GWM Pickup แบรนด์ย่อยในเครือ Great Wall Motor กำลังจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในตลาดกระบะขนาด 1 ตัน ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และวันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับยี่ห้อปิกอัพจากจีนรายนี้

ดีลร้อนล่าสุดระหว่างเครือรถยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันกับค่ายรถแดนมังกร อย่าง General Motors (GM) กับ Great Wall Motos (GWM) ที่ทำให้ Chevrolet ประเทศไทยเป็นอันต้องยุติการจำหน่ายรถภายในสิ้นปี พ.ศ. 2563 ทำเอาทุกคนตกใจกันไปตาม ๆ กัน ว่าเหตุใดค่ายรถจากจีนถึงได้ควักเงินมหาศาลซื้อโรงงานประกอบรถยนต์ และผลิตเครื่องยนต์ต่อจากบริษัทสหรัฐฯ

ขอท้าวความกลับไปยังประวัติความเป็นมาของ GWM โดยบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1984 มีอายุกว่า 36 ปี โดยในช่วงแรกทำตลาดด้วยรถกระบะที่มีชื่อรุ่นว่า Great Wall DEER ใช้พื้นฐานจากกระบะ Toyota Hilux เจนเนเรชั่นที่ 6 หรือบ้านเรารู้จักกันในนาม Hilux Tiger โดยปิกอัพรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาในตลาดจีน ขึ้นอันดับกระบะขายดีที่สุด 9 ปีต่อเนื่อง และยังได้ชื่อว่าเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในดินแดนมังกร

สำหรับเครื่องยนต์ที่วางบนเจ้ากวางมีอยู่ 3 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.2 ลิตร รหัส GW491QE ให้กำลัง 104 แรงม้า (HP) ที่ 4,600 รอบต่อนาที แรงบิด 190 นิวตันเมตร ที่ 2,400-2,800 รอบต่อนาที กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง ขนาด 2.8 ลิตร อีกสองบล็อค รหัส GW2.8TC กับ GW2.8TDI-2 ให้กำลัง 94 แรงม้า (HP) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด

นับจากผลิตกระบะ DEER รุ่นแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 พวกเขาก็มีรุ่นย่อยตัวถังมากถึง 5 รูปแบบ อาทิ กระบะตอนเดี่ยว กระบะตอนครึ่ง กระบะ 4 ประตู ห้องโดยสารปกติ กระบะ 4 ประตู ห้องโดยสารปานกลาง และกระบะ 4 ประตู ห้องโดยสารยาว สามารถทำยอดขายสะสมในแต่ละปีได้มากถึง 10,000 คัน ส่งผลให้ GWM กลายเป็นผู้ผลิตรถกระบะรายใหญ่ที่เชี่ยวชาญตลาดจีนมากในขณะนั้น

ต่อเนื่องมาถึงปี ค.ศ. 2001 พวกเขาได้เปิดตัวกระบะรุ่นใหม่ Great Wall Sailor ซึ่งใช้พื้นฐานของ Isuzu Dragon Eye ในกับรูปทรงของ Nissan Frontier มาผลิตเป็นรถออกขายสู่ตลาดจีน ด้านเครื่องยนต์เหลือเพียงขุมพลังเบนซิน 2.2 ลิตร ที่เคยวางบนรถรุ่นก่อนหน้า

ในปี ค.ศ. 2006 กระบะรุ่นใหม่ Great Wall Wingle นับเป็นรถเจนฯ 3 ที่ทางบริษัทจีนรายนี้ได้ส่งลงสู่ตลาด โดยรถโฉมปี 2006-2010 ใช้ชื่อว่า Wingle 3 ส่วนรถตั้งแต่ปี 2010-ปัจจุบัน ใช้ชื่อ Wingle 5 ซึ่งพื้นฐานเกิดมาจากการนำโครงสร้างของ Isuzu D-MAX โฉมแรกมาปรับปรุงใช้งาน ส่วนรูปลักษณด้านหน้านำมาจาก Volkswagen Magellan ตัวต้นแบบที่เผยโฉมตอนปี 2002 ด้านพวงมาลัยเปลี่ยนใช้ของ Toyota ตระกูล Vigo กับ Fortuner เจนฯ แรก

นอกจากนี้ GWM เล็งเห็นโอกาสที่จะขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยออสเตรเลียคือชาติที่บริษัทจีนให้ความสนใจต่อจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ด้วยการส่ง Great Wall V240 (Wingle 3) เข้าไปขาย ณ แดนจิงโจ้ ตั้งแต่ปี 2009-ปัจจุบัน มีการวางขุมพลังเบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4G69 ที่หยิบยืมมาจาก Mitsubishi ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร หลังจากนั้นในปี 2017 ถึงเพิ่มรุ่นเครื่องดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร

หลังจากพึ่งพาเทคโนโลยีกับเรื่องวิศวกรรมจากบริษัทรถชั้นนำรายอื่นมาหลายปี ในปี 2018 ทาง Great Wall Motor จึงได้ตัดสินใจแยกทำแบรนด์ Great Wall Motor Pickup (GWM Pickup) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อย่าง Wingle กับ P Series ไว้เป็นตัวโกยยอดขายทั่วโลก หากนับตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา ยอดส่งออกรถไปยังต่างประเทศจนถึงปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 1.6 ล้านคัน ที่มีทั้งยุโรป ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมอยู่ด้วย

Great Wall P Series ความฝันสูงสุดในการพาแบรนด์จีนสู่ตลาดโลก

เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา GWM เข็นกระบะคันล่าสุดภายใต้ชื่อ Great Wall Canon หรือในชื่อสากล P Series ออกสู่ตลาดจีน ที่สร้างขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม P71 ซึ่งเป็นการผสานกันความสมบูรณ์แบบระหว่างรถกระบะและรถซีดาน ให้ทั้งความนุ่มนวล เหมาะสมต่อการลุยทางโหดหิน ตลอดจนห้องโดยสารมีสไตล์หรูหราไม่แพ้เอสยูวีจากค่ายพรีเมียม และที่สำคัญคือความสามารถในการบรรทุกสัมภาระไม่ยิ่งหย่อนกว่ากระบะยี่ห้ออื่น

โดยตัวอักษร P เป็นตัวแทนของ 3 สิ่ง ที่ถ่ายทอดบนรถกระบะคันนี้ P แรก Power หมายถึงพลังแห่งความแข็งแกร่ง P ต่อมา Peak แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ผ่านความท้าทายจนกลายเป็นเทคโนโลยีชั้นยอด และ P สุดท้าย Perfact ยืนหยัดเคียงคู่กับความหรูหรา เกิดมาเพื่อบุคคลที่มองหาอิสระให้กับชีวิต และเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันอยู่เสมอ

GWM เปิดเผยว่ารถกระบะคันล่าสุดของพวกเขาใช้ทีมพัฒนาวิจัยมากกว่า 5,000 คน ร่วมกันทำงานหนักตลอดเวลา 3 ปี ซึ่งแน่นอนว่าการระดัมทรัพยากรบุคคลรวมถึงเงินทุนมหาศาลขนาดนั้น เป้าหมายสูงสุดก็คือหวังเป็นผู้เล่นหนึ่งในสามอันดับแรกของกลุ่มรถกระบะระดับโลก

หากพูดถึงดีไซน์ของ GWM Canon หลายคนบอกว่ามันคือ Toyota Tundra ในร่างที่เล็กลงแถมอ่อนช้อยขึ้น มิติตัวถังมีขนาดความยาว 5,410 มม. กว้าง 1,934 มม. สูง 1,886 มม. และมีระยะฐานล้อ 3,230 มม. เห็นได้ว่ามีความใหญ่โตกว่าคู่แข่งในตลาดอย่างชัดเจน

ด้านขุมพลังหลักนั้นมีเพียงแบบเดียวในจีน ก็คือเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร รหัส GW4C20B ให้กำลังสุงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000-5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,800-3,600 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นมาตรฐาน พร้อมออปชั่นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จาก ZF ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีดิฟล็อคหลังไฟฟ้าจาก Eaton ให้มา

ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบได้สวยงามน่ามอง โดยความหลากหลายของการตกแต่งนั้นขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก มีตั้งแตรุ่นเพื่อการพาณิชย์ รุ่นหรูหรา และรุ่นออฟโรด ซึ่งแต่ละแบบมีการเลือกใช้วัสดุต่างกันในหลายส่วน ทั้งยังมีหน้าจอมาตรวัดหน้าผู้ขับขี่ตามยุคใหม่ ขนาด 7 นิ้ว  กับจอระบบสาระบันเทิงขนาด 9 นิ้ว ซึ่งเข้ากันดีกับปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศ และบริเวณคันเกียร์ที่อยู่ระหว่างเบาะคู่หน้า

นอกจากนี้ เรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยบนกระบะคันนี้ไม่แพ้คู่แข่งจากชาติอื่น เพราะผู้ผลิตติดตั้งระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ที่ให้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน Adaptive Cruise Control ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Lane keeping assist และส่วนเสริมอื่น ๆ ที่เข้ามาทำให้การขับขี่สะดวกปลอดภัย

ไม่น่าแปลกใจหาก Great Wall P Series จะเป็นโมเดลแรกที่ทาง GWM นำเข้ามาลุยตลาดเมืองไทย เพราะพวกเขาพอทราบมาว่าคนไทยยุคปัจจุบันตัดสินใจซื้อรถจากปัจจัยอื่น ๆ นอกจากชื่อเสียงของแบรนด์ หรือเรื่องของศูนย์บริการและความทนทาน ตัวอย่างนั้นมาจากค่ายรถร่วมสัญชาติอย่าง MG ที่สำเร็จมาแล้วกับ MG ZS หรือ MG HS ยกเว้นกระบะ MG Extender เท่านั้นที่ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเดินต่อได้ถึงขั้นไหน

เอาเป็นว่าภายในเวลา 2-3 ปีนับจากนี้ เรามาร่วมกันติดตามดูว่า GWM Pickup จะส่งรถกระบะในระดับราคาถูกใจคนไทย พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ใครเห็นแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุ้มค่าน่าลอง” หรือไม่ เพราะถ้าสอบผ่านตลาดปิกอัพบ้านเราได้ การจะลุยไปต่อยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรืออาเซียนก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ติดตามข่าวสารและบทความดี ๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่