ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ เรียกว่า มีความคึกคักอย่างมาก หนึ่งในแบรนดื ที่เตรียมมาเปิดตัวในไทย ก็ดูจะไม่พ้น GAC ค่ายรถยนต์จากจีน ที่ยืนยันการทำตลาดในประเทศไทย และในที่สุด ก็เตรียมพร้อมวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในแบรนด์ Aion ในนาม GAC Aion Y Plus

GAC Aion Y Plus

ตัวรถ GAC Aion Y Plus เผยโฉมไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมและทีมงาน Ridebuster จะได้ลองขับ สัมผัสรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการก่อนการเปิดตัว โดยเราไม่ได้รับรถจากทาง GAC Thailand แต่ด้วยความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับทางเครือ ชาริช โฮลดิ้ง หนึ่งในตัวแทนจำหน่าย ในนาม เอไอโอนิค ออโต้ จึงได้รถรุ่นนี้มาสัมผัสสั้นๆ กัน

เจอหน้าค่าตาแรก GAC Aion Y Plus ผมเห็นหลายสื่อขิงว่ามันเป็น SUV ต้องสู้กับ รถอย่าง MG ZS EV หรือ BYD Atto 3 ที่กำลังร้อนแรงในเวลานี้

อาจจะต้องบอกว่า ถ้าคุณเสพอะไรมาก่อนอ่านเรา ขอให้วางทุกอย่างลง แล้วตั้งใจอ่านที่ผมจะเล่าต่อไปนี้

GAC Aion Y Plus

ในมุมมอง จากประสบการณ์ของเรา ตั้งแต่ทำรีวิวรถยนต์มา รถสไตล์เจ้า GAC คันนี้ น่าจะสมควรถูกเรียกว่า MPV มากกว่า ด้วยเหตุผลว่า

  • ระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถไม่สูง เพียง 150 มม. (เท่ากับรถเก๋ง)
  • ทรงรถเป็นกล่องออกแนวทรงตู้
  • ไม่มีส่วนไหนที่บ่งชี้ว่ามันพร้อมลุย
  • มีกระจกหูช้างบานใหญ่ (เอกลักษณ์ MPV)

สไตล์แบบนี้ดูยังไง ก็น่าจะต้องวางว่า มันเป็นรถยนต์ประเภท พ่อบ้านแม่บ้านใช้ ที่เรียกว่า Multi Purpose Vehicle หรือ MPV ที่ปัจจุบัน เริ่มได้รับความสนใจ และกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในวันนี้

มิติตัวรถ

  • ความยาว 4,535 มม.
  • กว้าง 1,870 มม.
  • สูง 1,650 มม.
  • ฐานล้อยาว 2,750 มม.

หากเทียบกับ MPV ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน อาทิ Toyota Innova Zenix จะพบว่า มันสั้นกว่า 225 มม.​ กว้างกว่า 20 มม. เตี้ยกว่า 140 มม. ฐานล้อก็สั้นกว่า100 มม. (เปรียบเทียบด้วยว่าเป็น Compact MPV เหมือนกัน) จริงๆไซส์ของมัน ใกล้เคียง Nissan Livina ในอดีต

เรื่องงานออกแบบต้องบอกว่า ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา รถรุ่นนี้น่าจะถูกใจสาวๆด้วยการแนะนำสีในโทนพาสเทล ที่จะมีสีให้เลือก มากถึง 7 สีด้วยกัน

GAC Aion Y Plus

ตัวรถออกแนวน่ารักมุ่งมิ้ง ยิ่งเข้าไปดูเว็บจีน เรียกว่ายิ่งตอกย้ำว่าลูกค้า เป้าหมายเป็นสาวๆ ไม่ผิดฝาผิดตัว อย่างแน่นอน

ไฟหน้ามาพร้อมงานออกแบบ Angle Wing ส่องสว่างด้วย LED ตรงปีกตรงนี้เป็นในส่วน DRL ช่วยให้การสังเกตในยามกลางวัน

ด้านข้างมอบล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความลงตัวน่าใช้งาน ช่วงซุ้มเติมชิ้นงานซุ้มล้อทำสีเทา มาให้ตัดกับสีตัวรถ

บนหลังคาได้ราวหลังคาทรงเตี้ยมาด้วย และมี ซันรูฟขนาดใหญ่มาให้ ท้ายรถเป็นไฟท้ายแนวยาว ตามสมัยนิยม เป็นเส้นเดียว เพรียวบาง ฝาท้ายเปิดมือ น้ำหนักกำลังพอเหมาะ

รวมๆ งานออกแบบภายนอก จัดว่าเหมือนจะเป็น MPV ที่ดันตนเป็น Crossover เสียอย่างนั้น

ห้องโดยสารสุดล้ำ

ทางด้านในห้องโดยสาร GAC Aion Y Plus นำเสนองานออกแบบมุ่งเน้นความทันสมัยที่สุด ด้วยการมอบโทนชิคๆคูลๆ มากถึง 5 โทนสีสำหรับลูกค้าชาวไทย ให้ Mix& Match ได้ตามใจชอบ เท่าที่เรามีข้อมูล ในเวลานี้

อันที่จริงงานออกแบบภายใน จัดว่าไม่เลวเลย ทาง GAC ใช้จอกลางขนาด 14.6 นิ้ว ในการเชื่อมต่อควบคุมสั่งการ อุปกรณ์ตัวรถบางส่วน เช่นเปิด-ปิด กระจก,​ หลังคาซันรูฟ และอีกมากมาย เท่าที่ลองเล่นใช้งานสะดวก ติดมือไม่ติดขัด ทำงาน

จุดเด่นรถรุ่นนี้อยู่ที่ภายในห้องโดยสาร ตอนหลัง ที่นั่งสบายสุดๆ

การโปรแกรม Interface ส่วนแลกเปลี่ยนผู้ใช้ก็ค่อนข้างง่ายดี เช่นการเปลี่ยนโหมดขับขี่ ทั้งหมด ทำให้ รถคันนี้มีปุ่มน้อยมาก เพราะทุกอย่าง อยู่ในจอหมดแล้ว

ตรงหน้าคนขับมาพร้อมจอ 10.25 นิ้ว แสดงข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการขับขี่ เรื่องการแสดงผล ก็จัดว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร มีทั้ง อัตราการใช้คันเร่ง ความเร็ว และข้อมูลย่อยๆ ด้วยขนาดการแสดงผลใหญ่โตชัดเจนพอสมควร

คอนโซลกลาง เป็น 2 ชั้น ด้านบนเป็นที่วางแก้วน้ำ วางโทรศัพท์ ด้านล่างวางของจุกจิกต่าง ได้ตามต้องการ

ด้านตัวเบาะนั่ง ตอนหน้าค่อนข้างมีขนาดใหญ่ ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า ฝั่งคนนั่งปรับมือตามสะดวก แม่บ้านหลายคนอาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรนัก

เมื่อมาโดยสารตอนหลัง รู้สึกเลยว่าพื้นที่การโดยสารตอนหลัง รถรุ่นนี้ใหญ่มาก อย่างแรกพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง ค่อนข้างเรียบเนียน

แถมเบาะนั่งตอนหลัง มีขนาดเบาะใหญ่ พอสมควร คนไทยไซส์ปกตินั่งได้สบายอย่างแน่นอน ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลใจ ด้วยทรงรถ ทำให้พื้นที่เหนือหัว ,​พื้นที่วางขา ค่อนข้างกว้างขวางพอสมควร

จริงๆรถรุ่นนี้มีลูกเล่นอย่างหนึ่ง สงสัยจะเรียนมาจากฮอนด้า คือ การพับเบาะหน้ามาต่อเบาะหลัง เป็นโซฟาเอนยาว เอาไว้นั่งชิลๆได้ในรถถ้าต้องการ

ในส่วนของพื้นที่สัมภาระท้าย มีขนาดใหญ่ ทางตัวแทนจำหน่าย ยืนยนักับเราว่าสามารถ ใส่ถุงกอล์ฟได้เลย เมื่อวางตามแนวขวางตัวรถ

การขับขี่

ใต้เรือนร่างของ GAC Aion Y Plus เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทย จะมาพร้อมกำลังขับสูงสุด 201 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร

จะว่าไปมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างแปลก เนื่องจากมีแรงม้า มากกว่าแรงบิด คล้ายเครื่องยนต์สันดาป ทำให้เวลาขับเร่งแล้วไม่ปรู๊ดปร๊าดดุดันเกินไปนัก

ความรู้สึกตอนออกถนน ได้ความรู้สึกใกล้เคียงขับรถเครื่องสันดาป 2.5 ลิตร ไม่เร่งแล้วพุ่งเร็วแบบรถสปอร์ต เหมือนที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นชอบเป็นกัน มันออกแนวนิ่มนวล เร่งก็มา ไวทันใจ แต่ไม่ดุดัน เท่าไรนัก เน้นเร่งแล้วเร็วทันใจ ไม่รู้สึก ถูกดึง หรือ กระชากหลังติดเบาะ จนผู้ใหญ่ผวา

ถ้าคิดว่า รถรุ่นนี้จะช้าไม่ทันใจ ต้องคิดใหม่ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม ราวๆ 9 วินาทเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ช้าจนเกินงาม และไม่ได้เร็วแบบรถสปอร์ตแบบที่หลายคนใฝ่หา มันกำลังพอดีๆ

เวลาเหยียบเร่งแซง คือไป ไม่ช้ามาก และไม่เร็วจนน่ากลัว จนกลายเป็นรถขับง่ายคุมง่าย

ตัวรถมีด้วยกันทั้งหมด 4 โหมด คือ Normal, Sport, i Pedal และ Eco

ในโหมด i Pedal คือโหมดการใช้คันเร่งเดียวในการขับขี่เหมาะมากสำหรับลูกค้า ที่ต้องการความสบาย โดยเฉพาะยามรถติด หรือใช้งานในเมือง

พอปรับมาโหมดสปอร์ต การตอบสนองคันเร่งเร็วขึ้น อย่างเห็นได้ชัดเจน มีความดุดิบ หน่วงคันเร่งน้อยลง ขับทันใจมากขึ้น บทจะแซงก็ไปเร็วกว่า การขับโหมดธรรมดา

ในแง่พละกำลัง จึงถือว่าเพียงต่อการใช้งาน ไม่หวือหวา แต่ไม่เชื่อช้าขี้เหร่ แน่นอน

ทางด้านการควบคุม และระบบกันสะเทือน หรือ Handling ต้องบอกว่า ออกไปทาง เฟิร์มนุ่ม

ข่าวดีสำหรับคนมองหารถยนต์ไฟฟ้าบางกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการความสปอร์ตมากมาย และไม่ได้ต้องการรถที่ขับแล้วย้วยเป็นเรือจนหวั่นใจเวลาใช้ความเร็ว เจ้า GAC Aion Y Plus อาจเป็น รถที่คุณมองหา

ยามขับปกติทั่วไป จะมีความนุ่มอยู่พอประมาณ ไม่มากหรือ น้อยจนเกินไป ขับแล้วค่อนไปทางนั่งสบาย การสะเทือนจากช่วงล่างค่อนข้างสบาย แต่ต้องบอกก่อนว่า วันนี้ใช้ความเร็วเดินทางช่วงจังหวะในเมือง ยังไม่มีโอกาส ลองขับทางไกล วิ่งทางยาว

เท่าที่ขับตอนนี้ เปลี่ยนเลนมั่นใจ ซับแรงดี ไม่โยนโคลงตัวมาก พวงมาลัยมีระยะฟรีเล็กน้อย ไม่ถึงกับหลวม ในภาพรวม ช่วงล่างที่คนขับมั่นใจ คนนั่งสบายหลัง

สรุป GAC Aion Y Plus น่าสนใจสำหรับสายพ่อบ้าน เหลือแค่ราคา เท่าไร

ในภาพรวม หลังจากลองขับรถรุ่นนี้ ผมยอมรับว่า ก็น่าสนใจดี ถ้ามองแบบผมว่า มันคือ MPV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

รถเร่งเนียน นั่งสบาย นุ่มแผ่นหลัง ไปได้ทุกโหมดการขับขี่ และมีพื้นที่ในห้องโดยสารพอตัว

เท่าที่ทราบเบื้องต้น รถรุ่นนี้ อาจจะเปิดตัวในราคา 1.1 ล้านบาท ซึ่งถ้าราคานี้ ก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ไม่ถึงกับตลาดแตก ด้วยเป็นแบรนด์น้องใหม่ ในบ้านเรา

ส่วนราคาจะเป็นอย่างที่พูดไหม ต้องรอติดตามครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: