ในตลาดปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์แบบ MPV เริ่มกลายมา เป็นที่นิยม สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะ คนที่มีครอบครัว หรือ บ้านมีผู้สูงอายุ ตลาดกลุ่มนี้ มี Mitsubishi Xpander เป็นตัวยืนสำคัญในตลาดทางอาเซียน ในหลายประเทศ รวมถึงไทย และวันนี้มันมาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

Mitsubishi Xpander HEV

Mitsubishi Xpander HEV กลายเป็นรถที่ได้รับการจับตามาตั้งปต่ มีการประกาศแผนออกมาจากทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ ว่าพวกเขาจะลงเล่นตลาด กลุืมนี้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่น่าใช้มากขึ้่น วันนี้การรอคอยสิ้นสุดแล้ว เพราะเราได้ไปลองสัมผัสกันแล้วในเบื้องต้น

ตัวตนที่ไม่ต่าง

ตอนมาชมครั้งแรก ต้องบอกว่า ในความรู้สึกส่วนตัว มันดูไม่ต่างจากรุ่นที่เคยวางจำหน่าย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง มาสู่รุ่น เกียร์ CVT ที่มีการปรับ หน้าตา เพิ่มความน่าใช้งานมากขึ้นตามลำกับมากขึ้น ทั้งในรุ่นพ่อบ้าน และ พ่อบ้านพร้อมลุย

ในรุ่นใหม่ ทางมิตซูบิชิ ไม่ได้ยุ่งกับงานออกแบบตัวรถเลย พวกเขายังคงเสน่ห์ ที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตดุดันพร้อมใช้งานเอาไว้อย่างเหนียวแน่น หน้าตารถ เรียกว่า เหมือนเดิมทุกระเบียบนิ้ว

Mitsubishi Xpander HEV

แต่เพื่อความลงตัว และบ่งบอกความเป็นไฮบริด จึงเพิ่มตราเข้ามา เริ่มจากทางด้านหน้า มีตราสัญลักษณ์ HEV ทางด้านข้างมีตราแบบเดียวที่นำเสนอ ในรถ PHEV แต่งงวดนี้เปลี่ยนเป็น Hybrid EV

ชุดล้อมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย เพื่อให้ลงตัวมากขึ้น และชุดยาง ยังคงเป็น Bridgestone EP150 ทว่า ถ้าดูให้ลึกไป จะพบง่ามันเป็นยางที่มีสูตร Enliten สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบรืดนั่นเอง

Mitsubishi Xpander HEV

ภายในก็เช่นกัน รวมๆ มองเผินๆ ก็เหมือนเดิม แต่จุดที่แตกต่า่งจริง คือ แผงมาตรวัดตรงหน้าคนขับ ที่แสดงผลเป็นจอภาพ TFT ให้ข้อมูลครบถ้วน ใช้ธีมสรีน้ำเงิน ตรงความเป็นไฮบริด

Mitsubishi Xpander HEV

นอกนั้น รายละเอียด อืนๆ ยังเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

Full Hybrid ที่เหนือกว่า

ด้านการเปลี่ยนแปลงสำคัญ อยู่ที่การพัฒนาระบบขับเคลื่อน ใหม่ที่เรียกว่า Mitsubishi e:Motion มิตซูบิชิ ค่อนข้างภาคภูมิใจ กับความสำเร็จนี้อย่างมาก

ตามการเปิดเผย ระบบนี้ เป็นการพัฒนา โดยจับเอาระบบ PHEV ที่อยู่ใน Outlander มาตัดบางฟังชั่นลงไป เพื่อให้มันเป็นไฮบริด ที่มีราคาถูกลง และเหมาะสมกับราคาขาย ต่อกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

ระบบนี้ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร ที่มีการพัฒนามาจาก เครื่องเดิม 4 สูบ 1.5 ลิตรประกอบเข้ากับ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น

ระบบ Mitsubishi e:Motion นั้น แปลก และแตกต่าง ด้วยความสามารถในการขับเคลื่อนได้ 3 โหมด ได้แก่

  • โหมดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ล้วน
  • โหมดขับเคลื่อน ด้วยมอเตอร์ และเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้า
  • โหมดเครื่องยนต์ขับเคลื่อน และมอเตอร์ทำหน้าที่คู่ขนาน

โดยทั้งสามโหมด ออกแบบมาให้ทำงานสลับ อัตโนมัติ ตามความเหมาะสมกับสภาพเส้นทางและการขับขี่

นอกจากนี้ ยังมี โหมดการขับขี่มากถึง 7 โหมด ได้แก่

  • โหมดสำหรับชาร์จแบตเตอร์รี่
  • โหมด ใช้การขับไฟฟ้าล้วน

ส่วนการขับบนถนน ประกอบด้วย

  • โหมด ธรรมดา
  • โหมด Tarmac
  • โหมด Wet

ที่เหลือ จะเป็นโหมด สำหรับการขับขี่ทางลุย เอาใจคนชอบความสมบุกสมบัน แม้ว่ารถคันนี้จะไม่ใช่ขับเคลื่อนสี่ล้อก็ตามที

ในการทดลองขับวันนี้ เป็นการขับในสนามทดสอบ โดยแบ่งเป็นการขับบนถนน หรือ On Road และ การขับขี่ในสนามลุย และ Off Road

เน้นไปที่การนำเสนอตัวรถว่ามีความสามารถอะไรบ้าง ในเบื้องต้น วันนี้เราจึงยังไม่ทราบหลักการสำคัญของ ระบบในแง่การทำงานของระบบ

สถานีแรก เป็นการขับ On Road โดยเราใช้ความเร็ว ราวๆ 50-60 ก.ม./ช.ม. เพื่อสำรวจการทำงานของช่วงล่างผ่านการเข้าโค้งในรูปแบบต่างๆ

สิ่งที่มิตซูบิช พยายามจะบอกเราเสมอ ถึงการเปลี่ยนแปลง ใน Mitsubishi Xpander และ Xpander Cross HEV ใหม่ คือ พวกเขา ทำงานอย่างหนักในการปรับปรุงช่วงล่างให้ตอบสนองดีขึ้น

อันที่จริง ระบบไฮบริดของมิตซูบิชิ มีความแตกต่างจากเจ้าอื่น ตรงพวกเขา เอาแบตเตอร์รี่มาไว้ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหน้า เพื่อกระจายน้ำหนักและสมดุลตัวรถ ให้ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเห็นว่า แบตเตอร์รี่มาอยู่ที่ใต้เบาะนั่ง หากก้น่าประทับใจไม่น้อยเช่นกัน

ในรอบแรก เราออกตัว ด้วยโหม Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไป ในแต่ละโหมด ของ Mitsubishi Xpander HEV ใหม่ จะปรับ การตอบสนองดังนี้

  • พวงมาลัยไฟฟ้า
  • ระบบ AYC
  • ระบบควบคุมการทรงตัว
  • การตอบสนองคันเร่ง

การขับในโหมด Normal จะให้ความรู้สึก นั่มนวลสบาย ช่วงล่างตัวรถ ดูจะมีความนุ่มกว่า การเปลี่ยนแปลงในปีก่อนหน้านี้ ที่มีการปรับเป็นระบบเกียร์ CVT

หลังจากผ่านโค้งรอบแรกมาได้ ผมค้นพบว่า ตัวรถค่อนข้างตอบสนองดีขึ้น โดยเฉพาะ การเซทติ้งพวงมาลัย ให้ค่อนข้างคมไม่ยาน มีความรู้สึกสปอร์ต

Mitsubishi Xpander  Cross HEV

โดยในรอบที่ 2 ทางทีมมิตซูบิชิ จะให้เราลองใช้ โหมด สปอร์ตที่เรียกว่า Tarmac บางคนอาจสงสัย ทำไม เรียกแบบนี้ นั่นเพราะ ทางทีมใช้การเรียกแบบ การแข่งแรลลี่ ให้ลูกค้า รู้สึกมีถึงความเป็นมิตซูบิชินั่นเอง

พอปรับ ทาร์แมค วิ่งในทางเดียวกัน อาการของพวงมาลัย มีน้ำหนักขึ้น จนรู้สึกถึงความคมขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้การปรับ AYC และระบบควบคุมการทรงตัว ทำให้หน้าจิกโค้ง เข้าโค้งแม่นยำมากขึ้น จนสัมผัสได้

ในโค้งเดียวกันกับที่ขับรอบก่อนหน้านี้ สามารถใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นได้อย่างมั่นใจ

ขับทดสอบ Mitsubishi Xpander HEV

ยิ่งเมื่อลองกระทืบคันเร่งออกตัว การตอบสนองของระบบไฮบริด ดูจะพยายามรีดทุกเม็ดออกมาหใ้ใช้กันอย่างสบายๆ จนใครจะคิดว่ าพ่อบ้านคันนี้ มันจะขับสนุกได้เพียงนี้

ในรอบนี้เพื่อให้ เห็นภาพความแตกต่าง การขับบนทางเปียก ระหว่าง การขับธรรมดา ที่ต้องใช้การควบคุมจากผู้ขับขี่มากเป็น พิเศษ เราได้ ลองโหมด Wet สั้นๆ

ขับทดสอบ Mitsubishi Xpander HEV

สถานี้ จำลองว่าเราขับมาด้วยความเร็ว แล้วเข้าโค้งที่มีพื้นเปียก ในรอบแรกที่ขับ โหมด Normal จะรู้สึกได้ ถึงการลื่นไถล หากด้วยความสามารถของระบบควงคุมการทรงตัว ก็จัดการให้อยู่หมัดใต้อาณัติ การควบคุม

ในรอบที่ 2 เราปรับมาใช้โหมด Wet ขับในทางโค้งเดียวกัน อาการรถมั่นใจกระชับ และเลี้ยวแม่นยำกว่า ส่วนสำคัญ กฌมาจากโหมดนี้ จะปรับการสั่งการ AYC ให้ตอบสนองเร็วขึ้น

ตอนเลี้ยว ในทางโค้งหักศอกนี้ลื่นๆ กล้าพูดว่า รถช่วยจัดการให้ จนรู้มั่นใจ ไม่มีความรู้สึกว่าอาการลื่นไถลเอาไม่อยู่ หากเปรัยบเทียบกับ รอบแรก ที่ได้ขับ

พร้อมลุยออฟโรด

จากการขับบนถนน มิตซูบิชิ คงคืด รถเรามันทำอะไรได้มากกว่านี้ และ ดีเอ็นเอ มิตซูบิชิ พวกเขารู้แล้วว่า มันคือความเป็นรถแรลลี่ ที่ฝังอยู่ใจหลายคน ทางมิตซูบิชิ จึง ต้องการสื่ออกมันมาในรถที่พวกเขาสร้าง

แม้ความจริง คงจะน้อยคนที่จะเาอเจ้า Mitsubishi Xpander HEV ไปลุยบุกป่าฝ่าดง แต่ความจริงแล้ว ลูกค้าสายครอบครัวจำนวนไม่น้อย ก้ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ทางมิตซูบิช เห็นว่า เรื่องนี้น่าขะถูกใจลูกค้าไม่น้อย โดยเฉพาะ บางคนเอา Xpander ไปมุ่งมั่นสายแคมป์ ขับไปหางเต๊นท์ทำกิจกรรมในวันว่าง มันก็เลยต้องมีความสามารถทางด้านการลุยสักหน่อย

ขับทดสอบ Mitsubishi Xpander HEV

พอพูดคำว่า “ออฟโรด” ขึ้นมา หลายคนน่าจะไปนึกถึงว่า มันต้องมีความสามารถในการ ปีนป่าน ตะลุยเขาสูงชันอะไรแบบนั้น สิ่งที่ Xpander HEV ให้มา นั้นแตกต่าง พวกเขามองการขับทางลุยแบบ Cross Country สไตล์แรลลี่ ไม่ได้ปีนไต่อะไร

ในตัวรถ จึงมีโหมด สำหรับทางลุย มาแค่ 2 โหมด เท่านั้น คือ

  • Gravel สำหรับใช้งานในทางหินลอย รวมถึง ทางกินลูกรัง ทั่วไป
  • Mud สำหรับทางโคลน ต้องฝ่าอุปสรรคสักหน่อย

สถานีที่เราขับวันนี้ เราเริ่มจากการขับ ด้วยโหมด Normal ตามเส้นทาง จะขับเฉยๆ ตรงๆ มันก็ไม่สนุก ทางทีม จึงออกแบบให้มัน เป็น สลาลอม และโค้ง เพื่อดูการบังคับควบคุมตัวรถ เพิ่มเติมด้วย

ในครึ่งแรก เราขับด้วยโหมด Normal เพื่อดูศักยภาพรถทั่วไป อาการช่วงล่าง ค่อนข้างจะตอบสนองดีในยามทางลุย ยังคงความนิ่มนวลผสานความเฟิร์มรู้สึกมั่นใจ

ถ้าขับตรงๆทางลุย ไม่รู้สึกอะไรเท่าไรนัก จนกระทั่ง เราเริ่มบังคับในการสลาลอม ด้วยความเร็ว 40 ก.ม./ช.ม.​เราจะพบว่า รถออกอาการสไลด์ค่อนข้างมาก จน ถ้าเมียมา อาจจะด่า และ ลูกอาจจะบ่น เพราะ ข้าวของท้ายรถกระจัดจาย

หลังจากเวียนเทียนในวงกลม อีก 2 รอบ ค่อนข้างชัดว่า โหมดธรรมดา ไม่เหมาะกับทางลุย ขับได้ เพียงแค่การควบคุมไม่กระชับตอบสนองดีอย่างที่ควรจะเป็น

ในการขับกลับ เราถูกขอให้ใช้โหมด Gravel , และขอให้ใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นด้วย เพื่องัดเอาประสิทธิภาพออกมา

พอปรับโหมด แค่วนวงกลม อีก 2 รอบ ค่อนชัดเจนว่า การตอบสนองพวงมาลัย มั่นใจขึ้น รวมถึง การทำงานของ ระบบ AYC และ และระบบควบคุมการทรงตัว เหมือนพยายามเก็บข้องอเข่า ให้รถไปดั่งใจผู้ขับขี่

อาการเริ่มชัดขึ้น เมื่อเราขับในสถานีสลาลอม ระบบทำให้ผู้ขับขี่ มั่นใจมากขึ้น จากตอนมา เหมือนขับรถเหวี่ยงแล้วของจะแอบเทกระจาด ครั้งนี้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ใช้ความเร็วได้มากขึ้น มันให้ความรู้สึกถึงความสนุกสนานในการขับขี่เพิ่มขึ้น และการบังคับรถค่อนข้างมั่นใจมากพอสมควร เลี้ยวเร็วได้แบบไม่มีหลุด

จากทางฝุ่น มาสู่ทางสุดหินของรถขับสอง นั่นคือ ทางโคลน

ทางโคลน เป็นสภาพเลวร้ายที่สุดของรถขับสอง เชื่อว่า หลายคน คงเคยไปเที่ยวแล้วสนุกสนานยิ้มร่าเริง แต่ตอนจะกลับ เจอฝนลง จะกลับลงทางฝุ่นเดิมๆ โคตรยากลำบากมหาหิน จนกลายเป็นผู้ประสบภัย โดยปริยาย

ถ้าใครเคยเจอแบบนี้ มิตซูบิชิ บอก พี่มีทางออก นั่นคือ โหมดโคลนนั่นเอง

น่าจะเรียกว่า เป็นรถอเนกประสงค์ MPV รุ่นแรกเลยมั้งที่เจอ ก่อนหน้านี้เคยเห็นในรถยุโรป ยี่ห้อสิงโต จากฝรั่งเศส แล้ว มิตซูบิชิ จะทำได้ดีไหม

ตัวสนามที่เราทดสอบ ก็ไม่ได้ว่าง่ายทีเดียว ทาง มิตซูบิชิ เล่นพรมน้ำ จนมันเริ่มเป็นดินหนังหมู เป็นสถานการณ์ค่อนข้างยากเอาเรื่อง

แม้ว่าเราจะต้องพูดว่า ในความจริง สนามทดสอบ พื้นล่างอาจจะค่อนข้างแข็ง และไม่เท่ากับสถานการณ์จริงที่บางคนอาจเจอ แต่มันก็พอบอกได้

ตอนนี้ในรถเรามีกันทั้งหมด 4 คัน ผมค่อยๆ ย่องลงในด่านวัดใจ โดยเลือกไลน์ที่ยากที่สุด ว่ามันจะไปได้หรือไม่

การติดหล่มโคลน ส่วนใหญ่เกิดจากการหยุดรถในโคลน ผมจึงทดลองหยุดรถ 3 วินาที จากนั้นออกตัว ช่วงแรกออกตัวไม่ได้เนื่องจากโคลนหน้า ซึ่งเป็นปกติ ในสถาานการณ์โคลนลึก

เมื่อออกตัวไม่ได้ ก็เลยเริ่มใช้คันเร่ง เพื่อเอากำลังขับช่วย ปรากฏว่า หลุดออกมาง่ายดาย จนแทบจะพุดว่าง่ายเกินไป

เรื่องนี้ไม่ค่อยแปลกใจ สำหรับผม เพราะตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดสูงในรอบต่ำได้ดี เมื่อบวกกับโหมด ที่ปล่อย ให้ล้อหมุนฟรีได้มากกว่าปกติ เพื่อผ่านอุปสรรคได้ง่าย

แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า ในสถานการณ์จริง การลุยโคลนไม่ใช่ขับมานิดหน่อย บางทีเจอเป้นโคลนเลน ตลอดทางก็มี

ดังนั้น ในสภาวะจริง ระบบจะช่วยได้มากแค่ไหน ก็เป็นคำถามที่น่าสนใจ แต่เอาเป็นว่ามันช่วยลดความเครียด เวลาเจอสถานการณ์ลำบากได้ดี

สรุป Mitsubishi Xpander HEV เปลี่ยนทุกอย่าง สมรรถนะเกินคาด

หลังจากลองขับ Mitsubishi Xpander HEV ผมและ หลายสื่อ มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน ว่ารถมันมีดีกว่าที่คาดพอสมควร

จุดขายหลัก อยู่ที่การนำเสนอสมรรถนะที่ตรงความเป็นรถครอบครัวมากขึ้น นี่อาจไม่ใช่ MPV Full Hybrid รุ่นแรก เพราะมีมาแล้วก่อนหน้านี้ นั่นคือ Toyota Innova Zenix ที่เพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา

หากจุดขายของ Mitsubishi Xpander HEV นั้นอยู่ที่การพัมนาตัวรถให้มีศักยภาพมากขึ้น มีขนาดเหมาะต่อการใช้งาน และยังมีราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตร ด้วยราคาเท่าเดิมกับรุ่นสันดาป สิ่งที่ทางมิตซูบิชิ ได้นิยมในรถคันนี้ คือทำให้มันเป็นรถครอบครัวที่พร้อมทุกด้านในแง่การขับขี่

สิ่งที่มิตซูบิชิคิด ในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ไม่เคยเป็นขอ้กังขา จนกระทั่งคุณเข้ามาดูตัวรถจริงจัง เริ่มเปิดสเป็คดู จะพบว่า เรื่องระบบความปลอดภัย ยังน้อยไปนิด เรื่องระบบความทันสมัย ก็ยังไม่ให้มาแบบจัดเต็ม ถ้าเทียบกับรถในราคาเดียวกัน

นั่น อาจทำให้ หลายคนไปดูรถคันจริงที่โชว์รูม ถ้าไมไ่ด้ขับ แาจรู้สึกว่า มันโล้นไม่ได้โลดโผนอันใด ก็อย่างว่าแหละครับ นี่คือ “รถที่มีไว้ใช้ไม่ได้มีไว้โชว์” จุดขาย ของ Xpander HEV คือการให้ความประหยัด สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีขึ้น มันเป็นรถที่มีดี มีอภินิหารในตัว ถ้าใช้อย่างถูกต้อง และเข้าใจ

เพียงแค่อย่าไปคิดคิดว่ ามันจะมีออพชั่นมาก ถุงลมรอบคัน หรือ ระบบความปลอดภัย อันทันสมัย ลูกค้าของมิตซูบิชิ ส่วนใหญ่ ก็มักเป็นนักขับตัวยง ไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อเพ้อหาออพชั่น

เมื่อผมย้อนถึงสมรรถนะรถ ที่ได้สัมผัสในวันนี้ ต้องยอมรัวว่า นี่คือรถครอบครัว MPV ราคาไม่เกินล้านที่ น่าสนใจอีกคัน 7 ที่นั่ง ไฮบริดประหยัดน้ำมัน ราคาไม่ถึงล้านบาท แถมพร้อมลุยในระดับหนึ่ง ก็เห็นที จะมีเพียงเจ้านี่คันเดียวในตอนนี้

เรื่อง และขับทดสอบ โดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่