หลายปีทีผ่านมา กระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า อาจจะเพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากกระแสสังคมในโซเชี่ยล แต่ ความจริงแล้ว รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน อย่างที่หลายคนคิด นั่นจึงทำให้ รถประเภท ไฮบริกเสียบปลั้ก ยังได้รับความสนใจ แต่ เมื่อมองรถกลุ่มนี้ คุณจะพบว่า ส่วนใหญ่ แนะนำในรูปแบบ รถอเนกประสงค์ มากกว่า รถเก๋ง

ทำไม รถปลั้ก อิน ไฮบริด จึงเป็นรถยนต์ อเนกประสงค์ มากกว่านั้น อาจจะไม่มี คำตอบที่ชัดเจนนัก

แต่จากจุด เริ่มต้น ของรถยนต์ประเภทนี้ มันเริ่มต้น โดยค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมิตซูบิช ที่ต้องการ จะนำเสนอ เทคโนโลยี หัวเลี้ยวหัวต่อ ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และ ตลาดรถยนต์สันดาป

ทางแบรนด์ จึงนำความสามารถ ของรถยนต์ไฟฟ้า และ ความสามารถของรถยนต์สันดาป มาผนวกไว้ด้วยกัน ก่อเกิด เปฌนเทคโนโลยีไฮบริดเสียบปลั้ก หรือ Plug in Hybrid นำเสนอ ครั้งแรกในรถยนต์อเนกประสงค์ Mitsubishi Outlander ใหม่ ในตลาดยุโรป

ด้วยการเป็นรถยนต์รุ่นแรก จนุึงเป้นราชันย์ แห่งเทคโนโลยีนี้ ทำให้ เมื่อแบรนด์ยุโรป ทำรถยนต์ในลักษณะคล้ายกันออกมา จึงนำเสนอ บนตัวถังรถอเนกประสงค์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะ BMW X5 45e , Mercedes Benz GLe 500e กลายเป็น ขุนพล ตลาดกลุ่มนี้

ก่อนที่ภายหลัง จะเริ่มมาทำในตลาด รถขนาดกลาง และ เรือยลง มาจนถึง รถคอมแพ็คคาร์ ในค่ายยุโรป อย่างที่เราเห้นในวันนี้

แต่เมื่อย้อนไปจุดตั้งต้น ของการเลือกรถอเนกประสงค์มาติดตั้งเทคโนโลยีนี้ ความคิดของทางมิตชูบิช มอเตอร์นั้นเรียบง่ายมาก โดยปกติแล้ว รถอเนกประสงค์จะเหมาะสำหรับใช้เดินทางไกล ขับด้วยความเร็วเดินทาง ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่จึงเหมาะสม

กลับกันเมื่อขับขี่ในเมือง ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ มันจึงกินน้ำมันเยอะ ไม่ค่อยประหยัดเท่าไรนัก ถ้าขับเวียนไปมาในเขตนครหลวง ที่มีความเร็วต่ำ รวมถึงในสภาวะการจราจร แบบขับๆ จอดๆ การออกตัว ด้วยเครื่องยนต์บ่อยครั้ง ต้องเร่งเครื่องบ่อย ทำให้มันไม่ค่อยประหยัดน้ำมัน

ด้วยเหตุนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าจึงเป้นคำตอบ เนื่องจากสามารถสร้างแรงบิดสูงในรอบต่ำ ช่วยให้ออกตัวง่าย รวดเร็ว และใช้งานได้ดีต่อเนื่องในช่วงความเร็วต่ำ รวมถึง ในช่วงการชะลอด ลดความเร็ว ยังสามารถเก็บแรงขับจากล้อ มาสร้างกระแสไฟฟ้าได้ ด้วย

อย่างที่เราบอกไป มิตซูบิชิ ต้องการสร้างเทคโนโลยีหัวเลี้ยวหัวต่อ พวกเขา จึงตัดสินใจ เอา เทคโนโลยีจากรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ทั้ง ชุดแบตเตอร์รี่และมอเตอร์ ทำให้ มันสามารถชาร์จไฟ แบบรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อวิ่งในระยะสั้น (ในเมือง) และ วิ่งทางไกล เมื่อขับขี่เดินทาง ให้พละกำลังมหาศาล เมื่อรวมการทำงานของมอเตอร์และเครื่องยนต์

รวมถึง ยังใช้ไฟฟ้าจ่ายกระแส สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ด้วย กลายเป็น ความสามารถของ Plug in Hybrid ครอบคลุม การใช้งานของรถยนต์อเนกประสงค์ทุกด้าน แถมยังลดความกังวล แบตเตอร์รี่กระแทกใต้ท้องได้เป็นปลิดทิ้ง

จนมันคลอบคลุม ทั้งให้พลัง , เพิ่มความประหยัด เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับตัวรถ ครบทุกด้านที่ลูกค้า ต้องการ และมองหา จากรแบบนี้

อย่างไรก็ดี , SUV PHEV ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีมากมายหลายรุ่นมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่า จะหัวชาร์จ ส่วนใหญ่ยังรองรับแบบ AC เท่านั้น เนื่องจากแบตเตอร์รี่ยังมีขนาดไม่ใหญ่นัก , ระบบรองรับการชาร์จบนรถ ก็ยังไม่เร็วเท่าไรนัก และท้ายสุด ระยะทางการวิ่งไฟฟ้า ก็มักไม่เกิน 100 กิโลเมตร (มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ ที่มีระยะทาง 100 กม. หรือ มากกว่า นั้น )

เมื่อประกอบกับความยุ่งยาก ในการใช้งาน ที่ต้องชาร์จรถเป็นประจำแบบรถยนต์ไฟฟ้า จึงจะประหยัดในการใช้งาน รวมถึง การต้องติดตั้งที่ชาร์จที่บ้าน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

ทำให้ ในปัจจุบัน รถอเนกประสงค์ เริ่มเบนหา สู่ รถยนต์อเนกประสงค์ Hev ลดความวุ่นวายในการใช้งาน และ ยังประหยัดน้ำมันดีไม่แพ้กัน แม้ว่าจะด้อยกว่า ตรงความสามารถในการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนจะน้อยกว่ามาก

หากการลดขนาดแบตเตอร์รี่ ก็ช่วยลดน้ำหนักตัวรถ และทำให้ความสามารถในการสร้างสมดุลตัวรถง่ายกว่า และ สามารถเซทให้นุ่มนั่งสบสาย ไม่ต้องแข็งเพื่อรับน้ำหนักแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ ที่ต้องแบกไปด้วย

นั่นทำให้ นี่อาจจะเป็นยุคสุดท้าย ของ รถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดเสียบปลั้ก ก็ได้ ใครจะรู้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่