หลังฟื้นรถสปอร์ตตระกูล 86 ไปได้ด้วยดี และยังมีความตั้งใจในการปลุกปั้น Supra ให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งจนสำเร็จ ล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะใกล้เวลาของ Toyota MR2 กับ Toyota FT-se ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้บ้าง

Toyota FT-se คืออีกหนึ่งรถคอนเซ็ปท์คาร์ที่ทาง Toyota ได้นำมาเปิดตัวและจัดแสดงในงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งแท้จริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันถูกเผยโฉมออกมา เพราะก่อนหน้านี้ ทางค่ายได้เคยเปรยรูปร่างของมันเอาไว้แล้ว กับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตหลากหลายรุ่นเมื่อต้นปี 2021

แต่ครั้นจะบอกว่าเจ้า FT-se คันนี้ คือรถคันเดียวกันกับคันที่เผยตัวออกมาก่อนหน้าเลยก็คงไม่ใช่ เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว มันคือรถคอนเซปท์ที่ถูกปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ ให้ดูมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริง หรือให้สู่การขายจริงมากขึ้น จนอีกนิด ก็จะใกล้เคียงกับคำว่า “รถโปรโตไทป์” มากกว่า

เริ่มจาก ชิ้นส่วนกันชนหน้า ที่ได้ถูกปรับใหม่ ให้มีความหวือหวามากยิ่งขึ้น จมูกกันชนหน้า ก็ถูกปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อปรับขนาดช่องดักลมด้านหน้าให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับช่องระบายลมหลังแนวฝากระโปรงที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และชายล่างกันชนหน้าเอง ก็ยังดูยื่นยาวมากกว่าเดิมอีก

ส่วนไฟหน้าเอง ก็เปลี่ยนจากแบบ ไฟ LED นอนยาวเหนือช่องดักลมด้านข้าง ซึ่งล้อมรอบด้วยวกรอบไฟ DRL แบบตัว C ขนาดใหญ่ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นโคมไฟแนวตั้งพร้อมดวงไฟ Projector LED 2 ดวงต่อข้าง และลากยาวเส้นแถบไฟ DRL จากด้านนอกของกรอบโคมไฟหน้า ลงสู่ด้านล่างของกันชนหน้า แล้วตวัดเข้าหาซุ้มล้อแทนเพื่อต่อเป็นชายล่างไปกับเส้นไฟ DRL อีกแนวที่ชายล่างตัวรถด้านหลังซุ้มล้อก่อนถึงแนวบานประตู

แม้สัดส่วนเส้นสายหลักๆของตัวรถจะคล้ายเดิม แต่รายละเอียดจริงๆล้วนถูกปรับใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นการตัดครีบไล่ลมหลังแนวซุ้มล้อหน้าออกไป กลายเป็นช่องรีดลมด้านล่างใต้แนวตัวถังแทน และช่องดักลมเป่าซุ้มล้อหลัง ที่แนวขขอบประตู ก็ถูกปรับใหม่ให้เล็กลง แต่ยังโดดเด่นด้วยการเติมแถบสีดำตีเป็นกรอบช่องลมเพิ่มความสะดุดตา

ส่วนหลังคาถึงจะมีลักษณะเสา A และชิ้นหลังคาทรงเดิม แต่ก็ได้รับการเพิ่มตัวกระจกมองข้าง กับปรับปรุงเส้นตัดตรงเสา B ใหม่ให้ดูเรียบง่ายต่อการผลิตขายจริงมากขึ้น

และถึงซุ้มล้อคู่หลังของรถ จะไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนเดิม รวมถึงไม่มีการใส่สปอบเลอร์แบบแยกส่วนติดตั้งหลังแนวซุ้มล้อหลัง แต่ชุดท้ายของรถก็ยังคงมีการทำรูปทรงให้เป็นเสมือนกับสปอยเลอร์ตูดเป็ด ลักษณะคล้ายกับของ Toyota GR86 แต่มีความสูง และยื่นออกมาจากแนวฐานมากกว่า

ขณะที่ไฟท้ายของรถเป็นแบบแถบไฟ LED ที่ค่อนข้างยาว เพราะคาดจากด้านบนของซุ้มล้อหลัง ลงมาถึงช่องระบายอากาศด้านหลัง ซึ่งยังดีที่มันไม่ได้เชื่อมต่อกันจากซ้ายไปขวาตามเทรนด์ จึงช่วยลดความเลี่ยนหรือความเวอร์วังได้อยู่บ้าง

และสุดท้าย ด้วยดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ จนสามารถเอาลูกฟุตบอลสอดเข้าไปได้สบายๆที่กันชนท้าย

ภายในตัวรถเอง ถือว่าล้ำยิ่งกว่า ด้วยแผงคอนโซลงานหุ้มหนังอัลคันทาร่าแบบ 2 ชั้น โดยชั้นนอกสุด นอกจากจะเป็นที่ตั้งชองชุดลำโพงแบบ Sound Bar ยังมีการติดตั้งหน้าจอแสดงผลขข้อมูลตัวรถเอาไว้ ส่วนแผงคอนโซลชั้นที่สอง จะถูกออกแบบให้มีความเตี้ย และยื่นเข้ามาหาตัวผู้โดยสารทั้งสองภายในรถ เพื่อลดการบดบังสายตา โดยจะเป็นที่ตัั้งชองช่องแอร์พร้อมจอดิจิตอลปรับอุณหภูมิระบบปรับอากาศฝั่งผู้โดยสาร

ขณะที่ฝั่งผู้ขับ จะมีทั้งพวงมาลัยแบบตัวแข่ง พร้อมก้านจับแปลกตาหุ้มด้วยหนังอัลคันทาร่าเพื่อความกระชับในการหักเลี้ยวพวงมาลัย และด้านข้างของมัน ยังเป็นที่ตั้งของชุดจอขนาดเล็กทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ซึ่งมีไว้เพื่อควบคุมลูกเล่นต่างๆภายยในตัวรถ ทั้งระบบการทำงาน และระบบความบันเทิง

ส่วนครึ่งล่างของคอนโซล จะตกแต่งด้วยชิ้นงาน 3D Print ซึ่งอาจจะดูน่ากลัวไปบ้าง (สำหรับคนที่เป็นโรคกลัวรู) แต่ด้วยลักษณะความเป็นฟองน้ำ จึงทำให้มันมีทั้งความเบา และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่อยู่ในรถได้พอประมาณ แถมยังมีการติดตั้งแผงกั้นเอาไว้ตรงกลาง เพื่อให้ผู้โดยสารทั้งสองใช้ต้นขาค้ำเป็นกำแพงยามสาดโค้งได้อีกด้วย

และปิดท้ายด้วยชุดเบาะนั่งแบบ 2 คอนหลังแข็ง ทรง Semi-Bucket Seat ซึ่งตัวโครงเบาะทำขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้าน ส่วนตัวซับในเบาะเป็น Memory Foam หุ้มด้วยหนังอัลคันทาร่าสีน้ำเงิน และเบาะที่ว่านี้ ก็ถูกผลิตขขึ้นโดยบริษัทดังอย่าง Recaro นั่นเอง

และหากคุณลองสังเกตกันให้ดีๆ จะพบว่าตัวรถคันนี้ ไม่มีการติดตั้งโลโก้ หรือชื่อแบรนด์ Toyota เอาไว้ที่ตัวรถเลยแม้แต่จุดเดียว แต่ทั้งหมดจะถูกแทนที่ด้วยโลโก้ GR ซึ่งหมายความว่ามันถูกดูแลโดยทาง Gazoo Racing แบรนด์ลูกของค่ายสามห่วงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างรถสปอร์ตสุดแรงโดยเฉพาะ

ด้านกำหนดการเปิดตัว ทาง Toyota ได้มีการระบุไว้คร่าวๆว่า อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2026 หลังการเผยโฉม Lexus LF-ZC ตัวขายจริง ซึ่งตัวรถรุ่นนี้ก็มีการเผยโฉมต้นแบบภายในงาน Japan Mobility Show 2023 เช่นกัน เนื่องจากมันใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกับ Toyota FT-se

นอกจากนี้ FT-se ยังจะถูกวางจำหน่ายในฐานะคู่แข่งสายตรงกับ Porsche 718 (Cayman/Boxster) ร่างไฟฟ้า 100% ที่จะเปิดตัวในปี 2024 นี้อีกด้วย

ส่วนตัวเลขสมรรถนะ และความแรงของตัวรถร่างขายจริง ทาง Toyota ยังไม่มีการเปรยข้อมูลออกมาแต่อย่างใดในตอนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่