Honda  City  1.0 SV

ในรุ่นรองท๊อป   SV   ถือว่าเป็นรุ่นท๊อปสุดของไลน์อัพ ถ้าหากคุณไม่ชอบการตบแต่งสไตล์สปอร์ตของเจ้า ฮอนด้า ซิตี้ในรุ่น  RS   รุ่นนี้ ทางฮอนด้า ปรับงานออกแบบภายนอกเพียง เล่นสีดำและปัดเงาในล้อขอบ 15 ลายเดิม ให้มีมิติมากขึ้น

ภายในให้ความหรูหรามีเสน่ห์ มากขึ้น ด้วยการตบแต่งห้องโดยสารทูโทน พร้อมสีไอเวอรี่ (สีเบจครีม) ตัดกับสีดำ เล่นรายละเอียดที่แผงประตู รวมถึงเสา และผ้าบุหลังคา ทำให้รถมีความสว่างในห้องโดยสารมากขึ้น

 

ตัวเบาะจัดทรงใหม่ปรับวัสดุเป็นหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ ตบแต่งคอนโซลด้วยวัสดุเปียโน แบล็ค  และปรับระบบความบันเทิงจากวิทยุปกติ เป็นะบบจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว  รองรับการเชื่อมต่อ  Smart Phone   เพิ่มช่อง  USB  เป็น 2 ช่อง ยังขับกล่องด้วยลำโพง 4 ตัว

เรื่องการขับขี่เพิ่มเติมด้วยระบบกล้องมองหลัง ปรับมุมภาพได้ 3 ระดับ เป็นลูกเล่นเพิ่มเติม

 

สรุปออพชั่นเพิ่มเติมจาก  V

  • ล้ออัลลอยสีทูโทน
  • ตบแต่งภายในทูโทน ดำตัดไอเวอร์รี่
  • เบาะนั่งหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์
  • ตบแต่งวัสดุเปียโนแบล็ค
  • เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว
  • ช่อง  USB 2   ช่อง
  • กล้องมองหลัง ปรับมุมภาพ 3 ระดับ

ราคาจำหน่าย 665,000 บาท (56,000 บาท)

 

Honda City  1.0 RS

ในรุ่นท๊อปสุดของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ในงวดนี้ มาพร้อมธรรมเนียมความสปอร์ตด้วยรหัส   RS   จัดเต็มการตบแต่งสอดรับความต้องการมากขึ้น ด้วยไฟหน้าใหม่แบบ  LED พร้อมไฟตัดหมอก  LED  คู่หน้า กระจังใหม่สีดำเงา พร้อมลายรังผึ้ง พกตรา  RS   กระจกมองข้างเปลี่ยนเป็นสีดำ ติดตั้งสปอยเลอร์ตูดเป็ดรับความสปอร์ตตอบโจทย์  ส่วนล้ออัลลอยใหญ่สุดในรุ่นให้ขนาด 16 นิ้ว ติดตัวมาจากโรงงาน และเป็นลายสปอร์ตก้านคู่ครบเครื่องโดนใจ

Honda City 2020 RS

Honda City ใหม่ รุ่น RS

Honda City ใหม่ รุ่น RS

 

Honda City ใหม่ รุ่น RS

Honda City 2020 RS

ด้านในห้องโดยสารกลับมาเป็นสีดำอีกครั้ง เน้นสปอร์ตสุดติ่ง ด้วยเบาะนั่งใช้วัสดุผสมผสาน ทั้งหนังสังเคราะห์,ผ้าและหนังกลับเดินด้ายแดง รวมถึงการเย็บด้านแดงยังลามไปถึง พวงมาลัยหุ้มหนัง,การเย็บที่คอนโซล ที่พักแขน และ การเล่นแสงสีในห้องโดยสาร ตลอดจนเรือนไมล์เรืองแสงสีแดง มีในรุ่นนี้    เครื่องเสียงจอสัมผัส 8 นิ้ว ฟังไพเราะมากขึ้น ด้วยลำโพง มากถึง 8 จุดในห้องโดยสาร และยังรองรับระบบ  Honda  Connect

เบาะนั่งหลังเพิ่มหนักเท้าแขนให้พร้อมที่วางแก้วน้ำในตัว มือจับศาสดาในรถ มี 4 อัน   นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องจ่ายไฟสำรอง อีก 2 ตำแหน่งทางด้านหลังด้วย

ส่วนเรื่องการขับขี่เร้าใจขึ้นด้วยแป้น   Paddle  Shift   และ   ระบบ   Cruise Control   มีให้เสริมความทันสมัย แถมท้ายด้วยม่านนิรภัยให้มาด้วยในรุ่นนี้

สรุปออพชั่นเพิ่มเติมจาก   SV

ภายนอก

  • กระจังหน้าดำ
  • ไฟหน้า  LED
  • ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว
  • สปอร์ยเลอร์หลัง
  • กระจกมองข้างสีดำสปอร์ต
  • ไฟตัดหมอก  Led  คู่หน้า

 

ภายใน

  • ภายในสีดำ
  • เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ผสมหนังกลับและผ้า
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง
  • เรือนไมล์เรืองแสงสีแดง
  • ที่เท้าแขนตอนหลัง
  • ราวมือจับ 4 ชิ้น (ปกติ 3 ชิ้น)
  • ลำโพง 8 จุดในห้องโดยสาร
  • ความปลอดภัย ม่านถุงลมนิรภัย
  • ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ  (Cruise Control)

 

ราคาจำหน่าย  739,000 บาท (+74,000 บาท)

 

สรุปซื้อรุ่นไหนคุ้ม … Honda City ใหม่

 

ในการตัดสินใจว่าซื้อรุ่นไหนคุ้ม ก่อนอื่นเราขอตัดตัว   RS   ออกไป ด้วยเหตุผลการตบแต่งด้วยภาพลักษณ์ความสปอร์ตตอบโจทย์คนอยากได้สไตล์ แม้นว่า ออพชั่นจะเยอะที่สุดในไลน์อัพและของเล่นครบครัน แต่นั่นหมายถึงคุณต้องจ่ายมากว่า 74,000 บาท จากรุ่น  SV   สำหรับเราถือว่ามากกว่าพอสมควร

ดังนั้นใครจะซื้อ  RS  จะบอกว่าคุ้มค่าก็คงไม่ใช่ เพราะราคาไปไกลเกินมากๆ

ทีนี้มาว่ากัน 3 พระหน่อที่เหลือในทางเลือกความคุ้มค่าของเรา รุ่น  S  ราคาถูกน่าสนใจ ออพชั่นครบเครื่องไม่โล้น เหมือนคู่แข่ง ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่พอขึ้นเป็นรุ่น   V  ที่ดูเหมือนจะมีอะไรที่จำเป็นในราคาบวกเพิ่มเฉียด 3 หมื่นบาท ของเล่นดูจะไม่มากมายนัก  เมื่อดูเทียบกับรายการที่ทางฮอนด้า ให้มา แม้ว่าจะดีงามกว่ารุ่นล่างก็ตามที ถ้าถามเราคงบอกว่าผ่านไปเถอะครับ เก็บเงินไปแต่งจากรุ่นตัวล่างน่าจะดีกว่า

กลับกันเมื่อมองสูงขึ้นมาในรุ่น  SV   จะเห็นว่าออพชั่นใหม่ๆ กรีฑาทัพเข้ามาตอบลูกค้ามากขึ้น จนผมคิดว่านี่เป็นรุ่นชูโรงตัวจริง แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นท๊อปออพชั่น แต่ในอดีตรหัส  SV   คือ ท๊อปไลน์อัพ ของคนที่ไม่ต้องการความสปอร์ตกับตัวรถ แค่อยากได้หรูฟังชั่นครบ

รุ่น SV   จะพบว่า มีการปรับรายการหลักน่าสนใจ เช่นห้องโดยสารสีทูโทน , เบาะนั่งหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ ตลอดจน เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว  ซึ่งถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร เมื่อรวมออพชั่นจากรุ่น  V   อีก 6 รายการ เท่ากับ จะมีการอัพเกรด 13 รายการจากรุ่นเริ่มต้น จ่ายเพิ่มในราคา 85,500 บาท

ดังนั้นในข้อสรุป เรามองว่า รุ่น  S   เหมาะกับคนไม่เน้นเฟ้อออพชั่น ถือว่าโอเคคุ้มค่าครบเครื่องในระดับที่น่าพอใจแล้ว แต่ถ้าต้องการออพชั่นเพิ่ม ควรกระโดดไปรุ่น  SV   ที่มีฟังชั่นต่างๆ มาเต็มลำครบครันเท่าที่เงินจะซื้อได้

ส่วนในตัว  RS  อันนี้แล้วแต่ความชอบ เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วน ซึ่งก็มีลูกเล่นมากกว่าตัวปกติ อาทิ Paddle Shift – Cruise Control   ซึ่งไม่มีในรุ่นอื่นๆ ครับ 

ส่วนรายละเอียดโปรโมชั่นต่าง ลองไปศึกษาดูที่เว็บไซต์ ฮอนด้าประเทศไทย 

 

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่