ย้อนไปเมื่อปลายปีก่อน Kawasaki ประเทศไทย ได้มีการจัดแสดง Kawasaki Ninja e-1 รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันแรกของบริษัทให้ชาวไทยได้ชมกัน และในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมาก็เป็นอีกครั้ง แถมคราวนี้ทางผู้บริหารยังมีการเปรยราคาสำหรับการวางจำหน่ายในบ้านเราเอาไว้แบบคร่าวๆด้วย

Kawasaki Ninja e-1 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในทวีปยุโรปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2023 ที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่นคือการใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Ninaja 250/Ninja 400 ที่ชาวไทยหลายคนรู้จักกันดี แถมยังยกเอาชิ้นส่วนเปลือกนอกของตัวรถมาใช้แทบทุกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ไฟหน้า แฟริ่งรอบคัน ยันบังโคลนด้านท้าย

ขณะที่ชุดล้อ กลับเปลี่ยนไปใช้ของ Kawasaki Ninja 125 หรือที่บ้านเราเคยรู้จักกันในชื่อ Kawasaki Ninja 250 SL เพื่อให้มันสามารถใช้ร่วมกับยางที่เบาลง นั่นคือ ขนาด 100/80-17 และ 130/70-17 ตามลำดับหน้า-หลัง

และระบบกันสะเทือนหน้า-หลัง แม้จะยังคงเป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้ง และโช้กต้นเดี่ยวทำงานร่วมกับกระเดื่องทดแรง และสวิงอาร์มเหล็กกล่องแขนคู่ แต่มันก็จะต้องถูกปรับเซ็ทใหม่ เพื่อให้รับกับน้ำหนักที่เบาลงกว่าร่างต้นถึงเกือบ 30 กิโลกรัม เหลือเพียง 140 กิโลกรัมเท่านั้น

ในส่วนของถังน้ำมันเดิม ได้ถูกถอดออกไป แล้วเปลี่ยนใหม่ เป็นพื้นที่สำหรับใส่แบตเตอรี่ขนาดความจุ 30 Ah น้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม และใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ใน 3.7 ชั่วโมง จำนวน 2 ลูก ทำให้มันสามารถวิ่งได้ไกลสุดราวๆ 72 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WMTC และเหนือสล็อตเสียบแบตเตอรี่ก็จะเป็นที่เก็บของอีกขนาด 5 ลิตร

ด้านขุมกำลังหลังอย่างตัวมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดรถมา ก็มีแรงบิดสูงสุด 40.5 นิวตันเมตร ที่ 0-1,600 รอบ/นาที เทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์คลาส 400cc – 500cc ส่วนตัวเลขแรงม้าสูงสุด อยู่ที่ 12 PS ที่ 2,600-4,000 รอบ/นาที ในโหมด ROAD Mode + e-boost เท่านั้น รวมถึงความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ 99 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สามารถทำได้เฉพาะในโหมดนี้เช่นกัน

โดยหากเป็นการขับขี่ด้วยโหมดปกติ มอเตอร์จะดร็อปกำลังลงเหลือราวๆ 8 แรงม้า เพื่อการประหยัดพลังงาน และความเร็วสูงสุดก็จะถูกลดหลั่นลงไปด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดออกมา

และเนื่องจากดั้งเดิม ตัวรถรุ่นนี้ และคู่แฝดร่างเนคเก็ทไบค์ของมันอย่าง Kawasaki Z e-1 ต่างก็ถูกขึ้นไลน์ผลิตในไทยอยู่แล้ว ก่อนที่จะส่งออกไปวางจำหน่ายในยุโรป ทางผู้บริหารจึงยืนยันว่ามันเองก็จะถูกนำมาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วยเช่นกัน โดยมีการประเมินราคาวางจำหน่ายคร่าวๆเอาไว้ว่าจะอยู่ที่ช่วง 2.5 – 2.7 แสนบาท และจะพร้อมวางขายอย่างเป็นทางการ ภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่