Mazda CX-5 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีข่าวแว่วๆว่าจะมีการเปิดตัวโฉมปรับใหม่ปี 2024 ในไทยภายในสิ้นปีนี้ และดูเหมือนว่ามันจะปรากฏโฉมออกมาแล้ว ในประเทศญี่ปุ่น

2024 Mazda CX-5 ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ คือตัวรถร่างทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ในระดับ Minorchange เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบันที่ยังคงวางขายในบ้านเราอยู่

โดยหากให้ไล่เรียงความแตกต่าง เราก็จะพบว่ามันมาพร้อมกับกันชนหน้าใหม่ ที่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น เพราะแม้กระจังหน้าจะยังคงมีงานออกแบบคล้ายเดิม เปลี่ยนรายละเอียดช่องลมภายในเล็กน้อย

แต่ช่องดักลมด้านล่างได้ถูกปรับใหม่ ให้กว้างขึ้น และเป็นช่องโปร่ง ไม่มีบาร์คาดกลางอีกต่อไป รวมถึงแถบไฟตัดหมอกเองก็หายไป และชายล่างก็ถูกปรับใหม่ ให้ยื่นคมออกมาทางด้านหน้ามากกว่าเดิม เสริมด้วยไฟหน้าใหม่ ที่ไม่ได้เป็นแบบ LED-Projector ดวงเดียวในโคม แค่กลายเป็น 2 ดวง พร้อมแถบวงแหวนไฟ DRL ล้อมรอบรูปตัว C

ทางด้านหลังเองก็มีการปรับงานออกแบบไฟท้ายใหม่ โดยเปลี่ยนรายละเอียดวงไฟเบรกให้เป็นรูปตัว C คล้ายกรอบไฟ DRL ด้านหน้า ไม่ใช่วงแหวนอีกต่อไป และมีการปรับกรอบใหม่ให้ดูมีมิติมากขึ้น เช่นเดียวกับกันชนท้าย ที่ถูกปรับให้ดูมีความยื่นยาวออกมาทางด้านหลังมากกว่าเดิม โดยที่พวกเขาก็ยังไม่ลืมใส่จุดขายเดิม นั่นคือท่อคู่มาให้ด้วย

และตบท้ายด้วยชุดล้อลายใหม่แต่ยังคงให้ขนาดเท่าเดิม คือเป็นล้อขอบ 17-19 นิ้ว รัดด้วยยางหน้ากว้าง 225/65 R17 หรือ 225/55 R19 ตามลำดับ

ด้านงานตกแต่งภายใน หากมองเผินๆอาจรู้สึกเหมือนเดิม แต่ความเป็นจริงแล้ว พวกทางแบรนด์ได้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของ วัสดุตกแต่งคอนโซลใหม่เล็กน้อย รวมถึงรายละเอียดหนังหุ้มเบาะใหม่ ซึ่งจะมีตั้งแต่การใช้วัสดุหนังล้วนสีใหม่ หรือการใช้วัสดุหนังกลับสลับหนังปกติ แล้วแต่รุ่นย่อย

แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ก็คือชุดหน้าแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ที่ถูกปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นจาก 8 นิ้ว เป็น 10.25 นิ้ว แต่ทั้งนี้ยังคงไม่สามารถสั่งการด้วยระบบทัชสกรีน และผู้ใช้ต้องสั่งการด้วยลูกบิดที่อยู่ตรงกลางแทนอยู่เช่นเดิม และตัวหน้าจอแสดงผลมาตรวัดตรงกลาง ก็ยังคงมีขนาด 7 นิ้ว เท่าเดิมเช่นกัน

นอกนั้นรายละเอียดลูกเล่นต่างๆ ที่น่าสนใจก็มีทั้ง ชุดลำโพง Bose 10 ตำแหน่ง, ระบบชาร์จไร้สาย, ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบ Andriod Auto, ระบบกล้อง 360 องศา, ระบบ ADAS ครบครัน ทั้งระบบแจ้งเตือนมุมอับ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันถึงหยุดนิ่ง, ระบบแจ้งเตือน และป้องกันการออกนอกเลน, ระบบช่วยเบรก, และอื่นๆอีกมากมาย

ด้านเครื่องยนต์สำหรับตัวรถ CX-5 สเป็คญี่ปุ่น จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 ขุมกำลัง ด้วยกัน เริ่มจาก

  • เครื่องยนต์ Skyactive-G ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 156 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที (พละกำลังลดลง 9 PS และแรงบิดลดลง 11 Nm)
  • เครื่องยนต์ Skyactive-G ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 252 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
  • เครื่องยนต์ Skyactive-D ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 200 แรงม้า PS ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที (พละกำลังเพิ่มขึ้น 10 PS และมาด้วยรอบไวขึ้นกว่าเดิม 500 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดเท่าเดิม และมาในรอบเท่าเดิม)

ซึ่งทั้งหมดจะยังคงส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า หรือ 4 ล้อ AWD ให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้เลือกซื้อกันเช่นเดิม

ส่วนตัวเลือกเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ Skyactive-G ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบ ไม่ได้อยู่ในตารางออพชันให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้เลือกซื้อ แต่จากการค้นข้อมูลตัวรถ CX-5 ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ไปแล้วเช่นกันในประเทศออสเตรเลีย ขุมกำลังลูกนี้ยังคงให้สมรรถนะเหมือนเดิมคือ กำลังสูงสุด 231 แรงม้า PS ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 2,909,500 เยน หรือราวๆ 700,000 บาท ไปจนถึง 4,225,100 เยน หรือราวๆ 1,015,000 บาท ซึ่งอย่าลืมว่าช่วงนี้ค่าเงินญี่ปุ่นกำลังอ่อนตัว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่ราคาของมันอาจดูถูกมากเมื่อเทียบกับตัวรถที่วางจำหน่ายในบ้านเรา

ส่วนการเปิดตัวในไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างช้าสุด ภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ที่งาน Motor Expo 2023 ซึ่งออพชันและลูกเล่นต่างๆจะมีความแตกต่างจากรายละเอียดในข้างต้นหรือไม่ ? ยังต้องรอติดตามกันต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่