การซื้อรถสักคัน เราต่างมีโจทย์ความต้องการในการใช้งานต่างกันออกไป แต่โดยมากแล้วลูกค้าในปัจจุบันมีความต้องการใช้รถหนึ่งคันหลากหลาย สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ภาพของครอบครัว และความหรูหรา มักไปพร้อมกันในคราวเดียว นั่นตรงกับ   Toyota  Camry  ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา 

ตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา   Toyota  Camry  กลายเป็นรถที่ทำให้ลูกค้ากลับหันมามองตลาดรถยนต์นั่งหรูไม่น้อย ด้วยการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบและวิศวกรรมหลายรายการ ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน แถมราคารถรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก ครบเครื่องด้วยออพชั่นที่ลูกค้าต้องการ ทำให้หลายคนเริ่มสนใจบ้างไม่มากก็น้อยจากกระแสตอบรับ

ยอดจองที่มีเข้ามากว่า1,000 คัน โดยประมาณ ในช่วงเวลาสั้นๆ จากวันเปิดตัว จนมาถึงวันที่เรามาบุรีรัมย์เพื่อสัมผัสแรกรถยนต์  ToyotaCamry   ใหม่ เป็นการยืนยันชัดเจน ถึงความสนใจของลูกค้าและตัวรถที่น่าจะถูกอกถูกใจลูกค้ามากกว่าเดิมมากมายแต่เรื่องราวทั้งหมดที่คุณเห็นนั้นเป็นเพียงผลลัพธ์จากการสร้างสรรค์อันแตกต่าง ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อการเปลี่ยนแปลงจนประสบความสำเร็จ

ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า   Toyota   เปิดตัวโครงสร้างพื้นฐานใหม่   Toyota TNGA  หัวใจหลักสำคัญในการพัฒนารถสักคันต่อไปของแบรนด์ด้วยความคิดในการสร้างสรรค์ของโตโยต้าว่า Better  Car  หรือ สร้างรถยนต์ที่ดีกว่าเดิม

2018 Toyota Camry 2.5 G

การโยนทิ้งทุกอย่างที่เคยสร้างในตลอดหลายปี แล้วปรับความคิดสู่โลกยุคใหม่ ทำให้   Toyota เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในหลายด้าน แต่การจะสร้างรถที่ดีต้องมาจากภายใน   

TNGA   เป็นการตอบโจทย์การวิศวกรรม ด้วยการมุ่งเน้นให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 20 มม. โครงสร้างตัวรถปรับให้ต่ำลง อาทิเส้นสายหลังคา ตลอดจน การใช้เหล็กและความเหนียวของเนื้อเหล็กดีขึ้นกว่ารถโตโยต้าในอดีตที่ผ่านมา  แต่ใน Toyota Camry   ไปไกลกว่านั้น ด้วยข้าวของหรือ  Component   ที่ทำออกมารองรับกับโครงสร้างตัวนี้โดยเฉพาะ ซึ่งแม้ว่าเราจะได้ยินโครงสร้าง TNGA  มาตั้งแต่เปิดตัว   Toyota C-HR   แต่ในความสมบูรณ์แบบกลับต่างกันสิ้นเชิง

2018 Toyota Camry 2.5 G

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็น   Toyota Camry   ใหม่ กันบ้างแล้วทั้งตามถนนหนทาง หรือจอดตระหง่านในโชว์รูม ถ้าเทียบกับรุ่นเดิม คุณจะเห็นได้ว่าการออกแบบคัมรี่ยุคใหม่ ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

กว่า 2-3 เจนเนอร์เรชั่นของ โตโยต้า คัมรี่ พยายามเปลี่ยนจากภาพรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัว นับตั้งแต่รับไม้ต่อจาก  Toyota Corona  มาสู่การเป็นรถยนต์นั่งสุดหรูราคาไม่แพงสำหรับผู้มีอันจะกินที่ต้องการรถยนต์ใช้ขับขี่มั่นใจ หรือโดยสารอย่างสะดวกสบาย

2018 Toyota Camry 2.5 G

ตลาดซีดานกลาง เป็นตลาดรถยนต์นั่งหรูเริ่มต้น หรือทางโตโยต้าเรียกว่า “Entry Luxury”  ในอดีตลูกค้าซื้อรถเอาไว้ใช้งานแต่อาจไม่ได้คิดว่าจะใช้ขับเอง อาจเป็นรถประจำตำแหน่ง  หรือมีพลขับให้นั่งสบายจากบ้านไปที่ทำงาน หากโลกยุคใหม่ ผู้บริหารมีความคิดเปลี่ยนไป หลายคนขับรถเองมากขึ้น ดังนั้นรถกลุ่มนี้ถูกระรานโดยคู่แข่งสายหรูตัวจริง จากยุโรปมากขึ้นในตลาดปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นงานออกแบบ จึงเกิดขึ้นตรงนี้ ทาง  Toyota   เรียก แนวทางการออกแบบในตัวหรูของพวกเขาว่า   Sensual  Smart Confident  หรือถ้าพูดกันเป็นภาษาชาวบ้าน คือ ปรับให้เป็นภาพของรถที่ดูภูมิฐานขับมั่นใจ

แนวทางการออกแบบโตโยต้า คัมรี่ ใหม่ จึงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก กลายเป็นรถสำหรับผู้บริหารสมัยใหม่ที่ออกมาในภาพความสปอร์ตทันสมัย ใบหน้ารถออกแบบมาให้ดูโฉบเฉี่ยวลงตัว ตั้งแต่กระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ ที่ตอบโจทย์อย่างลงตัว ไฟหน้า โคมโปรเจคเตอร์ส่องสว่างด้วยไฟ   LED  

เส้นสายหลังคาจะเห็นได้ว่าปรับลดศูนย์ถ่วงต่ำลง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ทำให้ภาพรถโดยรวมได้ความสปอร์ตมากขึ้น ประตูข้างทั้งสี่บานมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า ความยาวประตูเพิ่มขึ้นช่วงให้ก้าวขึ้นลงรถสะดวกมากขึ้น

ด้านท้ายยังออกแบบฝากระโปรงท้ายให้ เป็นสปอร์ยเลอร์ตูดเป็ดในตัว ลงตัวกับไฟท้ายดีไซน์สปอร์ต สำหรับผมไฟท้ายเจ้าคัมรี่ ดูประหลาดๆ ในบางมุม โดยเฉพาะหางเป็ดที่ไปจุกอยู่ตรงกลาง  ในรุ่น 2.5 G  ลงตัวพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง  Bridge Stone Turanza 

ไม่ทันจะมีเวลาชื่นชมในการออกแบบมาก เราก็ถูกเวลารวบรัดให้ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร สำหรับคันตัวใหญ่อย่างผม ก้าวขึ้นลงทำได้ง่ายมาก  ด้วยประตูที่กว้างช่วยให้ง่ายในการขึ้นลงมากขึ้น

2018 Toyota Camry 2.5 G

หย่อนตัวลงเบาะนั่งจัดการปรับเบาะไฟฟ้า ตั้งพวงมาลัยตามต้องการ ทำได้ทั้งปรับขึ้นลง และ ยืดเข้าออก ผมสำรวจสังเกตว่าความรู้สึกภายในห้องโดยสารให้ความสปอร์ตอย่างมาก ด้วยการตบแต่งโทนสีครีม มาพร้อมลายไม้ที่ดูวัยรุ่นไม่รู้สึกแก่เกินไป

 ตรงหน้าคนขับเป็นจอเรือนไมล์ แสดงผล ด้วยหาปัด และชุดจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ โปรแกรมเป็นภาษาไทยเสร็จสรรพ  ตรงกลางคอนโซลหน้าเป็นชุดเครื่องเสียงจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ให้มาครบครัน แถมงวดนี้ คอเครื่องเสียงตัวจริง น่าจะรักเจ้าซีดานคันนี้มากขึ้น ด้วยเครื่องเสียงจากชุดเครื่องเสียง   JBL   พร้อมลำโพง 9 จุดในห้องโดยสาร

2018 Toyota Camry 2.5 G

 

2018 Toyota Camry 2.5 G

ผมมีโอกาสฟังระหว่างที่ออกตัวเดินทางเริ่มการทดสอบ บอกเลยว่าความกระหึ่มเครื่องเสียงชุดนี้ไม่ธรรมดา แถม มิติเสียงในห้องโดยสารถือว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยมพอสมควร

ทาง   JBL   เล่าให้ฟัง ว่า เครื่องเสียงใน  Toyota Camry   ใหม่ นี้พัฒนาขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ โดยใช้เวลากว่า 3,000 ชั่วโมงในการปรับจูนเครื่องเสียงชุดนี้ จนมีคุณภาพเสียงดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า อรรถรสในการฟังถือว่าครบถ้วน

แต่ในการโดยสารตอนหลัง โดยเฉพาะสำหรับท่านผู้บริหาร เสียงแหลม กลับหายตกไปบ้าง เนื่องจากชุดทวีตเตอร์ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งเสา  A   หรือทางด้านหน้า เมื่อรวมการบังจากผู้โดยสารตอนหน้า และชุดเบาะนั่งคู่หน้า เสียงแหลมจึงเดินทางมาถึงด้านหลังน้อยกว่า แต่ก็ถือว่าคุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

เรื่องการโดยสารในภาพรวม ตำแหน่งคู่หน้ามาพร้อมเบาะนั่งขนาดใหญ่นั่งสบาย และพื้นที่โดยสารเหนือหัวเหลือเยอะ แม้ว่ารถจะมีการออกแบบช่วงหลังคาให้เตี้ยลงก็ตาม นการโดยสารตอนหลังสะดวกสบายมากด้วยตำแหน่งหนักพิงเบาะหลังที่เทลาดเล็กน้อย ส่วนช่วงรองนั่งออกแบบให้เป็นหลุมลงไปเล็กน้อยเพิ่มความโอบกระชับในการโดยสาร ทำให้ รถรุ่นนี้เหมาะแก่การโดยสารพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น  

ในสัมผัสแรกผมตัดสินใจเลือกขับรุ่น  2.5G  เป็นหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่รถรุ่นท๊อปออพชั่น แต่มีหลายอย่างที่ทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ประเด็นหนึ่งหนีไม่พ้นเรื่องราคาขายและความคุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่ได้มากับเงินที่ต้องจ่าย คุณได้รถใหม่ทั้งคัน เมื่อเทียบกับรุ่น 2.0 G  

ใต้ร่างสปอร์ตหรู   Toyota  Camry  รุ่น 2.5   G   มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด   Dynamic Force  ขนาด 2.5 ลิตร  ไม่น่าเชื่อในยุคนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องยนต์ 4 สูบ บล็อกกลาง สามารถปั้นกำลังสูงสุดได้ถึง 209 แรงม้า และทำแรงบิด 250 นิวตันเมตร

ไม่เพียงเท่านี้เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังได้รับระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ Toyota Direct Shift  8 สปีด ครบครันด้วยอันตราทด Over Drive  2  เกียร์สุดท้าย น่าจะช่วยประหยัดได้พอสมควร

2018 Toyota Camry 2.5 G

เส้นทางและรูปแบบการขับขี่งวดนี้ไม่ไกลมาก เป็นช่วงถนน จากตัวเมืองบุรีรัมย์ไปยังไร่เมล่อนใกล้ ระยะทางขาละ 54 ก.ม. ผมขันอาสาขับในช่วงขากลับ โดยในการขับขี่ครั้งนี้เป็นรูปแบบ   Eco Run   หรือขับประหยัด แต่เราก็ไม่ใช่ว่าขับช้าเป็นเต่าคลาน ระหว่างทางใช้ความเร็ว 80-90 ก.ม./ช.ม. ล็อก Cruise Control   บ้างเป็นบางจังหวะ ขับไปแบบเรื่อยๆ กินลมชมวิวข้างทาง แซงรถช้าด้านหน้าบ้างถ้าจำเป็น ไม่น่าเชื่อ ตัวเลขบนหน้าปัด เมื่อถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อยู่ที่  19.1 ก.ม./ลิตร

 

2018 Toyota Camry 2.5 G

อันที่จริงระหว่างทางเราได้อัตราประหยัดสูงสุด 19.5 ก.ม./ลิตร แต่ระหว่างเส้นทางมีช่วงติดสัญญาณไฟจราจรมาก ซึ่งช่วงระหว่างติดไฟแดง ผมสังเกตว่าอัตราประหยัดจะลดลงอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ทำให้มันซดแหลกถ้าติดเครื่องเดินเบาทิ้งไว้ จนแอบคิดว่าทำไม  Toyota  ไม่ใส่ระบบ   idling Stop   มาให้ในรุ่นนี้

 

เปรียบเทียบสมรรถนะกับไฮบริดในสนามข้าง  

กลับมาถึงสนามช้างไม่นานเราก็พร้อมจะลงสู่การขับขี่ในสนาม  ทางโตโยต้าจัดการทดสอบในสนามช้างเอาไว้เป็นในเชิงเปรียบเทียบระหว่างรุ่น 2.5  G  และ รุ่นไฮบริด  ส่วนถ้าคุณจะถามผมว่าทำไมไม่เอารุ่น 2.0 G  มาเปรียบด้วยผมเชื่อว่าเป็นของเครือญาติเครื่องยนต์ใหม่  Dynamic Force

คันแรกผมเลือก 2.5G  โดยในสนามก็จะมีสถานีต่างๆ ตั้งอยู่ อาทิ สลาลอม , โค้งแคบ , เสลาลอมกว้าง  ,ไปจนถึงการเปลี่ยนเลนอย่างกระทันหันด้วย

2018 Toyota Camry 2.5 G

ออกตัว   Toyota  Camry   2.5 G   ในสนาม อย่าคาดหวังว่าผมจะได้ใช้ความเร็วมากนัก เพราะไม่นานสถานีแรกสลาลอม อยู่ที่ด้านหน้า เราต้องเข้าสลาลอมที่ความเร็ว 60 ก.ม./ช.ม .เมื่อเปรียบเทียบกับคัมรี่เดิม รถรุ่นใหม่นี่ถือว่าคนละเรื่อง ตัวรถ อาการโคลงตัวรถน้อยกว่าชัดเจน แถมช่วงล่างยังดูมั่นใจมากขึ้น ไม่ขับปวกเปียกเหมือนหลายรุ่นที่ผ่านมา

โค้งแคบ  C3   ในสนามเราเข้าที่ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. ผมเริ่มเห็นการตอบสนองที่ดีของช่วงล่าง รวมถึงการเหวี่ยงตัวในสลาลอมกว้าง ยิ่งยืนยันว่าโตโยต้าใส่ใจเรื่องคุณภาพการขับขี่ การเข้าโค้งการให้ตัวพวงมาลัย ผมถามคนที่นั่งด้านหลังในรอบขับขี่ผมว่า “เหวี่ยงไหม” เสียงแพร้วจากพี่โอม Pantip Garage   เหยื่อด้านหลัง บอก ไม่เท่าไรนะ

2018 Toyota Camry 2.5 G

ช่วงลงโค้งยาว ผมใช้ต้องเร่งความเร็วให้ถึง 120 ก.ม./ช.ม.  ออกจากสถานีมา ก็เพียง 80 ก.ม./ช.ม. เรามีระยะราว ๆ 400 เมตร ก่อนเข้าโค้ง ผมบี้คันเร่งขยี้เค้นกำลัง เครื่อง 2.5 รู้งาน เร่งอย่างแข็งขัน ในระยะสั้นๆไม่กี่วินาที ก็ได้ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. สบายๆ

ยิ่งไปกว่านั้นที่ผมว่าน่าชื่นชมจับจิต หนีไม่พ้นเรื่องของชุดเกียร์  Direct shift 8  สปีด ค่อนข้างฉลาดในระดับหนึ่ง มันรู้จักการลากเกียร์ ค้างตำแหน่งเกียร์ และทอนเกียร์ลงตามจังหวะที่สมควร

การขับในสนามช้าง สิ่งสำคัญคือการลดกำลังและทอนเกียร์เตรียมเข้าโค้งถูกจังหวะ ซึ่งตลอด 2 รอบสนาม ผมเห็นชัดว่าเกียร์ทำงานได้น่าประทับใจฉลาดไม่น้อย หรือถ้าจะเลือกเปลี่ยนเกียร์เอง ก็ขึ้นลงไวพอตัวเช่นกัน

ลงจาก 2.5  G  ผมถูกอัญเชิญไปขับรุ่นไฮบริด   ในรุ่นที่ขับวันนี้คือ 2.5  HV Premium ท๊อปออพชั่นของคัมรี่ใหม่ แต่อย่าถามว่าออพชั่นเล่นอะไรบ้างไหม เพราะขับในสนามนี่วัดสมรรนถะล้วนๆ

ตั้งแต่เปิดตัวมาผมก็แปลกใจ รุ่นท๊อปออพชั่นกว่าแต่กลับให้ล้อขนาด 17 นิ้ว และยางแก้มหนากว่า ทั้งที่น่าจะใช้ล้อขอบ 18 นิ้ว

ผมลงขับในสนามอย่างไม่รอช้า แน่นอนด้วยความเป็นไฮบริดการตอบสนองของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะรวดเร็วกว่าจนรู้สึกได้ แถมระบบเกียร์  E-CVT   นั้นก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วงสลาลอม หรือเข้าโค้ง ด้วยการวางแบตเตอร์รี่ไว้ทางด้านหลัง น้ำหนักเพิ่มขึ้นทางด้านหลัง ทำให้ เรารู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น ลดความกระฉับกระเฉงตัวรถ

ระหว่างทางในสนามเทียบกับ 2.5G  ผมว่า   2.5HV  Premium   เหมาะเป็นรถสำหรับครอบครัวขับสบายได้แรงได้ประหยัด มันดูไม่เฉียบเท่าตัว 2.5 G   อินสตักเตอร์ ที่นั่งไปด้วยบอกความรู้สึกแบบนี้เป็นของคนส่วนน้อย แต่ไม่แปลกสักเท่าไร

 

สรุปเบื้องต้น   Toyota Camry  2.5 G ได้เร้าใจ ..ไฮบริดเน้นครบเครื่อง

ผมลงมาจาก   Toyota  Camry   ทั้ง 2 คัน พลัน ก็มีทีมงานญี่ปุ่นเข้ามาคุยด้วย ผมมาทราบภายหลัง ว่าท่านนี้คือ คุณ มาซาโตะ มัสซึมาตะ  หัวหน้าวิศวกรผู้พัฒนา  Toyota  Camry   ใหม่ หรือพูดแบบบ้านๆ คือ พ่อของคัมรี่นั่นแหละครับ  ท่านถามว่า เมื่อขับทั้ง 2 รุ่นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

ผมบอกท่านว่า ส่วนตัวผมเป็นคนขับรถเร็ว เลยรู้สึกชอบ   Toyota  Camry  2.5 G   มากกว่า การขับดูมั่นใจพวงมาลัยคม และการตอบสนองในโค้งหรือการเบรกดีกว่า รวมถึงการโยนตัวด้วย

ส่วนตัวรุ่นไฮบริด ขับแล้วถือว่าดีขึ้น แต่ยังรู้สึกว่า ยังไม่ถึงขนาดโดนใจ โดยเฉพาะเวลาเข้าสลาลอมหรือโค้ง รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงท้ายค่อนข้างมาก ดูไม่รู้สึกสมดุลเท่าตัวปกติ

2018 Toyota Camry 2.5 G

คุณมาซาโตะบอกผมว่า  สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากล้อ 17 นิ้วทำให้บางที่ใช้ก็จะต้องมีแก้มยางสูงตาม ทำให้ย้วยกว่า นอกจากนี้ยังมีการปรับเซทระบบช่วงล่างต่างกันระหว่าง 2 รุ่น  ในรุ่นไฮบริดใช้ค่าสปริงหลังแข็งกว่าและใช้โช๊คอัพคนละชุด เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ทางด้านหลัง  

ท่านหัวหน้าวิศวกรบอกว่า ที่จริงแล้วจากการทดสอบของทีมวิศวกรโตโยต้า รุ่นไฮบริดมีสามารถทำเวลาต่อรอบสนามดีกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องปกติ  แต่อาจด้วยในเวอร์ชั่นไทยไม่ใช้ล้อขอบ 18 นิ้ว ในตัวไฮบริดทำให้อาจรู้สึกว่าขับได้ไม่ดีเท่าก็ได้

จากบทสนทนาดังกล่าว หากมาสรุป หลังจากลองสัมผัส  Toyota  Camry  2.5 G เป็นรถที่มีเครื่องยนต์แรงเร้าใจ เกียร์ฉลาด ราคาไม่แพง และขับสนุก ใช่ผมอาจยังไม่มีโอกาสหวด 0-100 หรือทำความเร็วสูงสุด แต่วันนี้ที่ขับ ผมรู้สึกได้ว่า มันเหมือนเสือที่โดนขังรอวันให้เราจะสนุกสนานกับมัน  

2.5 G  เป็นรถสปอร์ตดีๆ ในคราบซีดานหรู การคัดพวงมาลัยค่อนข้างแม่นยำพอตัว เกียร์ฉลาดราวกับหลับตาแล้วรู้ว่าผู้ขับขี่จะทำอะไร หรือช่วงล่างที่ตอบโจทย์ได้เรื่องความนิ่งนั่งสบายไม่ว่าความเร็วต่ำความเร็วสูง เสียดายที่ออพชั่นมันไม่ได้หวือหวาอะไรมากนักเมื่อเทียบกับตัวไฮบริด

ส่วนใครที่สนใจตัวไฮบริดยังคงจุดเด่นในเรื่องความประหยัดเอาไว้ดีเยี่ยม เรื่องสมรรถนะก็เร่งทันอกทันใจ แต่ถ้าอยากได้ออพชั่นเต็มๆ ต้องเล่นรุ่นพรีเมี่ยม แต่ผมว่าถ้าไม่เน้นมาก รุ่นกลางก็ครบเครื่องไม่น้อย

โตโยต้า คัมรี่  ใหม่เปลี่ยนไปมากในรุ่นนี้ ที่ผมกล้าพูดคงไม่พ้นเรื่องสมรรนถะในการขับขี่และความประหยัดมันกลายเป็นรถที่ขับก็เจ๋ง นั่งก็แจ๋ว … แต่จะพูดคุยมากกว่านี้คงต้องรอลองมากกว่านี้ซึ่งหวังว่าคงไม่นานเกินรอ

 

[ngg src=”galleries” ids=”786″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่