หลังจากมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาวานนี้ ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากพลังงานน้ำมัน หรือ ภาษีน้ำมันมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีการขยับราคาน้ำมันขึ้นเนื่องจาก สถานการณ์โลกในเวลานี้
ล่าสุด มีการออกมาเปิดเผย ผ่านเพจข่าว สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าวว่า การขึ้นการจัดเก็บภาษีในครั้งนี้ ส่วนสำคัญมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.กุลยา ตันติเตมิต อธิบดีกรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า มาตรการนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อช่วยให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น หลังจากที่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การปรับขึ้นภาษีน้ำมันสูงสุดลิตรละ 1 บาท จะช่วยให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,900 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับการจัดเก็บภาษีสรรสามิตเพิ่มเติมเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ โดยมีการจัดเก็บผ่านระบบหลังบ้าน เป็นจำนวนเงินสูงสุด 1 บาท ในทุกๆ การเติมน้ำมัน 1 ลิตร ของคนใช้รถยนต์ทั่วไป
โดยสำหรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และภาษีส่วนท้องถิ่น ของน้ำมันประเภทต่างๆมีรายละเอียดดังนี้
- น้ำมันเบนซิน 95 จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 6.50 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 7.50 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1 บาท
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.20 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.00 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.80 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 0.975 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 1.125 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.15 บาทต่อลิตร
- น้ำมันดีเซล จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.92 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.93 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ดี การจัดเก้บภาษีเพิ่มยังไม่กระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศ เนื่องจากมีการปรับ การจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน มีการปรับลดลงตามมติของ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ทำให้ในปัจจุบัน ยังไม่กระทบต่อผู้ใช้
ข้อมูลประกอบข่าวบางส่วน ประชาชาติธุรกิจ