ในบรรดารถยนต์ในโลกยุคใหม่ เราเชื่อว่า   Tesla  กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตราตรึงใจใครหลายคน ที่คงจะคุ้นชื่อมายาวนาน ได้ยินความทันสมัยมาระยะใหญ่ จนเริ่มกลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ทรงอิทธิพล มีอานุภาพมากในระดับโลก และทั้งหมดนั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าขาดตัวชูโรงสำคัญ   Tesla Model S 

รถยนต์   Tesla  Model S   ถือเป็นรถยนต์แจ้งเกิดสำคัญของแบรนด์   Tesla  ก่อนจะกลายมาเป็น   Tesla motor  ด้วยซ้ำ มันเป็นที่ต้องการเรียกความสนใจให้โลก หันมารู้จักแบรนด์รถยนต์น้องใหม่สายเลือดรักษ์โลกตัวจริง รถที่สามารถตอบได้ทั้งสมรรถนะการขับขี่และการเดินทางที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ผสานความสปอร์ต และฟังชั่นในการใช้งานอย่างลงตัว 

กว่าจะเป็นมารถรุ่นนี้ การออกแบบ   Tesla Model S   มีมาตั้งแต่ปี 2007  เป็นผลงาานของ ฟราน วอน เฮาชอเซน นักออกแบบที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยทำงานกับมาสด้า บริษัทรถยนต์ผู้มีความคิดการใส่ความเป็นสปอร์ตไปในรถยนต์ทุกรุ่นของบริษัท 

Tesla Model S

แนวคิดของ ฟราน ง่ายมาก เขาต้องการสื่อถึงความทันสมัย ความสปอร์ต ตัวรถจึงถูกขลับการออกแบบให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นในการขับขี่ด้วยเส้นสายอันล้ำสมัยดูแตกต่างจากคู่แข่งมากมายในตลาด จุดเด่นของ   Tesla  Model S   อยู่ที่การออกแบบตัวรถในสไตล์เรือนร่าง   Liftback   นับว่าเป็นความท้าทายอย่างมากต่อการสร้างรถยนต์สักรุ่น ยิ่งเมื่อนับว่าในเวลานั้น   Tesla  อยู่ในระหว่างการตั้งไข่บริษัทก็ยิ่งเห็นถึงความท้าทายของการทำงาน 

รวมถึงด้วยการเป็นบริษัทรถยนต์สมัยใหม่  Tesla  จึงต้องใส่ที่สุดไว้ในรถรุ่นนี้ ด้วยการออกแบบตัวรถที่ไม่เพียงรูปงามเท่านั้น หายังมีค่าสัมประสิทธิเสียดทานอากาศต่ำถึง 0.24 cd   เท่านั้น และมีการยืนยันในภายหลัง เมื่อนิตยสาร   road and Track   ได้ประเมินการออกแบบรถ   Tesla  Model S   แล้วพบว่า มันมีค่าดังกล่าวจริงๆ และครองความเป็นรถผลิตเพื่อการจำหน่ายที่มีค่าสัมประสิทธิเสียดทานอากาศน้อยที่สุดในตลาดวันนี้ 

แรกเริ่มเดิมที   Tesla   ตั้งใจว่า จะทำ   Tesla  Model  S   ออกมา 2 แบบ โดยความคิดแรก ก็เป็นแบบที่พวกเขานำเสนออยุ่ทุกวันนี้ ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วน แต่ด้วยในเวลานั้นยังไม่มีใครเชื่อว่ายุคของรถยนต์ไฟฟ้าก้าวมาถึงแล้ว ทางบริษัทจึงกะว่าจะทำเวอร์ชั่นที่มีเครื่องยนต์สำหรับปั่นไฟฟ้า หรือ  Range Extender   เป็นรุ่นทางเลือก สำหรับลูกค้า และบางตลาดที่ยังอาจจะยังไม่มีศักยภาพพร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 

จนกระทั่งในเดือนกันยายนปี 2008 นาย อีลอน มัสค์ CEO  ของ   Tesla   ออกมาประกาศว่า บริษัทจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพียงเวอร์ชั่นเดียวปัดตกรุ่นเครืื่องยนต์เพิ่มระยะทางออกไป ก่อนจะเริ่มผลิตในโรงงานที่ฟรีมอนต์ ในอีก 2 ปีให้หลังและเริ่มวางขายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2010 

ใต้เรือนร่างสไตล์สปอร์ต ที่มีความยาว  4,978  มม. กว้าง  2,189 มม. (รวมกระจกมองข้าง) ตอบโจทย์ด้วยฐานล้อยาว 2,959 มม. รถยนต์ไฟฟ้า  Tesla  Model  S   ตอบเรื่องการขับขี่ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ที่วางไว้ในตำแหน่งเพลาหน้าและเพลาหลัง มีกำลังรวมสูงสุด 779 แรงม้า ให้แรงบืิด 1,250 นิวตันเมตร  สามารถตอบสนองด้วยการขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อสมรรถนะสูงสุด ขับเคลื่อนด้วยเกียร์เดียว 9.73: 1 

Tesla Model S

โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทาง   Tesla  แนะนำ   Tesla Model S   รุ่น  P 100D   แตกต่างจากรุ่นเดิมด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพลาหลังประสิทธิภาพสูง จนสามารถเร่ง 0-96 ก.ม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.5 วินาที ถือว่าแรงที่สุดในตลาดปัจจุบัน 

เมื่อปีกลายทาง   Tesla   มีการปรับออพชั่น   Tesla  Model S  ใหม่ ลดความซับซ้อนระหว่างรุ่นลงเหลือเพียง 3 รุ่นให้เลือก โดยรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาด 75 กิโลวัตต์ หรือเรียกว่ารุ่น  P75  สามารถขับได้ไกล 401-417 กิโลเมตร ตามการทดสอบโดย  EPA   และอีก 2 รุ่น เป็นรถรุ่นแบตเตอร์รี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ ทาง  EPA   คำนวนว่าจะขับได้ไกล  510-540 กิโลเมตร

ทางด้านการชาร์จไฟฟ้า  Tesla  Model S   มาพร้อม  Wall Charging   กับตัวรถ ซึ่งในรุ่น  แบตเตอร์รี่ 75 กิโลวัตต์ จะชาร์จไฟที่ 240 โวล์ ด้วยแรงดัน 60 แอมป์ โดยใช้เวลาชาร์จจนได้ระยะทาง 400 กิโลเมตร  ในเวลา 7 ชั่วโมง 15  ที่กำลังชาร์จไฟฟ้า 11.57 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง 

Tesla Model S

ส่วนในรุ่น แบตเตอร์รี่ 100 กิโลวัตต์ จะชาร์จไฟฟ้าเร็วกว่า ด้วย  Wall Carger   แบบ   90  แอมป์ ที่แรงดันไฟฟ้า 240 โวลล์  สามารถใช้ไฟฟ้าจนวิ่งด้วยระยะทาง 400 กิโลเมตรได้ในเวลา 4 ชั่วโมง  49 นาที ด้วยกำลังชาร์จไฟฟ้า 17.2 กิโลวัตต์ ต่อชั่วโมง 

ไม่เพียงความสามารถที่เทียบเท่ากับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำให้ รถยนต์ไฟฟ้า   Tesla Model  S   กลายเป็นที่สนใจ หากมันยังมาพร้อมลูกเล่นอันน่าเหลือเชื่อ ด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารให้ดูทันสมัย 

Tesla Model S

Tesla Model S

จุลูกเล่นน่าสนใจให้ใช้ระหว่างการขับขี่มากมาย อาทิ ระบบไฟหน้าปรับการส่องสว่างได้  รวมถึงลูกเล่นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ   Auto Pilot   ที่ทำให้รถรุ่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดันอย่างมากในแง่ของการเป็นผู้นำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในโลกยุคใหม่ ทำงานชุดจอดสั่งการขนาด 17 นิ้วภายในรถ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมความบันเทิง และควบคุมสั่งการตัวรถด้วย 

นอกจากนี้ ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทำให้   Tesla  Model S   มีความจุและพื้นที่ใช้สอยมาก มันมีทั้งที่เก็บของในฝากระโปรงหน้าและที่เก็บของในฝากระโปรงท้าย เบาะนั่งยังสามารถพับได้ในอัตรา 60/40 

เช่นเดียวกับความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ด้วยเบาะคู่หน้าสามารถปรับไฟฟ้าและบันทึกท่านั่งผู้ขับขี่ได้ด้วย แถมยังให้ความสำคัญเรื่องความปลอดด้วยระบบถุงลมนิรภัย มีระบบเบรกป้องกันล้อล๊อค ระบบควบคุมการทรง และระบบป้องกันการลื่นไถลมาให้ด้วย 

Tesla  Model S   นับเป็นตำนานที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าในโลกยุคใหม่ นี่คือรถที่สร้างให้คนเชื่อมั่นว่าในวันหน้ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีความล้ำหน้าในการขับขี่และเหนือกว่าโลกยุคก่อนที่ต้องพึ่งพาพลังงานจากน้ำมัน ในวันนี้รถรุ่นนี้อาจจะยังไม่มีผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย แต่เรามั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้ น่าจะได้เห็นการมาของบริษัทรถยนต์ชั้นนำที่ชื่อ  Tesla  

 


 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”466″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]




 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่