมทดแทน ยิ่งคุณเป็นฝ่ายถูกสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรับการชดเชย จากค่าขาดประโยชน์ดังกล่าว
แต่ที่คนไม่พูดถึงนัก เนื่องจากมีคนรู้น้อยมากและไม่ทราบขั้นตอนที่ถูกต้อง งวดหน้าถ้ารถคุณชนยับ แล้วคุณเป็นฝ่ายถูก ลองศึกษาเรื่องนี้ดูก็ได้ครับ
เป็นไงบ้างครับ เรื่องประกันภัยรถยนต์ ลึกลับซับซ้อนดีใช่ไหมครับ จริงๆ เรื่อซับซ้อนของประกันภัยมีอีกมา ผมว่าบางทีคนใช้รถควรรู้ แล้วยังไงจะหามาเล่าต่อไปในงวดหน้านะครับ
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
