ท่ามกลางกระแสภาวะโลกร้อน เราจะเห็นได้ว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทำให้โลกเรามีการเปลี่ยนแปลมากมาย ไม่ว่าจะอากาศร้อนขึ้น หรือจะพายุที่รุนแรง แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกมุม ทีแม้จะเรียกว่าไม่น่ามีทางเป็นไปได้ในความจริง หากถ้าเมืองไทยหิมะตก จะขับรถกันอย่างไร

ประเด็นนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อตอนไปญี่ปุ่น ผมขับรถท่ามกลางหิมะ พร้อมตั้งคำถามว่า ถ้าวันหนึ่งฟ้าฝนเกิดบ้าปั่นป่วนขึ้นมาจริง จนหิมะตกในเมืองไทย พวกเราจะต้องใช้ชีวิตกันอย่างไร เพื่อจะฝ่าสภาพอากาศสุดขั้น ที่น้อยคนนักจะเคยผ่านบทบาทเช่นนี้ 

ยกเว้นคนที่เดินทางไปเมืองนอก หรือเคยไปใช้ชีวิตอยุ่ที่นั่น แล้วคุณอยากรู้ไหมว่า ในsbมะตก เขาใช้รถกันอย่างไรหรือไม่

ยางหิมะ มิตรคู่ใจคนขับรถหน้าหนาว

ด้วยความที่บ้านเรายังไม่มีหิมะ หรือไม่แม้แต่คำว่าเข้าใกล้จุดเยือกแข็ง หากในภาวะอากาศหนาวเย็นสุดขั้ว ยางรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญประการแรกที่จะต้องเตรียมการ

ยางหิมะ หรือ   Snow Tire   เป็นยางรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีขายในไทย ถูกออกแบบให้มีความสามารถในการใช้ในภาวะอุณหภูมิต่ำ ตั้งแต่ 7องศาเซลเซียส ลงไป โดยจะมีดอกยางลึกกว่าเป็นพิเศษ  ใช้เนื้องยางแบบพิเศษที่เรียกว่า   Hydropilic   รวมถึงยังออกแบบลักษณะดอกยางให้สามารถขุดหิมะได้ด้วย

ตัวยางหิมะ ช่วยป้องกันการลื่นไถลระหว่างการขับขี่ได้ดี เมื่อใข้ยางปกติทั่วไปในช่วงอุณหภูมิต่ำ ยางจะไม่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี เมื่อไม่มีอุณหภูมิจากการเสียดสีมากพอ

ดังนั้น คนเมืองหนาวจึงจะมียางรถยนต์ 2 ชุดในบ้าน ชุดแรก คือชุดใช้งานในฤดูปกติ อาจจะเป็นยาง   Summer  หรือ   All Season Tire   อีกชุด เป็นยางหิมะ หรือยางฤดูหนาว  เปลี่ยนใช้ในช่วง 3-4 เดือน สั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ปกติ เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่หน้าร้อน

ในกรณีที่คุณไม่ใช้ยาง Snow Tire ก็ต้องมีอุปกรณ์แบบนี้ เพื่อช่วยในการเกาะถนนมากขึ้น

AWD   เพิ่มความมั่นใจ ทางไหนก็ไม่หวั่น

ในเมืองไทย เราอาจจะมองว่ารถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ประเภท  All Wheel  Drive อาจไม่เป้นที่นิยม และหลายคนมองว่ารถที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบนี้ดีแต่จะกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น

ด้วยการเกิดเป็นรถ AWD ทุกรุ่นตั้งแต่ออกจากโรงงาน Subaru จึงเป็นที่นิยม สำหรับคนชอบทำกิจกรรมหน้าหนาวในญี่ปุ่น

แต่เมื่อคุณมีโอกาสไปขับรถในเมืองหนาว ที่มีหิมะตกเป็นประจำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ถือเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ดีควรมีติดตัวไว้ เนื่องจากสภาพการขับขี่ในถนนที่มีหิมะ จะเกิดการลื่นไถลได้ง่ายกว่าปกติ แม้ว่าการใส่ยางหิมะทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัวจะเรียกว่าพอเพียงต่อการขับขี่

หากในภาพความเป็นจริงอีกมุมหนึ่ง ในหลายสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นรถเกิดเสียการทรงตัวอย่างรุนแรง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะช่วยในการแก้ไขสถานการณ์ในการขับขี่ได้ดีกว่า รถขับเคลื่อนสองล้อ ซึ่งอาจจะต้องอาศัยทักษะในในการขับขี่ของคนขับเข้าช่วยในสถานการณ์ด้วยส่วนหนึ่ง

กินน้ำมันและสึกหรอกว่า

หลายคนคิดว่า อากาศร้อนๆ ของบ้านเรา ทำให้รถที่เราใช้ซดน้ำในมากกว่าปกติ ซึ่งก็เป็นความจริงสำคัญข้อหนึ่ง แต่กลับกันในภาวะเมืองหนาวจัดหิมะตก รถก็กินน้ำมันมากกว่าเช่นกัน

การใช้ในช่วงที่มีอุณหภูมิต่ำมาก เครื่องยนต์จำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างดี เนื่องจากน้ำมันเครื่องนั้นจะหล่อลื่นได้ไม่ดีเท่ากับในภาวะอากาศเขตร้อน

เช่นเดียวกันอากาศที่เย็นมากทำให้การทำงานในภาวะ   Cold start   จะนานกว่าปกติ มันเป็นช่วงที่เครื่องยนต์พยายามอุ่นตัวเอง เพื่อให้อยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการทำงาน การติดเครื่องในภาวะเย็นจัดต้องทำการอุ่นเครื่องนานมากกว่าในบ้านเรา

นับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการกินน้ำมัน โดยไม่เกิดจากการขับขี่ แม้กับเครื่องยนต์ไฮบริดเองก็ตามจะต้องติดเครื่องยนต์เป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์เย็นเกินไป ในระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน

ฮีทเตอร์ของจำเป็น..ต้องมี

รถยนต์บางรุ่นในไทย ไม่มีการติดตั้งระบบฮีทเตอร์มาให้ลูกค้า เนื่องจากมองว่าเป็นของที่ไม่ได้ในประเทศไทย ในภาวะเมืองหนาว ฮีทเตอร์เป็นมิตรแท้ของพวกเรา

อากาศที่หนาวเหน็บภายนอก คุณคงไม่อยากขึ้นรถมาแล้วพบว่าอากาศภายในห้องโดยสารเย็นเฉียบใช่ไหม การรักษาอุณหภูมิในห้องโดยสาร จึงเป็นหน้าที่ของระบบฮีทเตอร์ ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศภายในรถ

ฮีทเตอร์ในรถยนต์  คล้ายกับระบบแอร์ที่เรารู้จักกันดี แตกต่างเพียงเปลี่ยนจากน้ำยาแอร์ เป็นน้ำจากหม้อน้ำที่หมุนวนในเครื่องยนต์ มาเวียนผ่านชุดคอยย์ เพื่อเอาความร้อนของหม้อน้ำมาทำความอบอุ่นให้ห้องโดยสาร  และยังช่วยกระจายความร้อน ลดภาวะบางประการ เช่นฝ้าที่กระจก ทำให้ยากต่อการขับขี่

ปัจจุบันความสามารถฮีทเตอร์สามารถใช้ได้มากกว่าเพียงเป่าตัว รถบางรุ่นออกแบบให้เบาะนั่งคู่หน้าสามารถอุนร้อนเพื่อเพิ่มความสบายของการโดยสารในช่วงหน้าหนาวด้วย บ้านเราอาจะไม่เห็นค่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ แต่ถ้าคุณอยู่ในเมืองหนาว คงจะต้องการมันไม่น้อย

การดูแลรถที่ขับในหิมะ

หิมะที่ตกในช่วงกลางคืน อาจจะทำให้รถที่คุณใช้อยู่ในสภาพกลายเป็น ไอติม Toyota แบบที่ผมเจออยู่นี้

การดูแลรถที่ผ่านการใช้ในภาวะหิมะสำคัญมากไม่แพ้กันกับเรื่องอื่น เริ่มตั้งแต่ก่อนจอด ผมสังเกตุว่า เขาจะต้องยกใบปัดน้ำฝนขึ้น เข้าใจว่าเพื่อไม่ให้หิมะเกาะตัว หรืออากาศเย็นจัดบนกระจก ทำร้ายยางปัดน้ำฝน (แต่ไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อที่ถูกหรือผิดนะ)

ต่อมาเมื่อตื่นเช่ามาแล้วพบว่ารถคุณกลายเป็นไอติม ถ้าคุณไม่อยู่ในภาวะหิมะแข็งตัว (อากาศไม่เย็นมาจากจนติดลบมากๆ) คุณต้องมีไม้กวาดหิมะ เอาเจ้าหิมะตัวป่วนที่เราชบออกจากหน้ากระจกทั้งหมด

ไม้กวาดหิมะนี้ ด้านหนึ่งจะเป็นแปรงขนอ่อน อีกด้านจะเป็นที่รีดน้ำ คล้ายที่เราเช็ดกระจก ให้เริ่มจากการใช้แปรงปัดหิมะออกก่อน แล้วจึงใช้ที่รีดกระจกรูดคราบน้ำออก ที่เหลือ คุณสามารถให้ลมที่พุ่งเข้าหารถในระหว่างการขับขี่ช่วยจัดการอีกทอดหนึ่งก็ได้

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เมืองหนาวมักจะมีโรงรถในบ้านที่ปิดมิดชิด เพื่อไม่วุ่นวายในการมานั่งเช็ดรถในตอนเช้า

นอกจากการกวาดหิมะที่ผมไปเจอมาแล้ว ถนนที่เราขับนั้นยังมีการโรยเกลือเพื่อละลายหิมะที่ตกลงมา และหิมะที่ละลายเป็นน้ำบนถนนที่นอกจากจะทำให้ลื่นได้แล้ว ยังเป็นน้ำผสมเกลือ จากที่หน่วยงานทางถนนใช้ ทำให้คุณจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดรถมากเป็นพิเศษ เมื่อผ่านฤดูหิมะอันหนาวเหน็บ

วินัยเคร่งครัด

อาจจะด้วยบ้านเมืองเราไม่เคยอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ การเคารพกฎหมายจราจรจึงดูไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมายนัก  ถ้าคุณขับรถโดยไม่เคารพกฎในเมืองหนาว ผลที่ตามมาอาจจะเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณ และครอบครัว รวมถึงผู้อื่นด้วย

การปฏิบัติตามกฎจราจรในระหว่างการขับท่ามกลางหิมะ เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด อย่างเคร่งครัด หรือ การปฏิบัติตามข้อจำกัดอื่นๆ เช่น การกำหนดเขตห้ามแซง และสัญญาณไฟเขียวไฟแดง ไปจนถึงการระวังในทางร่วมทางแยก

 เนื่องจากการบังคับรถในช่วงหิมะตก จะควบคุมยากกว่า โดยเฉพาะการเบรกลดความเร็ว หรือหยุดรถ จะมีอาการคล้ายหน้าฝน คือ อาจจะเกิดการลื่นไถลได้ง่าย

คำแนะนำผม เมื่อขับรถในหิมะ คือ
1.ไม่ขับจี้คันหน้า (เป็นส่วนหนึ่งที่ตอบว่าทำไม ระบบ Adaptive Cruise Control แม้ตั้งค่น้อยสุดก็ยังเว้นห่างอยู่ดี)

2.ไม่เบรกรถอย่างรุนแรง เนื่องจากจะทำให้รถเสียหลักได้ง่าย

ถ้าถามว่าวันหนึ่งเมืองไทย หิมะตกจะเป็นอย่างไร คงต้องยอมรับว่า เราจะป่วนกันไม่น้อย เพราะบ้านเมืองเราไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน บางทีผมก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่บ้านเรามีอากาศแบบปัจจุบัน มันไม่วุ่นวายดี แต่บางสิ่งที่ดีจากเมืองหนาว เช่นการเคารพการขับขี่ ก้ควรนำมาปรับใช้กับในเมืองไทยได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่