ทุกวันนี้คนจำนวนไม่น้อยอยากได้รถยนต์อเนกประสงค์ตอบโจทย์การใช้ชีวิต รถกลุ่มนี้ที่อยู่ในไทยมายาวนานก็ไม่พ้นบรรดาอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะหรือที่เรียกกันว่า  Pick Up Passenger (PPV)   

หลังจากที่เราเคยบอกเหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อรถแบบนี้ไปแล้วในคราวก่อน งวดนี้เราจะเพิ่มเหตุผล อีกมากมายว่า เพราะอะไรรถกลุ่มนี้อาจไม่เหมาะกับความต้องการของคุณ

1.กินน้ำมัน ทำใจได้เลยถ้าคุณจะซื้อรถ  PPV  มาใช้ แต่ทุกวันนี้ยังกังวลเรื่องค่าน้ำมันในแต่ละเดือน คุณยังไม่เหมาะจะซื้อประเภทนี้ แม้ว่า  PPV   จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล แต่ด้วยน้ำหนักตัวกว่า 2 ตัน ยังไม่รวมคนขับและผู้โดยสาร ทำให้ เวลาขับจริง กินน้ำมันมาก

ยิ่งใครกะว่าซื้อ PPV   แล้วขับในเมืองมากกว่าออกต่างจังหวัด เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน เพรา ถ้าคุณซื้อ PPV   อัตราบริโภคน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น ส่วนขับนอกเมือง จะอยู่ที่ 12-13 ก.ม./ลิตร เท่านั้น

2.ค่าผ่อนต่อเดือนแพง รถอเนกประสงค์กลุ่มนี้มีราคาตั้งแต่ล้านต้นๆ ไปจนถึง ล้านกลาง ราคาถูกแพงก็ขึ้นอยู่กับของเล่นออพชั่นในรถ ราคารถที่สูงระดับนี้ คุณจะต้องผจญกับเงินดาวน์มหาศาล และค่าผ่อนแสนแพง

ผมขอยกตัวอย่างว่า คุณจะซื้อ  PPV   คันหนึ่ง ราคา 1.6 ล้านบาท ถ้าดาวน์ 25%   ก็จะตก 4 แสนบาทพอดี เหลือเงินต้องจัดไฟแนนซ์ 1.2 ล้านบาท สมมุติให้อัตราดอกเบี้ยกลมๆ ที่ 4%   ต่อปี เท่ากับตลอดการผ่อนจะต้องชำระ 1,398,000 บาท ถ้าผ่อนชำระ 5 ปี หรือ 60 เดือน เท่ากับ คุณจะต้องผ่อนรถ  PPV   คันนี้เดือนละ ประมาณ 23,000 บาท เลยทีเดียว

ถามคือ พร้อมจะรับภาระขนาดนี้แล้วหรือ …. ไม่งั้นก็อาจจะต้องยอมเทดาวน์เยอะหน่อย ซึ่งก็เท่ากับคุณสูญเสียเงินก้อนไปอีก

3.มันไม่ใช่รถที่เหมาะกับคนแก่ คนที่คิดจะซื้ออเนกประสงค์  PPV   จำนวนไม่น้อย ชอบบอกว่าอยากเอาพ่อแม่วัยชราไปเที่ยว แต่ข้อเท็จจริงที่ผมพบส่วนใหญ่ คือ หนึ่งพ่อแม่มักจะไม่ยอมไปกับคุณ และถึยอมไปเที่ยวด้วยก็จะพบปัญหาความลำบากในเรื่องการขึ้นลงรถ  PPV   ซึ่งมีความสูงพอสมควรจากพื้น

Review Ford Everest

มองความเป็นจริงในช้อนี้คุณจะพบว่าผู้ใหญ่ท่านมักจะเดินเหินไม่ค่อยสะดวก ยิ่งก้าวยาวขึ้นรถคันโตที่คุณชอบ อาจเป็นความลำบาก จนอาจจะไปกับคุณแค่ 2-3 ครั้งแล้วไม่ไปอีกเลย ก็ได้ ที่สำคัญผู้ใหญ่ไม่ชอบเที่ยวลุยป่านะ

4.รถครอบครัวตัวจริง สำหรับคนมีลูกโตแล้ว หลายคนเล็งจะซื้อ  PPV   ทันทีตั้งแต่เริ่มมีครอบครัว โดยฝันว่าเมื่อมีลูกแล้วจะพาลูกไปเที่ยวออกป่าขึ้นเขาลงห้วย ซึ่งกว่าลูกคุณจะผ่านวันแยะเยาะก็ต้อง 2-3 ปี กว่าเขาจะพร้อมโตจนพอจะเดินเที่ยวกับคุณได้จริงๆ ก็ 6-7 ขวบไปแล้ว ซึ่งเท่ากับอายุรถ 1 รุ่น ผ่านไป

คำถามคือเราจะซื้อรถ  PPV   ในวันนี้ ทั้งที่คนที่เราอยากพาไปด้วยไม่พร้อมหรือ  ทำไมเราไม่เก็บเงินไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วรอรถรุ่นถัดไป ที่ย่อมดีกว่ารุ่นปัจุบันอย่างแน่อน เนื่องจากจะมีการพัฒนาทางวิศวกรรมต่อเนื่อง บางทีคุณอาจพบรถที่น่าสนใจกว่าก็ได้ในอนาคต

5. 7 ที่นั่ง ที่ต้องเลือก คนจำนวนไม่น้อยมองจะซื้อ  PPV   เพราะมันเป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง จะไปทั้งทีก็ต้องไปได้ครบทั้งครอบครัว

ความจริงแล้วมันก็สามารถนั่งได้ 7 คนจริงๆ แหละ แต่ที่นั่งเบาะแถว 3 จะแคบหน่อย แคบจนไม่เหมาะสำหรับให้ผู้ใหญ่โดยสาร ลักษระที่นั่งแบบนี้เรียกว่า 5+2 กล่าวคือโดยสารจริงๆ ได้ 5 แต่ถ้าจำเป็นก็นั่งได้ อีก 2 คน มันไม่ใช่ 7 ที่นั่งแท้ๆ แล้วต่อให้คุณยัดเด็กน้อย หรือเพื่อนไปได้ การนั่งตอนหลังเบาะแถว 3 ก็ใช่ว่าจะสบายนักหนา อย่างที่หลายคนคิด

แถมถ้านั่งเต็ม 7 ที่นั่ง คุณต้องไม่ลืมว่ายังมีสัมภาระอีก ซึ่งจะไม่มีที่พอให้ข้าวของเดินทาง คุณอาจจำเป็นต้องติดแร็คหรือกล่องบนหลังคา มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ถ้าคิดว่าจะนั่ง 7 คนบ่อยครั้ง

แต่ที่ต้องถามตัวเองต่อ คือ จะมีกี่ครั้งที่คุณจะได้นั่ง 7 คน ในแต่ละปี  …  ลองคิดเล่น หาก1 ปี นั่ง 7 คน ประมาณ 4 ครั้ง เท่ากับ ตลอดการผ่อน 5 ปี คุณใช้พื้นที่นั่งเต็มพิกัดเพียง 20 ครั้งเท่านั้นเองนะ แถมเบาะแถว 3 นั่งไม่สบายด้วย

6.ค่าซ่อมบำรุงพร้อมไหม น่าแปลกคนไทยเวลาซื้อรถมักจะลืมคิดถึงเรื่องที่ตามมา สำหรับรถ  PPV   ค่าซ่อมบำรุงในระยะยาวถือว่ามีราคาค่างวดค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะอะไหล่สิ้นเปลืองทั้งหลาย เช่นยาง , แบตเตอร์รี่ ไปจนถึง การดูรักษาชิ้นส่วนและส่วนประกอบเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน ที่มีราคาแพงพอสมควร

ชิ้นส่วนบางอย่างอาจะต้องเปลี่ยนทุก 2-3 ปี เช่นยางลูกหมอก , ลูกหมากช่วงล่าง ดังนั้นถ้าถามว่ารถแบบนี้ลุยได้มากกว่าใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่  แต่คุณมั่นใจไหมว่า จะมีงบประมาณมากพอจะรักษาสภาพรถให้อยู่ในสภาพดีตลอดการใช้งาน ยิ่งถ้าคิดว่าจะใช้พาครอบครัวเดินทาง รถคันนั้นสมควรจะพร้อมที่สุดจริงไหมครับ

7.ค่าภาษี-ประกันภัยแต่ละปีแพง เรื่องสุดท้ายที่ไม่เคยมีใครบอกคุณ ก็คือ  ภาษีแต่ละปีของรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มนี้ค่อนข้างมีราคาแพงมาก โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปีต้องเสียภาษีปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท จากการวัดตามขนาด ซีซีเครื่องยนต์

โดยการจัดเก็บภาษีรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง คิดอัตรา  600 ซีซีแรก จัดเก็บในอัตรา 50 สตางค์ (300บาท)  ,601-1800 ซีซี จัดเก็บ ซีซีละ 1.50 บาท (1800บาท) เกินจาก 1800 ซีซี เก็บอัตรา ซีซีละ 4 บาท (แปรผันตามอัตราที่เกิน)

ผมขอยกตัวอย่าง   Nissan Terra   ใหม่ เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร มีปริมาตรจริง 2,298 ซีซี มีส่วนเกินจาก 1,800 ซีซี อยู่ 498 ซีซี ทำให้ในแต่ละปี ต้องเสียภาษีโดยคิดตามการคำนวณดังนี้ 300+1800+1992 = 4,092 บาท  ต่อปี  

ส่วนค่าประกันภัยจะมีราคาแพงมากเนื่องจากรถมีมูลค่าสูง จากที่ลองเช็คเบี้ยประกันภัยจากเว็บ   Roojai.com  เกือบทุกรุ่นของรถยนต์อเนกประสงค์  PPV   จะมีค่าประกันเฉลี่ยปีละประมาณ 17,000-18,000 บาท อาจแตกต่างตามแต่ละรุ่นบ้างเล็กน้อย

ดังนั้น ถ้ามาสรุปแล้ว ค่าประกัน ปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท และ ค่าประกันปีละอย่างต่ำ 17,000 บาท ในแต่ละปี คุณต้องเสียค่าประจำปีรถคันนี้อย่างน้อยปีละ 20,000 บาท ซึ่งนั่นหมายความว่าในเดือนรถที่รถคุณครบขวบจะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องรถ ประมาณ 40,000 บาทในเดือนนั้น ๆ

การซื้อรถ อาจจะเป็นความต้องการส่วนบุคคล แต่เราอยากจะมาลองชี้แจงว่ารถอเนกประสงค์แบบ  PPV   นั้นอาจไม่เหมาะกับทุกคัน โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นครอบครัวใหม่  บางทีเรายังไม่จำเป็นต้องซื้อรถขนาดนี้ก็ได้ อาจจะมองเป็นตัวเลือกอื่นน่าจะดีกว่า   

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่