แม้ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างก้าวกระโดด ตามกระแสความนิยมของผู้ใช้ ทว่าในสายตาของผู้นำสูงสุดจากแบรนด์ Toyota กลับมองว่ามันอาจไม่ได้ดีถึงขั้น “ครองโลก” เหมือนอย่างที่ใครหลายคนคิดกัน

จากการเข้าร่วมงานแถลงนโยบายประจำปีของ Toyota โดยนาย Akio Toyoda อดีตประธานบริหารบริษัท ที่ในปัจจุบันได้ขยับขึ้นเป็นประธานบอร์ดบริหารมาตั้งแต่กลางปีก่อน เปิดเผยถึงแนวคิดของตนเอง ที่ยังคงย้ำชัดว่า แม้กระแสของรถยนต์ไฟฟ้า จะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากแค่ไหน แต่ยังไงมันก็ยังมีข้อจำกัดที่ทำให้ตัวรถที่ใช้พลังงานชนิดนี้ ไม่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในโลกยานยนต์ส่วนใหญ่ไว้ได้อยู่ดี

“ไม่เกี่ยวว่ารถยนต์ไฟฟ้า(พลังงานจากแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์) จะถูกพัฒนาไปมากแค่ไหน”, “รถยนต์ไฮบริด, รถยนต์เซลเชื้อเพลิง, และรถยนต์พลังงานสันดาปจากไฮโดรเจน ก็จะยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ทั่วโลกได้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ อยู่ดี” (ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้าพลังงานจากแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ จะสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ทั่วโลกได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น)

“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Toyota Motor Corporation, ที่ต้องแข่งขันในทุกตลาดทั่วโลก, ถึงต้องมีทางเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ” (เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และความเหมาะสมในการใช้งานอย่างแท้จริง) นาย Toyoda กล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น นาย Toyoda ยังตอบคำถามจากสื่อ ถึงมุมมองในการเลือกใช้ยานพาหนะในรูปแบบขุมกำลังต่างๆอีกว่า “มันควรเป็นสิ่งที่ลูกค้าและตลาดควรเลือกเอง, ไม่ใช่จากการบังคับด้วยกฏหมายหรือพลังด้านการเมือง (เช่น กฏหมายการแบนห้ามใช้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาป แล้วไปสนับสนุนแต่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งการอุดหนุนตัวรถหรืออพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น)”

นาย Toyoda ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า จะมีผู้คนราว 1,000 ล้านคน ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเกือบจะใกล้เคียงกับตัวเลขที่หน่วยงาน International Energy Agency ที่พวกเขาได้มีการประเมินและเก็บสถิติ “ตัวเลขผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานพลังงานไฟฟ้า” มากว่า 2 ทศวรรษ

แล้วพบว่าตัวเลขนี้มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ จากราวๆ 1,317 ล้านคน ในปี 2012 และร่วงลงมาถึงราวๆ 754 ล้านคน ในปี 2020-2021 และจู่ๆก็เด้งกลับมาอีกครั้งเป็นราวๆ 775 ล้านคน ในปี 2022 เสียดื้อๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรก ในรอบ 20 กว่าปี นับตั้งแต่หน่วยงานมีการเก็บข้อมูลมา (สามารถอ่านร่ายละเอียดการเก็บข้อมูลดังกล่าวได้ที่นี่)

โดยสาเหตุหลักๆที่ทำให้จำนวนผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานพลังงานไฟฟ้าแทบไม่ยอมลดลงเลยนับตั้งแต่ปี 2019 ซ้ำร้ายยังกลับมาเพิ่มขึ้นในปี 2022 ทางหน่วยงาน IEA วิเคราะห์ว่าเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงาน และอาหารเพื่อการดำรงชีพที่สูงขึ้น รวมถึงเรื่องของสภาวะสงคราม และวิกฤตจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้การขยายพื้นที่สำหรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับประชาชนในหลายๆประเทศมีการชะลอตัว หรือถูกพับเก็บไป

นั่นจึงทำให้อุปสรรคในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่ต้องพึ่งพลังงานจากไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าไหร่นัก ในหลายๆประเทศที่ติดปัญหาในเรื่องการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้า

ซึ่งต่างจากการใช้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ที่แม้ประชาชนอาจไม่สามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นเองได้ แต่ก็ยังสามารถกักเก็บไว้กับตนเองเพื่อใช้งานได้ง่ายกว่า หรือในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการคมนาคมขนส่งเชิงพานิชย์เอง ขุมกำลังสันดาปภายใน ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ในการใช้งานอยู่ดี

และเนื่องจากจนตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วนจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้งานยานพาหนะที่มีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ของประชากรโลก ได้ในเร็ววันนี้ จึงทำให้ยานพาหนะไฟฟ้าถูกมองว่ายังไงก็ไม่สามารถครองโลกได้ ในสายตาของประธานบอร์ดของ Toyota อย่างนาย Akio Toyoda นั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: