ในช่วงปี 2010 เป็นต้นมาประเทศไทย ได้เริ่มรู้จักระบบเกียร์ใหม่ไร้รอยต่อ ที่เรียกว่า   Continuous Variable Transmission  หรือ   CVT   ระบบเกียร์เริ่มแนะนำในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก   Nissan  March   อีโค่คาร์ยอดนิยมจนเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนเริ่มสนใจมากขึ้น

ระบบเกียร์ไร้รอยต่อเกียร์ ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ทั้งยังมีการเปิดเผยว่าช่วยการสวิงของรอบเครื่องยนต์ ทำให้ได้อัตราประหยัดที่ดี ตลอดจนในแง่กลไกทำงานที่หันมาใช้ระบบสายพาน ทำให้ระบบเกียร์มีแรงเสียดทานเชิงกลน้อยกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติในยุคนั้น

แง่มุมความจริงว่าเกียร์   CVT   เหมาะสมต่อการใช้งาน ถูกหยิบยกจากบริษัทรถยนต์ชั้นนำ   Nissan   มาเป็นตัวชูโรงเทคโนโลยี ตั้งแต่วันนั้นจนปัจจุบัน และยังมีบทบาทในรถยนต์หลายแบรนด์ โดยเฉพาะในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก กลุ่มอีโค่คาร์ ก่อนพัฒนามาใช้กับรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปจนถึงอเนกประสงค์ตามลำดับ

อนาคตที่ดูเหมือนจะสดใสของชุดเกียร์   CVT   ดูจะเริ่มเปลี่ยนไปในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา หลังระบบเกียร์หลายอัตราทดเริ่มถูกพิสูจน์ในเรื่องการใช้งาน โดยเฉพาะในมุมมองการใช้เกียร์อย่างสมบุกสมบัน อาทิ การใช้งานเพื่อเดินทางในเสน้ทางออฟโรด หรือการขับอย่างหฤโหดของผู้ใช้ อาจส่งผลกระทบถึงชิ้นส่วนหลักโซ่สายพานเหล็กในเกียร์ แม้นว่ามันอาจจะทนทานอยู่บ้างในการใช้งาน หากเมื่อมันกล่าวคำอำลาโลก เจ้าโซ่ที่เคยช่วยงานแข็งขัน ส่งกำลังระหว่างลูกรอก จะแตกเป็นเศษละเอียดเล็กๆ และสร้างความเสียหายต่อชุดเกียร์ จนไม่มีทางเลยที่จะซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ ตลอดจนผู้ผลิตเกียร์ก็ไม่มีนโยบาย ให้ซ่อมเกียร์ด้วย ทำให้เกียร์ทันสมัยแห่งเริ่มถูกตั้งคำถาม (car from Japan)

เกียร์   CVT

ประกอบกับในระยะหลัง ผู้ผลิตเกียร์อัตโนมัติ เริ่มพัฒนาความสามารถเกียร์ออโต้ดั้งเดิมให้ตอบโจทย์ได้มากขึ้น ทั้งในเรื่องความนุ่มนวลในการต่อเกียร์ ตลอดจนยังพกหลายอัตราทดมากขึ้น จนปัจจุบันมีชุดเกียร์มากกว่า 6 อัตราทด และเริ่มกลายเป็นมาตรฐานใหม่

ในแง่ผู้ใช้งานก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดชะตาเกียร์  CVT   มุมหนึ่งเกียร์ออโตแลดูจะขับง่าย  ยังเป็นมิตรในการใช้งาน เพียงแตะคันเร่งขับไปเรื่อยๆ ระบบจะเลือกเปลี่ยนเกียร์ให้เอง รวมถึงตอบเรื่องการโดยสารได้ดี แถมยังช่วยในการประหยัดน้ำมันด้วย

หากในทางกลับกัน เมื่อใช้งานจริง ชุดเกียร์จะมีนิสัยต้องลากรอบสูงเมื่อผู้ขับขี่ย่ำคันเร่ง สร้างประสบการณ์แปลกในการใช้งาน รอบเครื่องจะฟาดและค้างที่รอบเครื่องสูงสุด จนกว่าผู้ใช้จะพอใจ ผิดกับเกียร์ออโต้ปกติ ที่มีการตบเกียร์ไปมา แถมการเปลี่ยนอัตราทดระหว่างเกียร์ในชุดเกียร์บางรุ่นอาจทำไม่ได้ อีกด้วย เพราะต้องมีการจำลองอัตราทดจากบริษัทผู้ผลิต

เหตุผลต่างๆ นี่เอง ที่ทำให้ บริษัทรถยนต์เริ่มพละตัวเองจากการพัฒนาชุดเกียร์   CVT   และปรับเปลี่ยนใช้เกียร์แบบนี้ในรถยนต์ที่พวกเขาคิดว่าเหมาะสม โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก

ย้อนไปในช่วงปี 2012 ในยุคเกียร์  CVT   กำลังมาแรง มาสด้าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นรายเดียวในตลาดตัดสินใจไม่พึ่งพาชุดเกียร์แบบนี้ ทางทีมวอศวกรค่ายซูม-ซูม มองว่า พวกเขาสามารถพัฒนาชุดเกียร์อัตโนมัติให้เพียงพอต่อการตอบสนองในการขับขี่ และไม่ขาดจิตวิญญาณของความเป็นรถ เหมือนดั่งที่หลายค่ายอาจจะมองเรื่องความประหยัดน้ำมันสูงสุด โดยลืมมองว่าผู้ขับขี่ต้องการอะไร

ทางด้านผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันคิดในทางเดียวกันรถในยุคนั้นให้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และบางรายมองไปถึงการตอบโจทย์ด้วยชุดเกียร์คลัทช์ คู่ด้วยซ้ำไป

การแนะนำเกียร์  CVT  ในรถยนต์หลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงกลุ่มรถอเนกประสงค์ ทำให้ผู้ใช้เริ่มคำนึงถึงศักยภาพที่ได้จากชุดเกียร์เหล่านี้ ตลอดจนข้อดีข้อด้อยในการขับขี่ เช่นการไร้ความรู้สึกในการขับขี่ , การไม่ตอบโจทย์ต่อการขับขี่บางสถานการณ์ อาทิในการขับขึ้นเขา ขับในภาวะที่รถบรรทุกน้ำหนักมาก หรือการขับขี่ด้วยความเร็วต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ

การกังขาของเกียร์   CVT   เริ่มสร้างความกังวลใจในหมู่ผู้ใช้ ในอีกทางบริษัทรถยนต์ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ความเข้มงวดทางด้านการปล่อยไอเสียมากขึ้น ทำให้จำเป็นต้องมีการพัฒนาเครื่องยนตืที่มีขนาดเล็กศักยภาพสูงมากขึ้น อาทิเครื่องยนต์เทอร์โบ หรือเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ผลที่ตามมาต่อเนื่อง คือจำเป็นต้องมีชุดเกียรืที่มีหลายอัตราทดมากกว่าเดิม เพื่อทำให้เครื่องยนต์อยู่ในช่วงกำลังมี่เหมาะสมได้ตลอดเวลา

ด้วยประเด็นดังกล่าวทำให้ในระยะหลังผู้ผลิตเกียร์ต้องเพิ่มตำแหน่งอัตราทดให้มากขึ้น เพื่อเป้นไปตามความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์ เราได้เห็นชุดเกียร์จาก ผู้ผลิตเกียร์ชั้นนำ เช่น   ZF Transmission ,Aisin  ที่ออกมามาพร้อมอัตราทด มากวก่า 6 ตำแหน่ง ตั้งแต่ช่วงปี 2014 เรื่อยมา จนกระทั่ง มีการแนะนำเกียร์ อัตราทด 8 สปีด ลงในตลาดรถทั่วไป เริ่มจาก Mitsubishi  Pajero Sport  ตามมาด้วยการทุบสถิติโดยฮอนด้าในปี 2017 ในรถยนต์   Honda  CR-V   ใหม่  และล่าสุด เมื่อปีที่แล้ว   Ford  แนะนำชุดเกียร์ออโตเ 10 สปีด ออกสู่ตลาด และถือว่ามากที่สุดในเวลานี้

ขณะที่เมื่อเรามองไปยังผู้ผลิตชุดเกียร์ CVT   ในปัจจุบัน บริษัทชั้นนำอย่าง   Jatco  ผลิตเกียร์  CVT   ออกมาเพียง 8  ตำแหน่งอัตราทด และรุ่นที่ได้รับความนิยมมีเพียง 7 อัตราทดเท่านั้น

รายงานจาก SAE International  เมื่อช่วงปี 2017 เชื่อว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายบริษัทเริ่มมีความคิดถอยจากชุดเกียร์  CVT  หลังจากมีรายงานการวิจัยอพอกมาในปี 2017 จากการทดลองเชิงเปรียบเทียบระหว่างเกียร์  CVT   และ  เกียร์ออโต้ 9 สปีด ซึ่งพบว่า เกียร์ CVT  รีดประสิทธิภาพจากเครื่องยนต์ดีกว่าร้อยละ 8.1 แต่ เกียร์ออโต้ 9 สปีด กลับให้ความประหยัดกว่าร้อยละ 3.8

ด้วยเหตุนี้ ในระยะหลังบริษัทรถยนต์จึงเริ่มถอยจากเกียร์   CVT   ยกเว้นนิสสัน ที่ยังคงยึดมั่นถือมั่นเกียร์สายพาน หลายบริษัทรถยนต์เริ่มแตกตัวออกมาด้วยชุดเกียร์ออโต้หลายอัตราทด บ้างมองกลับไปยังชุดเกียร์คลัทช์คู่ที่เคยถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ประสบความสำเร็จในรถปกติ หากก็มีความเชื่อว่า มันยังเป็นเทรนด์แห่งอนาคต เช่นฮอนด้า มีแนวคิดในการพัฒนาเกียร์คลัทช์คู่ 8 สปีด ใหม่ ลงในว่าที่   Honda Civic ไมเนอร์เชนจ์

ตลอดจนในระยะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งเดิมทีถูกครอบครองโดยเกียร์สายพาน กลับถูกแทนที่ด้วยเกียร์ออโต้ 4 สปีดในหลายรุ่น อาทิ  Suzuki  Jimny, Mitsubishi  Xpander หรือรถยนต์   MG 3   และ ด้วยเทรนด์ที่มีแนวโน้มไปหาเครื่องยนต์ขนาดเล็กมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ชุดเกียร์ออโต้ CVT   น่าจะเริ่มไม่ตอบโจทย์ในอนาคต

รีวิว Suzuki Ertiga 2019
ระยะหลังเกียร์ 4 สปีด เข้ามาแทนเกียร์ CVT ในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก

การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย อาจจะทำให้ระบบเกียร์  CVT   อาจมีจุดจบในเร็วๆนี้ แม้ว่าจะมีข้อดีในเรื่องการตอบสนอง และความประหยัดน้ำมันอยู่บ้าง หากด้วยการพัฒนาอย่างก้าวหน้าของเกียร์ออโต้ดั้งเดิม ทำให้สามารถกลับมาแทนที่ในใจทีมวิศวกรผู้ผลิตรถยนต์

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่