ยุคปัจจุบันไม่ว่าจะหันไปมองตรงไหนบนท้องถนน เราจะพบเห็นบรรดาเอสยูวีทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ แล่นกันไปมาขวักไขว่ นั่นทำให้บรรดาผู้ผลิตต่างส่งรถคันใหม่ที่มีจุดเด่นโดดเด่นไม่ซ้ำใครออกมาอยู่เสมอ โดยประเด็นสำคัญอันดับแรกที่นักเลงรถส่วนใหญ่มักถามก็คือ “0-100 กม./ชม. ได้ในกี่วินาที?” แม้ฟังดูอาจเป็นคำถามที่่น่าเบื่อไปบ้าง แต่เชื่อเถอะไอ้เรื่องความเร็วเนี่ยมันอยู่คู่กับคนเล่นรถทุกยุคสมัย และคุณอยากรู้หรือเปล่าว่าเอสยูวีคันใดกันจะเร่งได้ไว้ที่สุดในโลก

 

ใครรู้ตัวว่าชอบขับรถเร็วโปรดอ่านบทความนี้ แม้ว่าคุณอาจมีหรือไม่มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของรถเอสยูวีทรงพลังเหล่านี้ แต่เชื่อเถอะถ้าคุณรู้ว่ารถครอบครัวพวกนี้คันใดเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้เร็วที่สุดแล้วคุณคงอยากให้ประเทศไทยสนับสนุนโครงการผลิตรถไฟฟ้าแน่นอน เพราะผู้คว้าตำแหน่งแชมป์ครั้งนี้บอกได้เลยว่ามันมีข้อดีตั้งแต่รูปลักษณ์ ประโยชน์ใช้สอย ความประหยัด รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่ แต่ก่อนหน้าจะพบกับที่หนึ่งแห่งเอสยูวี เราจะไล่เผยจากลำดับที่ 5 เข้าหาที่ 1

 

 

อันดับ 5 Brabus GLE Coupe 850 – 3.8 วินาที

 

ชื่อเสียงของ Brabus (บราบัส) เคยโด่งดังในบ้านเราเมื่อหลายสิบปีก่อน ทว่าปัจจุบันสำนักแต่งคู่บุญรถตราดาวแบรนด์ไม่ได้มีบทบาทอะไรต่อประเทศไทยมากนัก อย่างไรก็ตามที่ตลาดเมืองนอกพวกเขายังคงสร้างสรรค์รถยนต์ทรงสมรรถนะออกมาให้แฟนๆ ได้ลิ้มรสความแรงอยู่เสมอ โดยเอสยูวีอย่าง Brabus GLE Coupe 850 มีพื้นฐานมาจาก Mercedes-Benz GLE Coupe ที่มาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน V8 ขนาด 6.0 ลิตร แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจบรรดาพ่อบ้านเท้าหนัก Brabus จึงจับรถคันโตนี้มาโมดิฟายใหม่ทุกสัดส่วน แน่นอนว่าพลังกำลังรวมมีแรงม้าสูงถึง 850 ตามชื่อรุ่น ส่วนแรงบิดก็สูงมากระดับ 1,060 นิวตัน-เมตรเลยทีเดียว

 

 

อันดับ 4 Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio – 3.8 วินาที

 

สงสัยใช่ไหมว่าทำไม Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio จึงอยู่ลำดับที่ 4 ทั้งที่มันเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.8 วินาทีเท่ากับ Brabus GLE Coupe 850 คำตอบที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ก็คือ การที่มันมีเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 ขนาด 2.9 ลิตร กับม้าในฝูงจำนวน 505 ตัวอยู่ภายใต้ฝากระโปรง ซึ่งนับได้ว่ามีน้อยกว่าผู้ท้าชิงสัญชาติเยอรมันคันโต แต่กลับวิ่งฉิวเข้าเส้นได้ในเวลาที่เท่ากัน เอาล่ะจุดเด่นของเอสยูวีเมืองมักกะโรนียังมีเรื่องที่มันทำเวลาวิ่งต่อรอบในสนาม Nürburgring ได้ในลำดับต้นๆ ของกลุ่มเอสยูวี นอกจากนี้รูปโฉมก็ถือว่าสวยงามไม่เหมือนคู่แข่งคันใดบนตลาด ส่วนปัญหาที่มีอย่างเดียวของรถคันนี้คือในไทยคงไม่มีใครนำเข้ามาขาย เว้นเสียแต่จะสั่งมาเองให้เปลืองค่าภาษีนำเข้าเล่น

 

 

อันดับ 3 Lamborghini Urus – 3.6 วินาที

 

ค่ายกระทิงดุไม่พลาดที่จะคว้าเม็ดเงินจากตลาดเอสยูวีสมรรถนะสูงด้วยเช่นกัน เอาเข้าจริง Lamborghini Urus ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นซุปเปอร์เอสยูวีซะมากกว่า โดยเจ้านี่มันพกพาหัวใจบล็อกโตที่ยกมาจาก Huracan อันเป็นบล็อกเบนซิน V8 ขนาด 6.2 ลิตร 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 850 นิวตัน-เมตร ทำให้ถีบออกตัวเร่งตีคู่กับซุปเปอร์คาร์ทรงเตี้ยทุกแบรนด์ได้แบบหวานหมู แต่สิ่งที่ทำให้เจ้า Urus ล้ำกว่าก็คือการที่มันแล่นลุยบนทางทุรกันดารได้แบบมันส์สะใจ แน่ล่ะกลุ่มลูกค้าหลักของเอสยูวีกระทิงดุคันนี้มันอยู่ในโซนประเทศแถบทะเลทรายเสียส่วนมาก

 

2018 Jeep® Grand Cherokee Trackhawk

 

อันดับ 2 Jeep Grand Cherokee Trackhawk – 3.4 วินาที

 

ใครกันที่คิดว่ารถจีปจะต้องเป็นเอสยูวีสุดถึกทนเพียงอย่างเดียว ขอบอกเลยว่ามันไม่จริงอีกต่อไป เพราะเจ้า Jeep Grand Cherokee Trackhawk คือนิยามใหม่ที่พิสูจน์ว่าแบรนด์สุดอัมตะในสายเอสยูวีตัวลุยก็ทำรถแรงได้กับเค้าเหมือนกัน โดยรถคันนี้เป็นเวอร์ชั่นแรงสุดของโมเดล Grand Cherokee ซึ่งพกพาความแรงระดับ 707 แรงม้า ที่ถูกขุนมาจากเครื่องเบนซิน V8 ขนาด 6.2 ลิตร จนทำให้มันขับได้เร็วที่สุด 290 กม./ชม. นอกจากนี้มันก็ยังขับเร่ง 0-100 กม./ชม.ตีคู่กับ McLaren 540C ได้แม้จะมีร่างใหญ่โคเกือบเท่ารถมินิบัสก็ตาม

 

 

อันดับ 1 Tesla Model X – 2.9 วินาที

 

ไม่ต้องตกใจว่าทำไมเอสยูวีสายรักษ์โลกอย่าง Tesla Model X ถึงได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งแชมป์แห่งรถครอบครัวที่เร่งได้เร็วที่สุดในโลก ง่ายๆ เลยก็มาจากม้าในฝูงจำนวน 603 ตัวกับแรงบิด 966 นิวตันเมตรที่มาตั้งแต่ 0 รอบ/นาที ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “Instant Power” หรือแรงแบบทันทีไม่ต้องรอรอบ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ Model X เร่งแซงบรรดาเอสยูวีเครื่องโตทั้ง V8 V6 หรือจะใช้เทอร์โบคู่ก็มิอาจเอาชนะรถไฟฟ้าคันนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้เปรียบเรื่องความประหยัดจากการชาร์จไฟที่สุดแสนจะถูกด้วย

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่