กลุ่มพรีเมียมคอมแพ็คคาร์ไม่ได้มีสิ่งน่าสนใจมาพักใหญ่ ทว่าตอนนี้ Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic ใส่เครื่องเบนซิน 1.3 ลิตร 152 แรงม้า สนนราคา 2,490,000 บาท

ใครจะไปคิดว่ารถรุ่นเล็กสุดภายใต้การสร้างสรรค์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เช่นเจ้า A-Class จะมีอายุยาวนานถึง 20 ปีแล้ว โดยเฉพาะกับ Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic ที่เพิ่งบินลัดฟ้าเพื่อเปิดตัวพร้อมขายให้แก่ชาวไทยในราคา 2,490,000 บาท การมาครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความน่าสนใจมากมาย ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกภายในที่ทันสมัย รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Downsizing ขนาด 1.3 ลิตร แต่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ

บางคนมีข้อสงสัยว่าเจ้า NEW A-Class โฉมซีดานเนี่ยมาแทน CLA ที่ขายอยู่ในปัจจุบันหรือเปล่า? จริงๆ แล้วไม่ได้มาแทนเสียทีเดียว ทางเบนซ์ให้เหตุผลว่าเป็นการเสริมทัพกลุ่มรถพรีเมียมคอมแพ็คของค่ายตราดาวให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่ง A200 AMG Dynamic จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถขนาดกำลังดี เหมาะกับการใช้ในเมือง แล้วเป็นคนที่ชอบขับรถสนุกสนาน รวมถึงใส่ใจว่ารถคันนั้นจะต้องมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตของพวกเขาสะดวกสบายกว่าเดิม

แรกเริ่มว่ากันในประเด็นรูปลักษณ์ภายนอกก่อน จะเห็นว่ากระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และตรายี่ห้อเบนซ์ตรงกลางทำให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED

ไม่รอช้าเปิดประตูก้าวสู่ห้องโดยสาร อย่างแรกที่สะดุดตาเลยก็คือแผงคอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ได้ร่วมสมัย จะเห็นว่ามีหน้าจอขนาด 10.25 นิ้วสองจอติดกัน ฝั่งกลางไว้แสดงระบบสาระบันเทิงรุ่นล่าสุด MBUX ถัดมาเป็นช่องแอร์ทรงคล้ายกับท้ายไอพ่นเครื่องบินเจ็ท พวงมาลัยให้มาแบบมัลติฟังก์ชั่นทรงเดียวกับที่อยู่บน C-Class รุ่นล่าสุด ด้านเบาะนั่งใช้หนัง ARTICO / DINAMICA microfibre ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับจะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40

การเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสารทั้งบริเวณตำแหน่งขับขี่ และคนนั่งด้านหลังทำได้คล่องตัวและกว้างขวางกว่าที่คาดไว้ ผู้เขียนตัวสูงราว 170 เซนติเมตรลองไปนั่งหลังแล้วศีรษะกับหัวเข่าไม่ไปชนเบาะหน้า เหลือพื้นที่ว่างอยู่พอสมควร ส่วนห้องเก็บสัมภาระนั้นมีขนาด 420 ลิตร จากการคาดคะเนมิติความกว้างความลึกเพียงพอจะใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้สบาย

จุดเด่นอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ

  • Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์ ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
  • Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้
  • Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่ อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นฯให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
  • Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
  • Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
  • Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว
  • Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่ ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR   ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
  • Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
  • Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”

สำหรับความปลอดภัยบน A200 AMG Dynamic มีระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยสามารถ ลดความเสียหายหรือป้องกันการพุ่งชนกับรถยนต์ข้างหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอหรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน

มาถึงประเด็นหัวใจหลักของ A200 นี่เป็นครั้งแรกที่เบนซ์ไทยแนะนำขุมพลังขนาดเล็กบนพรีเมียมคอมแพ็ค เพราะให้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาดเล็ก 1,332 ซีซี (1.3 ลิตร) ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620 รอบ/นาที มีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำ 119-124 กรัมต่อกิโลเมตร และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg src=”galleries” ids=”1223″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่