การพัฒนาตนเอง ถือเป็นหนทางที่ยากลำบากสำหรับใครก็ตามที่ต้องการก้าวไปสู่ที่สูงกว่า มักจะต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้เบื้องหลัง บางครั้งต้องยอมทุ่มเท เรียนรู้ เพื่อที่จะได้ก้าวผ่านอุปสรรคต่างที่ทำให้เราชนะมีชัยเหนือคู่แข่ง

“พัฒนาการ” จากรุ่นสู่รุ่นของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ มีเส้นทางแตกต่างกันออกไป สิ่งที่ทำให้รถยนต์ที่ออกมาใหม่ มีวาระต่างกันออกไป ตามหนทางของแต่ละบริษัทจะมอง บ้างพัฒนาสู่อีกก้าวของตัวตน หากหลายครั้ง ก็ได้เห็นการทิ้งแนวคิดเดิมของรถสู่แนวคิดใหม่ เหมือนปีบันไดไปอีกก้าว เพียงพวกเขาคิดว่าสามารถตอบสนองลูกค้า

ตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในสมัยรถอเนกประสงค์คืออะไร  Honda CR-V   เป็นรถที่พยายามฉีกแนวคิดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่น ในรุ่นแรกทางฮอนด้า พยายามให้มันดูลุย รุ่นถัดมาทำให้มันดูลุยและหรูมากขึ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม พอรุ่นที่ 3 ความหรูก็เสกสะบัดความหรูหราเข้ามาตอบโจทย์ ยกระดับจากความเป็นอเนกประสงค์ธรรมดา จนรุ่นที่4 ความทันสมัยเริ่มเข้ามา จนหลายคนอยากเห็นว่าที่รุ่นใหม่ว่าจะออกมาในทางไหน

 

การคลอด   Honda  Civic   มาอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนเริ่มจับตารถยนต์  Honda  CR-V   ใหม่ที่มีแนวโน้มใกล้คลอดออกมาเต็มแก่มากขึ้น  จนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอเมริกา หลายคนก็ได้เห็นเจ้ารถยนต์  ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก้ยิ่งสร้างความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อทางฮอนด้า ตัดสินใจเปิดตัวรถรุ่นนี้ในไทยอย่างรวดเร็ว และยิ่งได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อรถ  Honda  CR-V   ใหม่ เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ดีเซล นับเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าจัดเครื่องยนต์ดีเซล กรีฑาทัพเข้าบุกตลาดประเทศไทย ในรอบประวัติศาสตร์ 33 ปี ของฮอนด้า นับตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการขายรถยนต์ในบ้านเรา

รถยนต์   Honda  CR-V  ใหม่ ตั้งต้นการพัฒนาด้วยแนวคิด การออกแบบ 3 ข้อสำคัญ ได้แก่ 

Wow – สร้างขนาดตัวรถที่เหมาะสมต่อการใช้งานมีขนาดที่พอดี ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
Dynamic – เสริมความรู้สึกปราดเปรียวให้ตัวรถ ผ่านการออกแบบ และสมรรถนะของตัวรถ
และ
Sophisticated หรูล้ำสมัย องค์ประกอบของฟังชั่นในการขับขี่ที่ดีกว่า และภายในห้องโดยสารที่ดูหรูหรามากขึ้นกว่าเดิม

ครั้งแรกที่เห็นตัวรถค่อนข้างทึ่งกับแนวทางการออกแบบของฮอนด้า ที่พยายามผสานส่วนผสมของความหรูหรา ปราดเปรียว และบึกบึนเข้าด้วยกัน

ทีมออกแบบใช้แนวคิด Modern Functional Dynamic”  สะท้อนเส้นสายความแข็งแกร่งบึกบึนไปพร้อมความปราดเปรียว ในมุมมองส่วนตัวของผม ต่างรู้ดีว่า คำว่า “ปราดเปรียวกับบึกบึน” ไม่มีทางไปด้วยกันได้ มันไม่ต่างอะไรระหว่างหยินกับหยาง แต่ทางฮอนด้าก็ทำให้มันเป็นไปได้ จนออกมาเป็น   Honda CR-V   ใหม่

ตอนเห็นครั้งแรก Honda  CR-V เป็นรถที่ดูดีกว่าในภาพถ่าย การออกแบบให้ความรู้สึกปราดเปรียวตั้งแต่แรกเห็น คงเป็นสิ่งที่ทีมออกแบบฮอนด้าถนัด แต่ด้วยการยัดเยียด คำว่า “ต้องดูบึกบึน” ตามภาษารถอเนกประสงค์ ทำให้ฮอนด้า ซีอาร์วี  เหมือนยังออกแบบรถครึ่งๆ กลางๆ ว่าจะ สปอร์ตไปเต็มๆ  หรือจะให้มันดูบึกบึนดี

Honda CR-V

จุดที่เห็นได้ชัดถึงความลังเลย คงไม่พ้นกระจังหน้า ที่ออกมาเป็น 6 เหลี่ยม ช่วงบนให้สไตล์โครเมี่ยมผสมกับพลาสติกสีดำ ดูเผินๆ เราจะเห็นเพียงส่วนที่เป็นโครเมี่ยมของกระจัง รับเข้ากับไฟหน้า ที่มาพร้อมไฟ  DayTime Running Light  ในโคม  หากคุณอยู่กับรถนานพอ จะเห็นว่า มันเหมือน ทางฮอนด้า ต้องการให้สปอร์ตดุ แต่ก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ กระจังหน้าเลยออกมาเป็นแบบนั้น

ทุกรุ่นให้ไฟหน้า LED   ตอบโจทย์เรื่องการส่องสว่างยามค่ำคืน  ให้ความลงตัวด้วยการออกแบบกระจังหน้าที่ดูมีมิติเส้นสายการออกแบบมากกว่ารุ่นก่อน  รถที่ได้มาทดสอบทั้ง 2 คัน เป็นรุ่น  ท๊อปสุด   EL  ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า  และปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ

มายืนมองทางด้านข้างทั้งคู่ได้ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ฝั่งซ้ายฝังกล้อง บ่งบอกว่ามีระบบ   Honda  Lane Watch   มาให้ ช่วยลดมุมอับ ทั้งคู่ใช้ชุดล้อเดียวกันเป็นขอบ 18 นิ้ว สีทูโทน มาพร้อมยาง   235/60/R18   จาก  Toyo Tire  รุ่น  Proxes R45  

เขยิบมาดูทางด้านท้าย  Honda  CR-V  ใหม่ ให้การออกแบบท้ายที่ดูเป็นยุโรปมากขึ้น โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED รูปตัว   J   ดูแปลกตาสง่างามดี อันที่จริงไฟท้ายของ   Honda  CR-V   ค่อนข้างมีส่วนคล้าย   BMW i3  ประตูท้ายทุกรุ่นเป็นไฟฟ้ามาให้หมดทุกรุ่น แต่ในรุ่น  EL   เด่นกว่า ด้วยระบบแฮนด์ฟรี คือ สามารถเปิด-ปิดได้ โดยใช้เท้าเตะเข้าใต้กันชนหลัง

Honda CR-V

บางมุมมองเหมือนทาง   Honda   จับเอาเส้นสายของ Honda  BR-V   มาปรับขยับให้โตขึ้น แล้วใส่ไฟท้ายใหม่  LED  เข้าไป โดยเฉพาะเส้นประตูท้ายแบน ไม่โค้งเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ และต้องมีติ่งกันชน พร้อมวัสดุสีดำด้าน นี่แหละที่ให้มันเหมือนกันมาก  ทั้งที่รุ่นเดิมก็ออกแบบประตูท้ายปิดสนิทแนบกับกันชนเหมือนประหนึ่งเป็นชิ้นเดียวกัน แต่ทำไมงวดนี้ไม่ทำก็ไม่รู้สินะ …

ด้านตัวรถ Honda CR-V มีการปรับขนาดมิติตัวถังหลายช่วงขนาด เริ่มจาก

  • ความยาว จากรุ่นเดิม 4,582 มม. แต่รุ่นนี้ปรับขนาดลดลงเหลือ 4,571 มม. หรือลดลง 11 มม.
  • ความกว้าง จากรุ่นเดิม 1,820 มม. แต่รุ่นนี้ปรับขนาดกว้างขึ้นเป็น 1,855 มม. หรือเพิ่มขึ้น 35 มม.
  • ความสูง จากรุ่นเดิม 1,685 มม. แต่รุ่นนี้ปรับความสูงลดลง เหลือ 1,667 มม. หรือลดลง 18 มม.
  • ฐานล้อ จากรุ่นเดิม 2,620 มม. แต่รุ่นนี้ปรับฐานล้อเพิ่มขึ้น ในรุ่นเบนซิน มีความยาว 2,660 มม. หรือเพิ่มขึ้น 40 มม. ส่วนรุ่นดีเซล มีความยาว 2,662 มม. หรือเพิ่มขึ้น 42 มม.
  • ความสูงใต้ท้องรถ จากรุ่นเดิม 170 มม. แต่รุ่นนี้ปรับความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 208 มม. (รุ่น EL) หรือเพิ่มขึ้น 38 มม. (ส่วนรุ่น   E  มีความสูงใต้ท้อง 198 มม. หรือสูงขึ้น  28   มม.)  

 

รับกุญแจรถจากนายบิ๊ก PR ฮอนด้าที่คุ้นเคย ดูรายละเอียดบนกุญแจ น่าแปลกใจที่ Honda CR-V ไม่ยอมให้รีโมทระบบ Engine Start ซึ่งสามารถสตาร์ทรถจากชุดกุญแจก่อนเข้าไปในรถได้  แต่เปลี่ยนเป็นเปิดประตูท้ายไฟฟ้าได้บนรีโมทเข้ามาแทน

ไม่รู้สิ สำหรับผมคิดว่าระบบรีโมท Engine Start น่าจะได้ใช้งานบ่อยกว่าการใช้รีโมทเปิดประตูท้าย และมันเป็นฟังก์ชั่นที่เหมาะกับในประเทศไทยมากกว่าใช้รีโมทเปิดประตูท้าย ซึ่งรุ่น EL ก็มีระบบ Handfree อยู่แล้วด้วย

หยิบมือจับเปิดประตูเข้ารถ ระบบ  Honda Smart Key  ของ Honda CR-V ยังเป็นแบบสัมผัส แค่จับแล้วดึง รถก็พร้อมต้อนรับคุณทันที

ภายในห้องโดยสาร Honda CR-V ค่อนข้างจะออกไปในทางเรียบหรูมากกว่าดูสปอร์ต งวดนี้ทางทีมออกแบบ Honda CR-V  ได้ใช้แนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสารว่า “Urban BASE Beautility” เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน เริ่มจาก Honda CR-V ตอบสนองการโดยสาร เพียง 5 ที่นั่ง รุ่นใหม่ทางฮอนด้าปรับจำนวนที่นั่งเป็นแบบเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง  ในแบบ 5+2

โดยเบาะแถวที่ 3 จะไม่พับเรียบลงไปกับห้องโดยสาร แต่คุณสามารถทำให้ห้องโดยสารดูเรียบเมื่อพับเบาะได้ โดยจัดวางชั้นวางของทางด้านหลังขึ้นมาอีกระดับ จะเสมอกับเบาะที่นั่งตอนที่ 3 แต่จะมีช่วงเว้นห่างระหว่างเบาะกับชั้นวางของเล็กน้อย

ภายใน Honda CR-V

ภายใน Honda CR-V

ตัวเบาะแถว 3 ปรับพับได้ในอัตรา 50/50 ส่วนเบาะแถว 2 สามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 และสามารถเลื่อนขึ้นลงด้านหน้าและหลังได้ รวมถึงปรับเอนได้หลายระดับตามความต้องการ จะนอน จะนั่ง ก็ค่อนข้างสบาย

ส่วนเบาะคู่หน้า ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง ผมลองปรับหาท่านั่ง พบว่า เบาะนั่ง  CR-V ยังไม่ค่อยลงตัว ส่วนตัวชอบช่วงพนักพิงที่มีขนาดใหญ่ โอบหลังได้พอดี บวกกับการตัดเย็บชุดเบาะแบบใหม่ที่เป็นลูกคลื่นทางด้านหลัง ที่ทำให้นั่งสบายมากยิ่งขึ้น แต่ที่รองนั่งกลับพบว่าค่อนข้างสั้นไปสักหน่อย และน่าจะยาวกว่านี้ เมื่อนับว่า Honda CR-V เป็นรถสำหรับใช้ในการเดินทางไกล แต่เบาะที่รองนั่งกลับมีขนาดเล็กพอสมควร หรือผมจะอ้วนเกินไปนะ?  555

ด้านฝั่งคนนั่งเป็นปรับ 4 ทิศทาง ปรับด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งทางฝั่งคนนั่งค่อนข้างนั่งสบายกว่าฝั่งคนขับอย่างเห็นได้ชัด  น่าเสียดายทางฮอนด้ายังไม่ให้ระบบบันทึกท่านั่งมาให้

ภายใน Honda CR-V

ตรงหน้าคนขับเป็นชุดจอเรือนไมล์แบบ TFT คล้ายในรถยนต์ Honda civic แต่ปรับหน้าตาการใช้งานใหม่เป็นแบบเสี้ยววงกลม พร้อมบอกข้อมูลต่างๆที่ต้องการในชุดจอ อาทิ ระยะทาง และ น้ำมันที่คงเหลือวิ่งได้ , การทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นต้น 

ในความรู้สึก ต้องบอกเลยว่าไมล์ของ Honda civic ดูดีกว่า อาจจะเพราะ Honda ต้องการให้ Civic ดูสปอร์ต ส่วน CR-V ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า และคงไม่ต้องการให้ใครครหาว่ายกเรือนไมล์มาใช้ทั้งดุ้น ก็เลยปรับโปรแกรมเปลี่ยนไปทั้งๆ ที่ Honda civic ออกแบบมาได้ลงตัวอยู่แล้ว จะเอามาใช้ก็ได้

ตรงกลางคอนโซลหน้า ทางฮอนด้าให้ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay เท่าที่ลองใช้งาน บอกเลยว่าคุณภาพเสียงของลำโพงยังต้องปรับปรุง

เสียงจากลำโพงใน Honda CR-V ค่อนข้างเน้นไปทางเสียงกลางและเสียงแหลมมากกว่าเสียงทุ้มและคุณมีเพียงลำโพง 4 ตัว พร้อมทวีตเตอร์ 4 ตัว ในห้องโดยสารเท่านั้น คุณภาพเสียงที่ออกมาถือว่าค่อนข้างด้อย เมื่อเทียบกับรถบางรุ่นที่เคยสัมผัสมาในกลุ่มเดียวกัน

ภายใน Honda CR-V

เบาะนั่งแถว 2   Honda CR-V

ภายใน Honda CR-V

ภายใน Honda CR-V

เบาะนั่งแถว 3   Honda CR-V

มิหนำซ้ำชุดกล้องมองหลังของ Honda CR-V ยังค่อนข้างมีความละเอียดต่ำ เมื่อเทียบกับราคาตัวรถระดับล้านบาทกลางๆ แม้ว่าจะปรับได้ 3 ระดับ และใช้งานได้ดีในยามกลางวัน แต่พอยามค่ำคืน  ชุดกล้องหลังของ   Honda CR-V กลับให้มุมมองแย่เนื่องจากความละเอียดลง จากสภาวะแสงน้อยในที่มืด

ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ได้ตามต้องการ (เฉพาะในรุ่น EL)  ตามาด้วยชุดคันเกียร์ไว้ขับเคลื่อนตัวรถ ซึ่งจะมีในรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 เท่านั้น  ตัวหัวเกียร์จะคล้ายๆ กับเครื่องบิน มีความกว้างจับกำลังพอดีมือ ส่วนในรุ่นดีเซลเป็นชุดเกียร์ปุ่มใช้งานเข้าใจได้ไม่ยาก เพียงกด ใช้งานตามตำแหน่งเกียร์ต่างๆที่ คุณต้องการ เว้นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง จะต้องดึงขึ้น รถก็วิ่งได้ตามใจ

ที่ชอบที่สุดใน   Honda  CR-V   ใหม่ ก็คงไม่พ้น พวกลูกเล่นการเก็บของในตัวรถ โดยเฉพาะชุดเก๊ะกลาง ที่มีความลึก จนใส่อะไรต่อมิอะไรได้เยอะ แถม ยังมีถาด สำหรับวางโทรศัพท์มือถือได้พอดี สำหรับมือหน้าจอกว้าง อย่าง   Samsung Galaxy Note 5 ในคอนโซลกลางมีช่องเสียบ   USB   มี 2 ช่อง ช่องแรกมีกำลัง 1.5 แอมป์ ,อีกช่องมีกำลัง 1.0 แอมป์ และข้างกันมีช่อง   HDMI  แต่ถามผมอยากเห็นที่ชาร์จมือถือไร้สายในรถรุ่นนี้ในอนาคต

ด้านหลังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมช่อง USB  เน้นชาร์จอุปกรณ์มือถือให้กำลัง 2.5 แอมป์   มีมาให้ 2 ช่อง เหมาะมากสำหรับชีวิตยุคดิจิตอลสมัยนี้ และเหนือเบาะแถว 3 มีระบบปรับอากาศ ทางด้านหลังอีกชุด สามารถเปิดหรือปิดได้จากทางด้านหน้า  และปรับลดกำลังพัดลมได้จากแผงควบคุมเหนือศีรษะ

ระหว่างลองขับ ผมได้รับคำติติงจากผู้โดยสารมาบ้างว่า พัดลมแอร์ค่อนข้างดังเกินไป… แต่ก็ยังไม่มีโอกาสไปลองด้วยตัวเอง 

ภายใน Honda CR-V

การพับเบาะนั่งตอนหลัง   Honda CR-V   ใหม่ 

 

อ่านรีวิวต่อ >>>>>

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่