หลังการเผยโฉมอย่างเป็นทางการในอินโดนีเซียเมื่อหลายเดือนก่อน ล่าสุด All-New Toyota Yaris Cross ก็ได้ถูกเปิดตัวในบ้านเราด้วยสักที พร้อม ราคา วางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 789,000บาท

Toyota Yaris Cross อาจไม่ใช่ชื่อใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อราวๆ 2-3 ปีก่อน ทาง Toyota ประเทศไทย ก็เคยนำ Yaris (Hatchback) มายกสูง ใส่ครอบซุ้มล้อ และวางขายในชื่อนี้มาแล้ว

จนกระทั่งต่อมาในเวลาไม่นาน ทาง Toyota Japan ก็ได้มีการทำตลาดรถยนต์ชื่อนี้ โดยใช้พื้นฐานของ Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่การเอารถมายกสูง ทว่าเป็นการสร้างขึ้นใหม่จากแพลตฟอร์มเดียวกัน ให้มันกลายเป็นรถครอสโอเวอร์อย่างเต็มตัวแทน และมีการขายในหลายๆประเทศโซนทวีปยุโรปด้วย

ส่วนตัวรถ All-New Yaris Cross ที่เปิดตัวและวางขายในบ้านเราวันนี้ จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างแพลตฟอร์ม DNGA ร่วมกับทั้ง Toyota Veloz และ Toyota Yaris Ativ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Daihatsu อีกทีแทน

ด้านหน้าตาตัวรถ ก็มาพร้อมกับเส้นสายตามนิยาม Solid x Dynamic ที่ให้ความรู้สึกที่ดุดันไม่แพ้พี่ๆรถอเนกประสงค์คันอื่นๆ ทั้ง กระจังหน้าขนาดใหญ่ และเส้นสายกันชนหน้าที่ดูบึ้งตึง ด้วยกลิ่นอายจาก Highlander ผสม Corolla Cross

เสริมด้วยงานออกแบบแก้มข้าง ที่ดูบึกบึน และซุ้มล้องานพลาสติคดำด้านแบบกรอบเหลี่ยมนิดๆ ที่เป็นการหยิบยืมเอางานดีไซน์ของ Toyota RAV4 และที่ชายล่างประตูเอง ก็มีการแปะชิ้นส่วนตกแต่งงานพลาสติกด้านเพื่อกันกระแทกด้วยเช่นกัน

ขณะที่ด้านท้ายรถเอง ก็ไม่ลืมที่จะใช้วัสดุกันชนด้านล่างแบบพลาสติกด้าน แต่เมื่อกระเถิบขึ้นมา ก็จะเจอกับชุดไฟท้าย LED ที่มีรูปทรงคล้ายกับรถยนต์หลากหลายรุ่นจาก Lexus ซึ่งดูสะดุดตาและโฉบเฉี่ยวพอสมควร ปิดท้ายด้วยแนวเสา D ที่ลาดเอียงเล็กน้อย ทำให้รถดูปราดเปรียวขึ้นอีกนิดหน่อย

ด้านงานออกแบบภายใน มาพร้อมนิยามการออกแบบว่า Sporty x Premium ด้วยแผงคอนโซลหน้า ที่ดูโฉบเฉี่ยว และเป็นการผสมผสานระหว่าง Toyota Yaris Ativ และ Toyota Veloz เข้าไว้ด้วยกัน แม้กระทั่งพวงมาลัย และหน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital พร้อมหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้วเอง ก็ยังใช้ร่วมกันกับรถยนต์ที่สองคันในข้างต้น โดยที่ตัวคอนโซลกลาง และแผงปุ่มควบคุมระบบแอร์จะหันเข้าหาตัวผู้ขับเล็กน้อย ให้ความรู้สึกแบบ Cockpit จากรถแข่ง

นอกจากนี้ ตัวรถยังให้หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งใหญ่ที่สุดในคลาสเช่นกัน แถมยังรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ผ่านทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายเหมือนกันทั้งคู่ กับชุดลำโพง 6 ตำแหน่งจาก Pioneer (เฉพาะรุ่นท็อป)

และยังมี พอร์ทชาร์จโทรศัพท์ 4 ตำแหน่ง (Type-A 1 ตำแหน่ง และ Type-C 1 ตำแหน่งทางด้านหน้า กับ Type-C 2 ตำแหน่ง ทางด้านหลัง), ระบบแอร์ดิจิตอล พร้อมระบบแอร์อัตโนมัติ และระบบกรองอากาศ PM 2.5 กับระบบแอร์หลัง, ระบบไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร 14 เฉดสี

ฝั่ง ADAS “Toyota Safety Sense” เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้ที่ให้มาครบทุกฟังก์ชัน ทั้ง BSM, RCTA, PCS, LDA, LKC, AHB, FDA, PMC ไม่เว้นแม้กระทั่งระบบ Adaptive Cruise Control ที่สามารถทำงานได้จนถึงความเร็วหยุดนิ่ง

และหากเป็นรุ่นท็อป ก็จะได้ออพชันเพิ่มเติมอีกหลายรายการ ทั้ง หลังคาพาโนรามิค พร้อมบานสไลด์ไฟฟ้า, ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบ Kick Sensor, กล้อง 360 องศา, ระบบกล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง (ในรุ่นกลาง มีเฉพาะกล้องบันทึกภาพด้านหน้า ส่วนรุ่นล่างไม่มีเลย), ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง, และ กระจกบานหน้าแบบลดเสียงพร้อมแผ่นดูดซับพลังงานความร้อน

ส่วนเบาะนั่งภายในห้องโดยสาร จะเป็นเบาะหุ้มหนังทั้งหมด ครบ 5 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย แต่ที่พิเศษกว่าสำหรับรุ่นกลาง และรุ่นท็อป ก็คือชุดเบาะคู่หน้า จะได้รับการหุ้มด้วยวัสดุหนัง Quale Modure ซึ่งเป็นหนังสังเคราะห์ที่ช่วยลดการสะสมความร้อน รวมถึงฟังก์ชั่นระบบปรับตำแหน่งไฟฟ้า 8 ทิศทาง ในด้านเบาะคนขับ ก็จะสงวนไว้สำหรับตัวรถ 2 รุ่นบนอีกด้วย

และในส่วนของเบาะคู่หลัง นอกจากจะมีที่วางแขนตรงกลาง พร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง ยังสามารถปรับความชันพนักหลังได้ 2 ระดับ รวมถึงสามารถพับราบได้แบบ 60:40 โดยการพับราบที่ว่านี้ จะขึ้นอยู่กับการวางระนาบชั้นกั้นของที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังด้วย ว่าจะวางไว้ด้านบน หรือด้านล่าง

โดยหากวางด้านบน จะสูงเท่ากับแนวหลังเบาะตอนพับราบพอดี หากวางด้านล่าง ก็จะมีความเป็นหลุมหน่อยๆ แต่ได้ความลึกในการเก็บสัมภาระมากขึ้น และใต้ชั้นกั้นของ ก็จะมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมเป็นที่สำหรับติดตั้งยางอะไหล่มาให้อีก

และเนื่องจากตัวรถ ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DNGA ของ DAIHATSU บริษัทลูกของ Toyota ที่ถนัดในการทำรถยนต์ขนาดเล็ก และเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่พวกเขาใช้สร้าง Toyota Yaris Ativ จึงทำให้ขนาดตัวรถ มีความยาวมี 4,310 มิลลิเมตร, กว้าง 1,770 มิลลิเมตร, สูง 1,615 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร โดยตัวเลขหลังสุด ทำให้มันกลายเป็นรถที่มีระยะฐานล้อยาวที่สุดในคลาส

ด้านความกว้างฐานล้อคู่หน้า ก็มีตัวเลข 1,525 มิลลิเมตร คู่หลังอีก 1,520 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 210 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร และความจุถังน้ำมันขนาด 36 ลิตร

ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันมีขนดาตัวที่เล็กกว่า Corolla Cross ลงมาอีกหนึ่งระดับ และทาง Toyota ประเทศไทย ก็ระบุว่ามันคือคู่แข่งสายตรงของ Honda WR-V (ด้วยการตั้งราคาที่ชนกันพอดิบพอดี)

ด้านขุมกำลังของ Toyota Yaris Cross เวอร์ชันประเทศไทย จะมีเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือ ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ Dual VVT-i ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 1,496cc ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า PS ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,000 – 4,800 รอบ/นาที

พร้อมกันนี้ยังทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 580 โวลท์ ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้า PS และแรงบิดสูงุสุด 141 นิวตันเมตร ซึ่งรับไฟมาจากแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ขนาด 4.3 Ah 177.6 โวลท์ ใต้ท้องรถ

ส่งผลให้มันสามารถทำงานร่วมกันในแบบ Full-Hybrid และให้กำลังสูงสุดร่วมกันที่ 111 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร

ระบบส่งกำลังเป็นแบบชุดเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนด้วยชุดล้อคู่หน้า ส่วนระบบกันสะเทือนเอง ก็เป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า และกึ่งอิสระทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหลัง กับระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

ส่วนชุดล้อที่ให้มา ก็มีทั้งขนาด 17 นิ้ว แบบสีเทาล้วน กับ 17 นิ้ว สีดำปัดเงา ซึ่งจะรัดด้วยยางขนาด 215/60 R17 ที่จะอยู่ในรุ่นล่างและรุ่นกลาง ตามด้วยล้อขนาด 18 นิ้ว สีดำปัดเงา รัดด้วยยางขนาด 215/55 R18 ที่จะเป็นล้อสำหรับรุ่นท็อป และเป็นชุดล้อติดรถที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม SUV A-Segment แล้ว ณ เวลานี้

โดย All-New Toyota Yaris Cross จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • HEV Smart ราคาเริ่มต้น 789,000 บาท พร้อมเฉดสีตัวถัง สีน้ำเงิน Dark Turquoise, สีแดง Spicy Scarlet, สีขาว Platinum, สีเทา Metal Stream Metallic, สีดำ Attitude Black Mica, และ สีเทาเข้ม Urban Metal ส่วนงานตกแต่งภายในจะเป็นงานสีดำล้วน เดินตะเข็บได้น้ำเงิน และชิ้นส่วนพลาสติกลายเคฟล่าร์
  • HEV Premium ราคาเริ่มต้น 849,000 บาท พร้อมเฉดสีตัวถัง สีน้ำเงิน Dark Turquoise, สีแดง Spicy Scarlet, สีขาว Platinum, สีขาว Platinum + หลังคาดำ, สีเทา Metal Stream Metallic, สีเทา Metal Stream Metallic + หลังคาดำ, สีดำ Attitude Black Mica, และ สีเทาเข้ม Urban Metal ส่วนงานตกแต่งภายในจะเป็นงานสีดำล้วน เดินตะเข็บได้น้ำเงิน และชิ้นส่วนพลาสติกสีเปียโนแบล็ค
  • HEV Premium Luxury ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท พร้อมเฉดสีตัวถัง สีน้ำเงิน Dark Turquoise, สีน้ำเงิน Dark Turquoise + หลังคาดำ, สีแดง Spicy Scarlet, สีขาว Platinum, สีขาว Platinum + หลังคาดำ, สีดำ Attitude Black Mica พร้อมงานตกแต่งภายในสีทูโทน เทา-ดำ เดินตะเข็บได้ฟ้า และชิ้นส่วนพลาสติกสีเปียโนแบล็ค

    และตัวเลือก ตัวถังสีเทา Metal Stream Metallic, สีเทา Metal Stream Metallic + หลังคาดำ, สีแดง Spicy Scarlet, สีแดง Spicy Scarlet + หลังคาดำ และ สีเทาเข้ม Urban Metal ส่วนงานตกแต่งภายในจะเป็นงานสีดำล้วน เดินตะเข็บได้น้ำเงิน และชิ้นส่วนพลาสติกสีเปียโนแบล็ค
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่