การขับรถบนท้องถนนทุกวันนี้เต็มไปด้วยรถยนต์จำนวนมหาศาล ทุกสถานที่ ทุกช่วงเวลา และทุกสภาพอากาศ ด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงจะมาอธิบายว่าทำไมรถคันใหม่ในอนาคตของคุณถึงต้องมี 4 สิ่งต่อไปนี้

 

 

ก่อนที่เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 4 สิ่งที่รถยนต์คันใหม่ควรมี ลำดับแรกคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมสิ่งเหล่านี้จึงจำเป็น อย่างแรกทุกวันนี้บนท้องถนนที่เราต่างขับรถยนต์ใช้งานอยู่ทุกวัน ต่างมีอะไรต่อมิอะไรมากมาย ทั้ง คนขับรถนิสัยไม่ดี รถจักรยานยนต์ที่ชอบวิ่งเร็วแทรกระหว่างช่อง หรือแม้แต่การขับรถในทางต่างจังหวัดที่ไม่มีไฟทางส่องสว่าง สิ่งที่กล่าวมาทั้งล้วนก่อให้เกิดอันตรายจนเสี่ยงเป็นอุบัติเหตุร้ายราย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและลดทอนความรุนแรงขณะเกิดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อไม่เสียเวลาขอเชิญพบกับลำดับแรกกันดีกว่า

 

 

1. ระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับ 

ไม่ว่าคุณจะขับรถในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หรือเป็นคนที่ชอบขับรถพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด ระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับหรือ Blind Spot Monitoring นั้นช่วยแจ้งเตือนรถหรือจักรยานยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านข้างในมุมอับที่คุณมองไม่เห็นได้ ซึ่งระบบนี้สามารถช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันได้ดีมาก สำหรับรถที่มีระบบนี้จะเริ่มให้มาตั้งระดับราคา 700,000 บาทขึ้นไป (Mazda 2 XD Sports High Plus L)

 

 

2. ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว 

เคยไหมที่ขับรถขณะฝนตกแล้วเจอกับแอ่งน้ำบนถนน บางครั้งก็หลบพ้นแต่ถ้าหลบไม่ทันรถก็จะถูกน้ำดูดดึงล้อจนรถเสียการทรงตัว จริงๆ แล้ววิธีป้องกันอาการดังกล่าวก็ทำได้ไม่ยาก ด้วยการขับรถให้ช้าลงขณะเจอแองน้ำ หรือถ้าไม่ทันจริงก็ถอนคันเร่งพร้อมกับจับพวงมาลัยให้มั่น เพราะถ้าขืนเบรกกะทันหันตัวรถก็อาจหมุนติ้วหรือไหลออกข้างทาง

 

 

อย่างไรก็ตามระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ESC, ESP, VSC, VDC หรืออะไรก็แล้วแต่ เหล่านี้เป็นระบบที่จะช่วยให้คุณบังคับรถไปตามทิศทางที่ต้องการได้ตามปกติ โดยเมื่อรถเกิดเสียการทรงตัวระบบจะเข้ามาลดทอนกำลังที่ไปสู่ล้อให้สมดุลจนผู้ขับขี่สามารถบังคังได้ดังเดิม นอกจากนี้ระบบที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามากจะมีระบบควบคุมการยึดเกาะถนนหรือ traction control ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ล้อถ่ายทอดกำลังสู่ถนนได้แบบเหมาะสม โดยไม่เกิดอาการไถลฟรีหรือลื่นแต่อย่างใด

 

 

3. ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon, LED

ไฟหน้าที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนส่วนใหญ่ใช้หลอดฮาโลเจนส่องสว่าง ข้อดีหลอดฮาโลเจนมีไม่กี่อย่างเท่านั้น ได้แก้ ความทนทานกับราคาถูก ซึ่งถ้าคุณเป็นคนขับรถยามค่ำคืนบ่อยครั้งก็จะรู้ดีกว่าไฟฮาโลเจนนั้นไม่สว่างพุ่งไกลเท่าไหร่เลย

 

 

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ตอนกลางคืน ผู้ผลิตรถยนต์จึงได้คิดค้นไฟหน้าแบบซีนอน แอลอีดี และเลเซอร์ ซึ่งครั้งนี้เราจะพูดถึงเพียงแบบซีนอนกับแอลอีดี โดยไฟ Bi-Xenon นั้นจะมีลูกแก้วโปรเจคเตอร์กับม่านบังแสงที่ป้องกันไม่ให้แสงสว่างสาดเกิดบริเวณที่กำหนด ผลที่ได้คือคุณจะได้ลำแสงความเข้มสูงที่ไม่แยงเข้าตาผู้ขับขี่รถยนต์คนอื่น อย่างไรก็ตามรถที่ติดตั้งระบบไฟชนิดนี้มีให้เลือกน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตจะหันไปคบไฟแอลอีดีมากกว่า

 

 

ต่อด้วยไฟแบบ LED ที่ช่วงไม่กี่ปีมานี้เราเห็นผู้ผลิตหลายรายติดตั้งมาในรถหลายรุ่น ซึ่งข้อดีก็คือมันมีลำแสงเข้มข้นกว่าหลอดฮาโลเจน อีกทั้งยังเป็นแสงสีขาว ตัวกำเนิดแสงใช้กระแสไฟน้อยและมีความร้อนต่ำ โดยไฟหน้าแบบแอลอีดีนี้นิยมกันแพร่หลายตั้งแต่รถราคา 6 แสนบาทขึ้นไปถึงราคาหลักหลายล้านบาท อย่างไรก็ตามข้อด้อยของไฟชนิดนี้ก็คือเมื่อเจอฝนตกมันจะไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ เนื่องจากค่าอุณหภูมิแสงที่ 6000K ไม่สามารถส่งแสงสะท้อนพื้นถนนที่เปียกได้ดีเท่าช่วง 4200K ของหลอดฮาโลเจน หรือ 4500-5500K ของหลอดซีนอน

 

 

4. ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย

มาถึงลำดับสุดท้ายของอุปกรณ์ความปลอดภัยที่พึงมีในรถยนต์คันใหม่ของคุณ โดยเจ้าถุงลมนิรภัยนี้ส่วนใหญ่ทุกคนอยากมีไว้จำนวนมากแต่ไม่มีใครอยากจะใช้มัน ฮ่าๆ เอาล่ะเพื่อให้เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องหารถที่มีถุงลมนิรภัยกับม่านถุงลมรอบคัน ทั้ง 6-8-10 ใบ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าถุงลมพวกนี้มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ศีรษะ แขน ขา และลำตัวของคุณไปกระแทกกับชิ้นส่วนต่างๆ ขณะรถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ติดตั้งถุงลมกับม่านนิรภัยมีระดับราคาต่ำลงมาก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ราคา 470,000 บาทเป็นต้นไป (Toyota Yaris)

 

 

ช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ridebuster.com  เพียงถูกใจจากท่านเราจะสรรหาสาระดีๆมานำเสนอต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่