หันหน้าไปทางไหนตอนนี้ก็มีแต่ข่าวคราวของการเปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นใหม่เต็มไปหมด โดยล่าสุด Lexus แบรนด์รถหรูภายใต้เครือโตโยต้าก็ได้เข็นคอมแพ็คเอสยูวีรุ่นเล็กสุด อันมีนามว่า UX ที่มาพร้อมการติดตั้งเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร Dynamic Force กับระบบเกียร์ CVT รุ่นใหม่ล่าสุด และที่สำคัญคือมีบล็อกไฮบริดรุ่นห่วงใยสิ่งแวดล้อมมาให้เลือกอีกด้วย

 

Lexus UX

Lexus UX

 

รถคอมแพ็คเอสยูวีร้อนจากแบรนด์หรูภายใต้เครือโตโยต้าอย่าง Lexus UX น้องเล็กสุดถูกนำมาแสดงโชว์พร้อมข้อมูลแบบละเอียดที่งาน Geneva Motor Show 2018 เป็นที่เรียบร้อย โดย UX ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่อยู่ในเมืองเป็นหลัก ทว่าต้องการครอสโอเวอร์เอสยูวีขนาดกะทัดรัดที่วิ่งใช้งานนอกเมืองอันเพียบพร้อมด้วยความหรูหรา 

 

ถ้าถามว่า UX มีคู่แข่งหลักเป็นรถคันใดบ้าง ง่ายๆ เลยก็หนีไม่พ้น BMW X1 กับ Mercedes-Benz GLA สองรถหรูจากเยอรมัน แต่สิ่งที่ทำให้ UX โดดเด่นก็คือมันถูกสร้างบนพื้นฐานใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Global Architecture – Compact (GA-C) ที่ทางเลกซัสเคลมว่าโครงสร้างใหม่นี้มีความแข็งแรงสูง ทว่ามีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อสร้างความมั่นคงในการขับขี่ นั่นทำให้ UX มาพร้อมความคล่องแคล่วสูงทว่ายังนั่งแล้วรู้สึกสบาย

 

Lexus UX Lexus UX

 

เมื่อดูข้อมูลอย่างละเอียดจะพบว่ามิติของ UX มีความยาว 4,496 มม. ระยะฐานล้อ 2,639 มม. โดยเมื่อเทียบกับ NX มันจะสั้นกว่าเพียง 144 มม. ส่วนฐานล้อน้อยกว่าแค่ 21 มม. ทีนี้การออกแบบด้านหน้ารถก็มีลักษณะตรงตามดีไซน์ของรถเลกซัสในยุคปัจจุบัน ที่มีกระจังหน้าลายรวงผึ้งทรงนาฬิกาทรายและแปะโลโก้ยี่ห้ออันโตไว้ตรงกลาง ขณะเดียวกันไฟหน้าแอลอีดีที่ในโคมมีหลอด 3 ดวงก็ดูเข้มไม่ซ้ำใคร และที่เห็นแล้วต้องร้องว้าวก็คือไฟท้ายแอลอีดีแนวยาวที่มองดูแล้วลงตัวแถมเท่เหลือเกิน

 

Lexus UX

 

หากคุณจำภาพภายในของ NX กับ RX เอสยูวีรุ่นใหญ่กว่าของเลกซัสได้ ทันใดที่คุณเห็นภายในของ UX รุ่นล่าสุดก็จะรู้ทันทีว่ามันต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากมองผ่านๆ จะรู้สึกว่ามันเรียบง่าย แต่ถ้าพิจารณาแบบละเอียดจะเห็นได้ชัดว่าทุกสัดส่วนมีการตกแต่งอย่างประณีต ด้วยวัสดุบุนุ่มกับหนังสัมผัสดี ขณะเดียวกันบริเวณช่องแอร์ก็มีการติดตั้งลูกบิดปรับอากาศที่มีระบบไฟแอลอีดีสร้างบรรยากาศ โดยจะถูกคุมผ่านระบบไร้สายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สั่นในความถี่เท่ากัน ซึ่งจะใช้หลักการเดียวกับไฟท้ายแอลอีดีที่ติดตั้งอยู่บนรถ

 

Lexus UX
ภายในของ UX มีการนำศิลปะญี่ปุ่นมาสอดแทรกไว้ได้อย่างลงตัว

 

ยิ่งไปกว่านั้นภายในของ UX ก็ถ่ายทอดศิลปะจากญี่ปุ่นได้ดีเยี่ยม ด้วยรูปแบบของลายเบาะหนังที่มีให้เลือก 2 แบบ 4 สี โดยแบบแรกได้แรงบันดาลใจมาจากกระดาษญี่ปุ่นที่เรียกว่า washi สร้างขึ้นโดยใช้กระบวนการชุบสแลช จนได้พื้นผิวที่ให้รู้สึกสงบและอบอุ่น และอีกแบบจะเป็นหนังชนิดเดียวกับที่ใช้บนรถสปอร์ตอย่าง LC รวมถึงรถหรูสุดอย่าง LS 

 

Lexus UX
ในรุ่น F-Sport จะมีพวงมาลัยก้านอวบกับการตกแต่งที่ดูดุดัน
Lexus UX
สีภายในมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ขาว กับ แดง

 

รุ่นย่อยของ UX ที่จะออกจำหน่ายมีให้เลือกทั้งสิ้น 2 แบบ ได้แก่ UX 200 กับ UX 250 Hybrid โดยรุ่น UX 200 จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรรุ่นใหม่ล่าสุด Dynamic Force ที่มีแรงม้าทั้งสิ้น 168 ตัว อันมีการเพิ่มหัวฉีดคู่ ปรับสัดส่วนกำลังอัดให้สูงขึ้น แถมออกแบบระบบระบายความร้อนใหม่หมดจนได้ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงถึง 40% จากนั้นจึงส่งพลังทั้งหมดผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift ซึ่งใช้ฟันเฟืองมาส่งกำลังในช่วงออกตัวแทนที่สายพานแบบปกติ ผลลัพธ์คือตอนออกตัวทำได้รวดเร็วไม่มีอาการหน่วง แต่ในช่วงความเร็วคงที่หรือรอบสูงรถก็มีความประหยัดเพิ่มขึ้นด้วยการใช้สายพาน

 

กรณีของรุ่น UX 250 Hybrid จะได้พลังม้าจำนวน 176 ตัว ที่มีระบบไฮบริดรุ่นใหม่ซึ่งเบา เล็ก และมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ย้ายแบตเตอรี่ไปติดตั้งตรงใต้เบาะหลังพร้อมกับเพิ่มระบบความร้อนด้วยน้ำให้แก่แบตฯ ผลที่ได้คือรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น และจุดศูนย์ถ่วงก็ต่ำลงจนขับขี่ได้สนุกมั่นใจกว่าเดิม 

 

Lexus UX
UX ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift ที่ใช้ฟันเฟืองส่งกำลังในช่วงรอบต้น

Lexus UX

 

อีกหนึ่งไฮไลต์ของรุ่น UX 250h คือการที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนกำลังสู่ล้อหลัง ขณะเดียวกันก็กระจายกำลังระหว่างเพลาด้านหน้า และด้านหลังที่ปรับให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติเมื่อเร่งตอนเลี้ยวหรือขับรถบนพื้นผิวลื่น ยิ่งไปกว่านั้นหากระบบตรวจพบว่าล้อหลังเกิดศูนย์เสียการควบคุม ระบบจะส่งกำลังไปที่ล้อหลังเพิ่มขึ้น 80% ที่ความเร็วสูงเกิน 70 กม. / ชม. เพื่อรักษาเสถียรภาพของรถ

 

ในแง่ของการประหยัดพลังงานทางเลกซัสได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้แก่ UX 250h ที่เรียกว่า Predictive Efficient Drive ซึ่งเป็นระบบที่วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่สภาพถนน และตรวจดูการจราจรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จไฟกลับหรือคุมการถ่ายประจุของแบตเตอรี่ไฮบริด ซึ่งยิ่งมีการรถไปมากเท่าใดข้อมูลก็จะถูกเก็บมากขึ้นจนระบบรู้ว่าควรใช้พลังงานอย่างไรให้ประหยัดสูงสุด และแน่นอนผู้ขับขี่สามารถเปิดปิดการใช้งานระบบนี้ได้

 

ท้ายสุดคงมีคำถามว่ารถคันขายจริงของ UX จะลงสู่สนามจริงเมื่อไหร่ ตอนนี้มีข้อมูลแน่ชัดแล้วว่ามันจะเริ่มขายที่สหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรกภายในเดือนธันวาคมปีนี้ สำหรับตลาดไทยเราคาดว่าคงได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกันช่วงปี 2019 แต่จะมาต้นปี กลางปี หรือปลายปียังไม่มีความชัดเจนในตอนนี้

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”499″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่