Chevrolet

ตั้งแต่เมื่อปีกลาย   Chevrolet ทำให้เราสนใจกระบะใหม่ของพวกเขา   Chevrolet Colorado   ใหม่ ด้วยเส้นสายการออกแบบที่ดูมีความเป็นอเมริกันพันธุ์แกร่งมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากพวกเขาสะบั้นรักกับ   Isuzu   แล้วตัดสินใจว่าแนวทางที่ดีดที่สุด คือเป็นตัวของตัวเอง

Chevrolet Colorado  ใหม่ได้รับความสนใจอย่างมาก  โดยรุ่นใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดเดียว ดีเซล 2.5 ลิตร ในรุ่นขับสองยกสูง ใช้ชื่อรุ่นว่า  Z71  ให้กำลัง 180 แรงม้า สูงสุด ที่  3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 440 นิวตันเมตร สูงสุด 2,000 รอบต่อนาที โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ  รวมถึงยังติดตั้งระบบพวงมาลัยไฟฟ้ามาแล้วทุกรุ่น

ความโดดเด่นทางการออกแบบสไตล์อเมริกัน ตัวเริ่มต้นของ  Chevrolet Colorado   ใหม่ แนะนำในรุ่น   LT  ตัวรถมาพร้อมกุญแจรีโมทธรรมดา  พร้อมดอกกุญแจพับเก็บได้  ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ทุกรุ่น พร้อมติดตั้งบันไดข้างมาให้เสร็จสรรพ

ตัวรุ่น  LT มีรายละเอียดต่างจากตัว   LTZ  เล็กน้อย  เริ่มจากการให้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 245/70/R16 ตัวรถไม่มีเซนเซอร์ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ  รวมถึงไฟ   Daytime Running Light 

chevrolet- colorado-2017 (2)

ในภาพ   Chevrolet Colorado hi Country 4X4 

ในเรื่องการตบแต่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยกระจังหน้าเป็นสีเงินไม่ใช่โครเมี่ยม กันชนหลังและมือเปิดกระบะเป็นสีดำ ไม่ใช่โครเมี่ยม

ส่วนในห้องโดยสาร   Chevrolet Colorado  Z71   ตัว   LT   มาพร้อมพื้นฐานในการใช้งานด้วยระบบปรับอากาศธรรมดา , บนพวงมาลัยไม่มีลูกเล่นมัลติฟังชั่นควบคุมเครื่องเสียง ขณะที่ตัวหน้าจอความบันเทิงภายในรถกลับให้ของดี ด้วยระบบ   Chevrolet My Link  ขนาด  7  นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง   Apple Car Play  และ   android Auto  ขณะที่ตัวเบาะนั่งรุ่นนี้เป็นเพียงเบาะผ้าเท่านั้น

ในรุ่น   LTZ  ทุกอย่างจะมีความดีงามมากขึ้น ด้วยล้ออัลลอย 18 นิ้ว  พร้อมยางที่มีขนาดใหญ่ถึง 265/60/R18 ตัวรถให้ความงามสง่าด้วยไฟ Daytime Running Light  หลายจุดที่เปลี่ยนจากสีดำมาเป็นโครเมี่ยม

ในห้องโดยสาร ปรับระบบความบันเทิงเพิ่มขนาดจอ   Chevrolet My Link มาเป็นขนาด 8 นิ้ว เบาะผ้าเปลี่ยนเป็นเบาะหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ ส่วนบนพวงมาลัยให้ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และ   Cruise Control   แต่ถ้าถามผมรุ่น   LT  กลับน่าสนใจกว่า เนื่องจาก ราคาค่อนข้างเป็นมิตร ในระดับราคาที่จับต้องได้

โดย   Chevrolet Colorado Crew Cab  Z71   เปิดราคาเริ่มต้นรุ่น LT เกียร์ธรรมดา ที่ 813,000 บาท รุ่นเกียร์ออโต้ราคาขยับขึ้นไปเป็น  859,000 บาท

 

Nissan 

อาจจะถูกหลายคนมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายด้วยระยะหลัง   Nissan  Navara  ไม่ค่อยโปรโมทตัวรถมากมายนัก สำหรับ   Nissan Navara  ตัวขับสองยกสูงใช้ชื่อรุ่นว่า   “Calibre”   มีมาตั้งแต่ตัวก่อนหน้านี้แล้ว

โดย   Nissan Navara  ขับสองยกสูงทุกรุ่นจะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตรให้กำลัง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที  ทำแรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที 

ทุกรุ่นย่อย ให้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟขับขี่เวลากลางวัน   Day Time Running Light  กระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ กระจกมองข้างโครเมี่ยม พร้อมพับเก็บด้วยไฟฟ้า แถมยังให้ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ตั้งแต่รุ่น   E   เริ่มต้น ตัวประหยัดของขับ 2 ยกสูง พร้อมยาง  255/60/R18   

ภายนอกของ   Nissan  Navara  Calibre   แทบกล้าพูดว่าเหมือนกันหมด ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แต่ความแตกต่างมันอยู่ภายในห้องโดยสาร ซึ่งถ้าเป็นตัวเริ่มต้นรุ่น  E  จะมาพร้อมระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว  พวงมาลัย 3 ก้านยูรีเทน เบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง  ตัวเบาะทั้งคันหุ้มด้วยผ้า คอนโซลหน้าตบแต่งด้วยเปียโนแบล็ค

ความจริงในรุ่นเริ่มต้นกับรุ่น  EL  ตัวกลาง รุ่นเกียร์ธรรมดา ทุกอย่างเหมือนกันราวกับแกะ ต่างเพียงหน้าจอเครื่องเสียงในรุ่น  EL  เพิ่มขนาดเป็น 7 นิ้ว  เท่านั้น ทั้ง  EL   รุ่นเกียร์ธรรดมาและอัตโนมัติ  ส่วนใครที่อยากได้เบาะหนัง ต้องข้ามไปรุ่น   Sport Tech   อย่างเดียวเท่านั้น จึงจะได้ตามประสงค์

Nissan Navara  2.5 Calibre  รุ่น   E  ตัวเริ่มต้นวางจำหน่ายด้วยราคา  837,500 บาท แต่ถ้าสูงขึ้นมาในรุ่น  EL ราคารุ่นเกียร์ธรรมดา เริ่มต้นที่  854,500 บาท และ เกียร์อัตโนมัติจบที่ 897,000 บาท

 

Mazda  

น่าจะเป็นกระบะที่หลายคนลืมไปแล้ว สำหรับฝาแฝดของรถยนต์   Ford Ranger  กับเจ้า   Mazda BT 50 Pro   ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาเอาใจสาวกตั้งเมื่อแต่ปีที่ผ่านมา

การเปลี่ยนแปลงของ   Mazda BT 50 Pro   ใหม่ ตัวปรับโฉมนั้นไม่มากมายนักอย่างที่หลายคนคิด แต่ก็เสริมออพชั่นมาให้น่าใช้กว่าเดิม  ตัวรุ่นขับ 2 ยกสูงของ   Mazda  ใช้ชื่อรุ่นว่า  “Hi Racer” 

ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า  (Ford  160  แรงม้า)  ให้กำลังสูงสุด 375 นิวตันเมตร  มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ  6 สปีด

ตัวรถรุ่นนี้มาพร้อมการตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการการตบแต่งคล้ายรุ่นท๊อป ไม่ว่าจะกระจังหน้า สีเทากัน ,กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ และ  กันชนหลังพร้อมบันไดข้างโครเมี่ยม ทุกรุ่นขับ 2 ยกสูงให้ล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว กว้าง 8 นิ้ว พร้อมยาง  265/65/R17

สิ่งที่แตกต่างระหว่างรุ่นเริ่มต้นกับรุ่นสูงกว่าของ   Mazda BT 50 Pro  ตัวขับ 2 ยกสูง อยู่ที่การให้รายละเอียดทางเทคโนโลยี เช่นระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ,ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ รวมถึง กระจกตัดแสง และเครื่องเล่น ดีวีดี (รุ่นเริ่มต้น ให้  เครื่องเสียง   CD- MP3  และไร้กล้องมองหลัง)  นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศทุกรุ่นยกเว้นตัวสูงสุด เป็นระบบปรับอากาศธรรมดา  พร้อมเบาะผ้า (ต้องรุ่น  Hi-Racer  (Leather) เท่านั้น จะเป็นเบาะหนัง พร้อมแอร์อัตโนมัติ)

 อย่างไรก็ดีระบบความปลอดภัยในตัวเริ่มต้นนั้นจะไม่มีระบบเบรกป้องกันล้อล๊อคมาให้ จนกว่าจะเลือกรุ่นสูงกว่าขึ้นไป แต่ทุกรุ่นให้ ระบบถุงลมนิรภัยทางด้านหน้าเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับระบบเฟืองท้าย  Limited Slip   ก็ให้มาเป็นของคู่กัน 

Mazda BT 50 Pro   รุ่น   Hi Racer  เปิดราคาเริ่มต้นที่ 773,000 บาท (รุ่นนี้ไม่มี  ABS – เกียร์ธรรมดา )   แต่ถ้าเลือกรุ่นที่มีระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ต้องเลือกรุ่นที่สูงกว่า   Hi Racer ABS  เคาะราคาขายที่  849,000 บาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 866,000 บาท ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ  ส่วนรุ่นครบจบทุกออพชั่น   Leather   จะมีราคาสูงถึง 926,000 บาท

อ่านหน้าต่อไป >>>
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่