สามปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็คกลายเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในฐานะรถเก๋งแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก ที่มีความสดใสห่ที่สุดในตลาด แถมยังได้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ถูกใจลูกค้าวัยรุ่นชาวไทย อย่างมาก

ที่จริง ในบ้านแอดมินบอล ก็มีรถคันนี้เข้าประจำการ ในฐานะตัวตายตัวแทน รถยนต์ใช้งานในเมือง นั่นคือ ก่อนที่เราจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า MG4 มาใช้ ในปีถัดมา

จนในปีนี้ ทางฮอนด้า ตัดสินใจเดินเกมเปิดรุ่นปรับโฉม ตามที่เราคาดการณฺ์ และมันออกมาคุ้มค่ามากกว่าเดิม จนคนที่ใช้รุ่นเก่า อาจจะมีแอบเสียดายเบาๆ

Honda City hatchback turbo

ปรับออพชั่นตามสมควร

การกลับมาในปี 2024 ทางทีมผลิตภัณฑ์ ฮอนด้า ดูจะปรับ เจ้า ซิตี้ 5 ประตู ในแนวทางออพชั่นที่ควรมีในพศ.นี้ เริ่มจากงานออกแบบตัวรถ ที่มาพร้อมกับสไตล์ ที่สปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เป็นแนวทางเดียวกับทีเ่ราเคยเห็นในตอน Honda Civic Hatchback ตอนโฉม FK

จุดที่ปรับเปลี่ยนมีหลายอย่าง เริ่มจาก เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ แม้ว่ามันจะคล้ายเดิม หากดูเส้นสายคมสัน ช่วงไฟตัดหมอกหน้า จะพบว่า มีการปรับงานออกแบบให้มีคมสันมากขึ้น ตอบภาพความสปอร์ต

กรอบไฟตัดหมอกหน้าเปลี่ยนใหม่ ถูกลากยาวให้มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน จนกรอบขอบด้านขวา ต้องทำเป็นสองชิ้น เพราะไปบังจุดใส่หูลาก

ชายด้านล่างปรับปรุงให้มีความลงตัวมากขึ้นเพิ่มเขี้ยวขึ้นมาอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เขี้ยวแหลมขึ้น ไม่รู้จะช่วยเรื่องหลักการอากาศพลศาสตร์ไหม

Honda City hatchback turbo

ที่แน่ๆ ช่องกระจังหน้า ปรับให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เพื่อระบายความร้อนดีขึ้น รวมถึง ปรับตรา RS เป็นแบบใหม่ ที่มีความหล่อเหลาทันสมัยกว่ารุ่นเดิม

ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ปรับจากสีเทากัน หน้าดาร์คโครม มาเป็น สีดำธรรมดา ส่วนตัวมองว่ารุ่นเดิมดูดีกว่า ลายแม็กเหมือนจะหยิบมาจากตัวซีดาน ทีเ่ราคุ้นเคยกันไปก่อนหน้านี้

ชุดล้อไม่ใช่อย่างเดียวที่ถูกปรับปรุงใหม่ ทางฮอนด้า ยังปรับยางให้ลงตัวขึ้น โดยผลัดมาใช้ยางขนาด 185/60/16 จากเดิม 185/55/16 แก้มยางสูงขึ้น น่าจะมีผลต่อการขับขี่อยู่บ้าง โดยเฉพาะความสบายในการขับขี่และการโดยสาร

แอบแปลกใจ ตรง ทางฮอนด้าเปลี่ยนซัพพลาย จากเดิมใช้ยางดี Yokohama AE 50 ในรหัส Blueearth รุ่นนี้ ดันมาใช้ของค่าย Dunlop Enasave รุ่น EC300+ ถ้าเปรียบกัน สำหรับผม ดันลอป ในชื่อชั้นแบรนด์ ด้อยกว่า ทางโยโกฮาม่า

สาเหตุ ที่ทางฮอนด้า ปรับมาใช้ยางรุ่นนี้เข้าใจว่า น่าจะมาจาก คำติ และ ปัญหาที่ผู้ใช้จำนวนหนึ่งพบเจอ ว่า ยางมีอาการแก้มบวมง่าย ส่วนสำคัญ มาจากการตกหลุมกระแทก อย่างรุนแรง แล้วลมยางน่าจะอยู่ในระดับอ่อน จนเกิดความเสียหาย แก่โครงสร้างยาง

นี่น่าจะเป็นเหตุสำคัญ ที่ทำให้ ทางฮอนด้า เปลี่ยน มาใช้ยางดันลอป และ แก้มที่สูงขึ้น เพื่อขจัดปัญหาในการใช้งาน และความกังวลใจของลูกค้า

ในส่วนของด้านข้าง อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาคือ สเกิร์ตข้าง ที่มีการยัดจัดมาให้ ลูกค้าเลยในรุ่นนี้ แนวทางนี้ดูเหมือน จะหยิบมาจากรุ่นพี่ อย่าง ฮอนด้า แอคคอร์ด และ ฮอนด้า ซีวิค ที่ทำใมาในแนวเดียวกัน

การให้สเกิร์ตข้าง ทำให้รถดูเต็มมากขึ้น จนเจ้าของรถคันเก่าเองก็ยังรู้สึกอยากได้มากไว้บ้าง จากเดิมที่ต้อง ติดแต่ง Honda access ตอนนี้ ฮอนด้าให้มาเลย ดีงามไม่น้อย

ทางด้านหลัง กันชน ไฟท้าย เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนจริงๆ คือ ชายกันชนทางด้านล่าง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดิฟฟิวเซอร์เรียบร้อย ดูซิ่งกว่าเดิม ด้วยงานออกแบบเป็นครีบรีดอากาศ อย่างชัดเจน ส่วนจะใช้งานจริงได้มากแค่ไหน นั้น เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน

ภายในก็เปลี่ยนเยอะ

ทางด้านในห้องโดยสาร ใครแวะเวียนไปดูรถที่ฮอนด้า อาจรู้สึกว่า มันเปลี่ยนไม่เยอะมาก แต่ที่จริงแล้ว มันเปลี่ยนเยอะเอาเรื่องเช่นกัน

อย่างแรก เข้ามาที่เราสะดุดตา ที่สุด คือเบาะนั่งหนัง จากเดิมที่ลูกค้าซิตี้หลายคน งง รุ่นท๊อปให้ เบาะผ้า รุ่น SV ได้เบาะหนัง งวดนี้จะว่าเขาไม่ได้แล้ว

เบาะนั่งหนังชุดใหม่ มีการเล่นดอทสีแดง แต่ไม่ใช่ เบาะหนังเจาะรู ดูแล้ว มันก็ให้ความรู้สึกสปอร์ตดี เมื่อรองนั่ง ด้วยวัสดุเนื้อเบาะใหม่ มันก็เลยดูยิ่งน่าใช้มากขึ้น

อย่าไงก็ดี เบาะไม่ใช่อย่างเดียวเท่านั้น ที่เปลี่ยนไป เมื่อมาดูภายในจริงๆ จะพบว่า หน้าจอเรือนไมล์ก็ปรับมาเป็นชุดจอสีเรียบร้อย แถมบอกค่าต่างๆ ได้มากมายชัดแจ้งมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยส่วนสำคัญ คือบอกการทำงานของระบบ Honda Sensing

ไม่เพียงเท่านี้ หน้าจอเครื่องเสียง แม้ว่าจะหน้าตาเดิม จนหลายคนอาจไม่สนใจมันเท่าไร แต่ที่จริง จอนั้นปรับคุณภาพความละเอียดดีขึ้นกว่าก่อนแล้วเรียบร้อย ในหนนี้คุณสามารถมองกล้องถอยหลัง ชัดขึ้น แตทีเด็ดของจอตัวนี้คือ มันมาพร้อม ฟังชั่น Apple Car Play + Android Auto ไร้สาย ซึ่งดีมากๆ ช่วยให้เราสะดวก ต่อการใช้งานมากขึ้น

สมรรถนะ..เพิ่มความปลอดภัย เป็นหัวใจหลัก

ใต้เรือนร่างของ Honda City Turbo RS ใหม่นี้ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตร ให้กำลังขับสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ส่งลงชุดเกียร์ CVT เหมือนเดิม

Honda City hatchback turbo

แม้พลังขับเท่าเดิม แต่อยากบอกว่า เครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ธรรมดา มันปราบเซียนกระบะซิ่งมานักต่อนักจากที่ผมขับใช้งาน แถม ความเร็วปลายยังได้มากถึง 204 ก.ม./ช.ม. ด้วยซ้ำ เรื่องสมรรถนะเท่านี้ถือว่า โอเคแล้ว

ทว่าอย่างที่เรากล่าวไป รุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงขนาดยาง โดยเพิ่มในส่วนของความสูงแก้มยาง จากที่ขับดู ที่ได้ตามมาคือเรื่องการซับแรงสะเทือนที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม ไม่รู้สึกตึงตังเท่าไรนัก แถมยังเก็บจังหวะหลุมเล็กๆ ไม่ให้กระเทือน สะเทือนพุงมากเกินไปด้วย

สำหรับส่วนที่เข้ามาเติมเต็มในรถยนต์ Honda City Hatchback ใหม่ ก็เป็นไปตามคาด คือระบบความปลอดภัย Honda Sensing โดยแพ็คเกจของระบบ เหมือนกับเจ้า Honda WR-V ไม่มีผิดเพี้ยน ได้หลายระบบ ได้แก่

  • ระบบเตือนและป้องกันการชนทางด้านหน้า
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • ระบบป้องกันรถหลุดถนน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ
  • ระบบเตือนรถคันข้างหน้าออกตัว
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ

เท่าที่ลองใช้ก็เรียกว่าตอบสนองเป็นธรรมชาติ แต่ทำงานได้ดี เพียงแต่ จุดอ่อนของระบบนี้ คือการใช้กล้องวีดีโอเพียงตัวเดียว ซึ่งในบางครั้งถ้ากระจกไม่สะอาด มันจะไม่ยอมทำงานให้นั่นเอง

Honda City Hatchback 2024 เปลี่ยนนี้คุ้มขึ้น… ถ้าไม่มอง EV

หลังจากสัมผัส เจ้า Honda City Hatchback ใหม่ ผมยอมรับว่ าในงวดนี้ มีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นในแง่ของความค้มค่ าแถมทุกอย่างที่เราพูดมา ทางฮอนด้า ยังยืนราคาเดิมด้วย

Honda City hatchback turbo

แม้ว่ายุคนี้ ทุกคนจะมองหารถยนต์ประหยัดน้ำมัน แต่ ในเคสของตัวเทอร์โบ มันน่าสนใจ ในฐานะ อีโค่คาร์ 5 ประตู ที่สดใหม่ที่สุดในตลาดวันนี้ แถมยังได้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเพียงรุ่นเดียวด้วย จะใช้งานเดิมๆ ก็ได้ จะไปแต่งต่อมีสูตรมากมาย ให้ได้เล่นกันตามกำลังทรัพย์

การเพิ่มระบบ Honda Sensing มาช่วยให้รถขับปลอดภัยขึ้น แม้ว่าจะเป็นแพ็คเกจชุดเล็ก ก็ยังดีพอต่อการปกป้องชีวิต และมีประโยชน์ในยามต้องเผชิญภัย หรือ เราเหนื่อยอ่อนจากการทำงาน

หลายคนคงถามว่า อะไร จะทำให้เราควรซื้อมัน ในยุคที่ ทุกคนบอกว่า ซื้อ EV สิ

ผมว่า เสน่ห์ ของ City Hatchback Turbo คือ ความสามารถในการขับขี่ ความเร้าใจที่เหมือนใคร และไม่ต้องไปเสี่ยงพาลปวดหัวกับดราม่า หรือ เรื่องราวอะไรที่เราจะต้องเผชิญอย่างการหาจุดชาร์จ เสียเวลา ขับไปเลยเติมน้ำมันอย่างเดียวพอ

อยากไปไหนไป นั่นคือสิ่งที่รถยนต์สันดาปมอบให้คุณได้ เสมอ คือ ความสบายใจ ไร้กังวลในการใช้งาน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่