ทุกวันนี้ด้วยความเข้มงวดทางด้านไอเสียทำให้ รถยนต์สมัยใหม่จำนวนมากต่างเดินหน้าลดขนาดเครื่องยนต์ แล้วเพิ่มพลังด้วยการเปลี่ยนพวกมันมาเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่มีความประหยัดในการใช้งานมากขึ้น ลดการปล่อยไอเสีย แถม ลูกค้ายังรู้สึกถึงพลังขับ จนเรียกว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

แนวทางงานวิศวกรรมยุคใหม่ ทำให้หลายคนสนใจรถสมัยใหม่มากขึ้น แต่เมื่อหลายคนรู้ว่า มันใช้เครืองยนต์เทอรืดบ ก้ถอยกรูดด้วยความกลัว จากภาพในอดีตว่า เครื่องยนต์เทอร์โบแรง แต่ไม่ทนทาน แล้วยุคนี้มันยังเป็นแบบนั้นหรือไม่ ในความจริง

พื้นฐานเครื่องยนต์เทอร์โบ

เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ไม่ใช่ นวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มันมีมานานมากตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของวงการยานยนต์ โดยทางวิศวกร ต้องการเพิ่มแรงดันอากาศที่เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ ทำให้มีอาากศปริมาณมากขึ้น ทำให้เวลาสันดาปเป็นพลังจะมีแรงอัดมากขึ้น ทำให้เครื่องเทอร์โบ มีพลังขับมากกว่าเครื่องดูดสดทั่วไป

2017-honda-civic-announced-with-1-liter-and-15-liter-vtec-turbo-engines_1

การเพิ่มอากาศ ใช้ สิ่งที่เรียกว่า ระบบเทอร์โบชาร์จ อุปกรณ์ตัวนี้ติดตั้ง ที่ท่อร่วมไอเสีย แม้ว่ายุคสมัยจะเลี่ยนไป มันก็ยังเหมือนเดิมคือเอาไอเสียมาสร้างกำลังขับใบพัด ซึ่งต่อกับอีกด้าานในการรีดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เพื่อทำให้เกิดพลังขับนั่นเอง

หรือ อาจจะกล่าวง่ายๆว่า เครื่องเทอร์โบ เป็นเครื่องที่มีอุปกรณ์ส่วนควบ นั่นคืดจุดแรกที่ทำให้หลายคนกังวลใจอย่างมาก

จุดที่หลายคน กังวล

ประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายคนมองว่า เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ มีปัญหาในการใช้งาน โดยส่วนใหญ่ก็มาจากฟังมาเขาเล่าว่า ประกอบกับเห็นรถซิ่ง ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ มักนอนอู่มากกว่านอนบ้าน จนหลายคนชินตาว่า เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ แรงจริง แต่ไม่ทนทานในการใช้งาน

ประเด็นหลักที่เครื่องยนต์แบบนี้มักมีปัญหา ส่วนหนึ่งมากจาก การเล่นกับ แรงดันและความร้อน เพื่อทำให้เกิดพลังขับมากขึ้น

ในเรื่องของแรงดัน เป็นที่ทราบกันดีว่าเทอร์โบ จะใช้การอัดอากาศ จากชุดกังหันเทอร์โบ ทำให้อากาศไปสุมหัวในห้องเผาไหม้มากขึ้น

ไม่เพียงแต่แรงดันอากาศเท่านั้น เมื่ออากาศมากขึ้น แรงดันน้ำมันที่ใช้ในการจ่ายเข้าห้องเผาไหม้ก็ยิ่งสูงตามไปด้วย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ข้อต่อมา ,​ คือเรื่องความร้อนในระหว่างการใช้งาน , ความร้อนในเครื่องเทอร์โบชาร์จจะสูงกว่าเครื่องยนต์ปกติ เนื่องจากการเอาไอเสียผ่านหมุนกังหันอัดอากาศ ทำให้มีความร้อนสะสมเฉพาะจุดมากขึ้น รวมถึง ตัวเทอร์โบชาร์จเอง ก็ต้องทำงานในรอบที่ค่อนข้างสูง เทอร์โบชาร์จบางลูกหมุนหลายแสนรอบต่อนาที ในช่วงการทำแรงดันสูงสุด ทำให้มีความร้อนสะสมเยอะมาก

ไหนจะอากาศในห้องเผาไหม้ ที่ถูกดันเข้าไปแน่นเปรี้ย จนมีการบีบอัพในระดับหนึ่ง ทั้งหมดนั้น ทำให้เรื่องความร้อน เป็นเรื่องน่ากังวลใจ ยิ่งในบ้านเรา มีสภาพอากาศที่ร้อนจัดเสียส่วนใหญ่ คนจำนวนมากจึงออกแนวหวั่นใจในการใช้งาน

นอกจากที่กล่าวมาทั้ง 2 ข้อแล้ว , ความซับซ้อนของระบบเทอร์โบชาร์จ ที่มีชิ้นส่วนมากกว่า หรือ แม้แต่ตัวเทอร์โบเองที่ต้องทำงานต่อเนื่องในรอบสูงไม่ต่างจากเครื่องยนต์ อาจมีการสึกหรอได้ในระยะยาว

แน่นอนว่า เมื่อชิ้นส่วนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการเปลี่ยนชิ้นส่วนเกี่ยวเนื่องอย่างเทอร์โบชาร์จ มักมีราคาอะไหล่แพงไม่พอ ค่าแรงยังแพงตามไปด้วย เนื่องจากความซับซ้อนในการทำงานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้อาจต้องจ่าย ในกรณีที่ต้องซ่อมรถเทอร์โบชาร์จ อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เครื่องเทอร์โบพังง่ายจริงไหม ??

ด้วยเหตุผลต่างๆที่พูดมา และเป็นข้อกังวลในการใช้งาน ทำให้ คนจำนวนมาก มักมองว่า เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ในรถสมัยใหม่ น่าจะ…​พังง่าย หรือไม่ทนทานในระยะยาว กลายเป็นความคิดที่คนส่วนใหญ่ฝังหัว และคิดว่าเลี่ยงได้เลี่ยงจะดีกว่า

อาจจะเป็นเรื่องจริง ที่ชิ้นส่วนที่ซับซ้อน ความร้อนที่มากวก่า ทำให้เครื่องยนต์เห่านี้ดูแล้ว และจะไม่ทนทาน ยิ่งคนไทย ซื้อรถสักคันใช้งานกันยาวๆ 7-10 ปี กว่าจะเปลี่ยน ระบบเทอร์โบชาร์จ ก็ดูจะไม่ต่างจากระเบิดเวลาดีๆ ที่รอวันดูดเงินออกจากกระเป๋าคุณ

ปัจจุบัน รถยนต์บางยี่ห้อเอาเครื่องยนต์เทอร์โบ มาผูกกับระบบไฮบริดแล้ว

แต่การวิศวกรรมเครื่องยนต์ยุคใหม่ ก้มีการพัฒนาเรื่องการหมุนเวียนความร้อน , วัสดุที่นำมาใช้ทำเครื่องยนต์ก็ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ ความน่ากังวลเรื่องความทนทานลดลง รวมถึงรถใหม่ในปัจจุบัน ก็มีการรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี 100,000 ก.ม.​หรือมากกว่านั้น

ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่า เครื่องยนต์เทอร์โบสมัยใหม่มีความทนทานค่อนข้างมากกว่า ในยุคเก่ากาลก่อนพอสมควร จนบางคนั ซื้อรถจะขายรถทิ้งแล้ว เทอร์โบยังไม่พัง ก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง

แต่หัวใจสำคัญของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ว่าจะพังง่ายหรือไม่ ประกอบด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ ครับ คือ 1.พฟติกรรมการขับขี่ และ 2. การดูแลรักษา

อย่างแรก, พฤติกรรมการขับขี่เรียกว่าเป็น Issue สำคัญ ที่สุดในการใช้รถเครื่องเทอร์โบชาร์จ ก็ว่าได้ การขับรถเทอร์โบชาร์จ หากจะขับให้ถูกต้องจริงๆ จะใช้วิธีการคนละแบบกับเครื่องทั่วไป ผู้ขับควรใช้เกียร์ในการช่วยเร่งรอบเครื่องยนต์ ลดภาระการทำงานของเทอร์โบ แทนการเพิ่มคันเร่งเพียงอย่างเดียว เหมือนในรถปกติทั่วไป

รวมถึงการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ไม่ควรแช่คันเร่งเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสม และเกิดการสึกหรอได้ง่าย

ไม่เพียงเท่านี้ เครื่องยนต์เทอร์โบ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานในบางรูปแบบ อาทิ การขับขี่ในเมืองที่มีการดับ-ติดเครื่องยนต์บ่อยครั้ง หรือจะเป็นการขับในระยะสั้นๆ ใช้ความเร็วต่ำ ต่อเนื่องอาจไม่เหมาะต่อการใช้งานเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเท่าไรนัก

ทางด้านการดูแลรักษา, เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหมั่นตรวจเช็คน้ำมันเครื่องยนต์ ไม่สมควรเลยระยะถ่ายน้ำมันที่กำหนด เนื่องจากน้ำมันเครื่องนอกจากใช้ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์แล้วยัง ใช้ในการนำความร้อนออกจากเครืองยนต์ด้วย

หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพทำให้การนำความร้อน และการหล่อลื่นทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสึกหรอได้ง่าย

ดังนั้นถ้าจะถามว่า เครื่องยนต์เทอร์โบมันไม่ทน จริงหรือไม่ เราคงต้องตอบว่า ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดนั้นได้แล้ว จุดที่น่ากังวลใจมีเพียง ชิ้นส่วนที่ซับซ้อนของมันมากกว่าเครื่องยนต์สันดาปปกติทั่วไป ก็เท่านั้น

แต่ก็ต้องยอมรับว่า เครื่องเทอร์โบ จำเป็นต้องใส่ใจพวกมันมากกว่าปกติสักหน่อย โดยเฉพาะถ้าคุณดูแลรถด้วยตัวเอง แต่ถ้าเข้าศูนย์บริการปกติเป็นประจำต่อเนื่อง การใช้เครื่องเทอร์โบชาร์จรถคันเก่งของคุณ ก็เรียกว่า สบายใจหายห่วงแน่นอนครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่