ใครจะไปคิดว่ารถไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่ตั้งราคาไว้แพงพอกับรถหรูเครื่องสันดาปจะขายดีแซงหน้าคู่แข่ง แต่นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นกับ Tesla Model S รถซีดาน 4 ประตูพลังถ่านที่สามารถทำยอดขายแซงหน้ารถผู้บริหารระดับหรูอย่าง Mercedes-Benz S-Class ในตลาดยุโรปไปได้แบบสบายๆ 

 

Tesla Model S Beat Mercedes-Benz S-Class in Europe
Mercedes-Benz S-Class มียอดขาย 13,359 คันที่ยุโรป โดน Tesla Model S แซงหน้าไปกว่า 3 พันคัน

 

ในที่สุดวันที่รถไฟฟ้าสามารถขายแซงหน้ารถเครื่องสันดาปก็มาถึง โดยตอนนี้ที่ยุโรปกลุ่มรถซีดานหรูระดับผู้บริหารได้ผู้ครองตำแหน่งแชมป์รถขายดีคันใหม่ ซึ่งนั่นก็คือ Tesla Model S รถซีดานหรูจากเมืองลุงแซม ที่ลูกค้าที่นั่นไว้ใจเรื่องสมรรถนะ ความทันสมัย ความปลอดภัย รวมถึงสถานีชาร์จที่มีแพร่หลายอยู่ทุกที่ทั่วยุโรป

 

Tesla Model S Beat Mercedes-Benz S-Class in Europe
ยอดขายรถพลังถ่านสุดหรูคันนี้โตขึ้นกว่า 30%

 

เพื่อให้เห็นว่า Model S เอาชนะคู่แข่งรถเครื่องสันดาปไปกี่คัน เราจะพูดถึงยอดขายของมันเสียก่อน โดยปี 2017 ลูกค้าผู้รักษ์โลกได้รับมันมาเป็นเจ้าของจำนวน 16,132 คัน พุ่งสูงกว่าปีก่อนหน้า 30% นำหน้าคู่แข่งสัญชาติเยอรมันอย่าง Mercedes-Benz S-Class ที่ขายได้ 13,359 คัน รวมถึง BMW Series 7 จำนวน 11,735 คัน นอกจากนี้ที่ตลาดสหรัฐฯ อันเป็นบ้านเกินมันก็มียอดเพิ่มขึ้นสองเท่า พุ่งมาอยู่ที่ 28,000 คัน

 

Tesla Model S Beat Mercedes-Benz S-Class in Europe
Tesla Model X ขายได้ใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง Porsche Cayenne

 

ทั้งนี้ตลาดเอสยูวีระดับหรูที่ทางผู้ผลิตรถใส่ถ่านมี Tesla Model X ขายแข่งกับ Porsche Cayenne ได้สูสีกันมาก โดยที่อเมริกาขายได้ 24,000 คัน ส่วนยุโรปขายได้ 12,000 คัน อย่างไรก็ตามมันก็ยังตามห่าง BMW X5 กับ Audi Q7 อยู่หลายขุม สำหรับ Tesla Model 3 ตอนนี้ยังไม่ถูกส่งไปขายที่ยุโรป แต่ทางบริษัทก็เผยข้อมูลแล้วว่ายอดจองรถที่สหรัฐฯ พุ่งเกินกว่า 3 แสนคันไปแล้ว

 

Tesla Model S Beat Mercedes-Benz S-Class in Europe
Mercedes-Benz เตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้าตระกูล EQ ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้
Tesla Model S Beat Mercedes-Benz S-Class in Europe
Audi ก็มีการพัฒนารถไฟฟ้าเช่นเดียวกับผู้ผลิตรายอื่น

 

ข่าวนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของวงการยานยนต์ไปตลอดกาล เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าหากผู้ผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปยังไม่ปรับตัวเองให้ทันโลก ไม่นานนักพวกเขาอาจเจอกับภาวะยอดขายตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่จากข่าวที่ออกมาของหลายค่ายก็พบว่า พวกเขามีแผนการสร้างรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายภายในช่วง 2-3 ปีที่จะถึงนี้ และนี่จะส่งผลดีต่อลูกค้าเช่นพวกเราอย่างแน่นอน

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่