ในบรรดารถยนต์ที่หลายคนต่างจ้องมองท่ามกลางกระแสรถยนต์ใหม่ประจำปี 2018  Ford Ranger Raptor   กลายเป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ด้วยชื่อเสียงตระกูลแรพเตอร์ จากรุ่นสู่รุ่น และวันนี้มันเปิดตัวสู่รถยนต์กระบะขนาดกลางยอดนิยมรุ่นหนึ่งของไทย

การเผยโฉม   Ford Ranger  Raptor   ใหม่ มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลสาบเมืองทองธานี ส่งกระแสรถกระบะสายแรงรุ่นนี้โด่งดังทั่วโลกในการเปิดตัวครั้งนี้

แม้ว่าจะใช้ชื่อว่า   Ford Ranger   แล้วเติมคำว่า   Raptor   ส่งเสียงความแรงให้ความแตกต่างในอารมณ์ความรู้สึก แต่นี่ไม่ใช่การจับ   Ford Ranger  มาแต่งธรรมดาทั่วไป

ทางทีมงาน Ford Performance   เจ้าของผลงานอย่าง   Ford Mustang  และ   Ford Focus  RS  ได้สรรค์สร้างเนรมิตรผลงานชิ้นใหม่ในรถกระบะขนาดกลาง

Ford Ranger Raptor

การพัฒนาเริ่มตั้งแต่เชิงโครงสร้างของตัวรถที่มาพร้อมกับการตอบโจทย์ในการขับขี่ ด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างแชสซีหลักหลายจุด โดยเฉพาะ จุดที่จำเป็นจ้องรับแรงจากระบบช่วงล่างใช้เหล็ที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ เหล็กที่ประกบจนเป็นโครงสร้างเฟรมหลักถูกพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้ครอสเมมเบอร์ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่ารุ่นปกติ ติดตั้งจุดลากยึดตรงเข้ากับแชสซีเผื่อการใช้งานสมบุกสมบัน รวมถึงจุดยึดล้อยางอะไหลถูกพัฒนาเป็นคานพิเศษ เสริมความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างและช่วยยึดยางอะไหล่ให้แน่น แม้ยามขับด้วยความเร็ว

ในโครงสร้างที่พัฒนาขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด Ford   แนะนำเครื่องยนต์ดีเซล   Ford Eco Blue   รุ่นใหม่ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ ทำงานแบบ Sequential  ตอบสนองการขับขี่อย่างเร้าใจด้วยกำลังสูงสุด 213 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร

Ford Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor

 

ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด  ยกตรงมาจากพี่ชาย   Ford F-150 Raptor   ระบบเกียร์อัตโนมัติลูกนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า ‘Live in Drive’ ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้น Paddle Shift เพื่อควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองได้ทุกเมื่อแม้กระทั่งอยู่ในเกียร์ D เพิ่มอำนาจการตอบสนองสูงสุด

Ford Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor

ตลอดจนยังติดตั้งระบบ  Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย ได้แก่

โหมดการขับขี่ทางเรียบ

–           โหมดปกติ – เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

–           โหมดสปอร์ต – ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงไว้เพื่อให้การตอบสนองคันเร่งที่ดีขึ้นอย่างที่ผู้ขับขี่ต้องการ

 

โหมดการขับขี่ออฟโรด

–           โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ – ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้นพร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอัตราการลื่นไถลของล้อรถ

–           โหมดโคลน/ทราย – ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง

–           โหมดหิน – ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ

–           โหมดบาฮา – ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้นและเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

 

ด้านระบบกันสะเทือน  Ford   พัฒนาระบบกันสะเทือนให้กับ   Ford  Ranger Raptor   ใหม่ยกเซท เริ่มจากการริบพื้นฐานช่วงล่างหลังแหนบออกไปแล้วแทนที่ด้วยการเซทติ้ช่วงหลังแบบอิสระพร้อม  Watt Link   ช่วยลดการโยนตัวของรถ

ก่อนจัดการแต่งแต้มรายละเอียดระบบกันสะเทือนให้พร้อมสรรพความสะใจ ด้วยโช๊คอัพทั้ง 4 ต้น จากค่าย   Fox Racing ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง  รวมถึงยังเป็นโช๊คอัพแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่จะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดให้ดียิ่งขึ้น และจะลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนถนนทางเรียบ  ถูกเซทให้ตอบสนองได้ 9 ระดับ ตามสภาวะการขับขี่

Ford Ranger Raptor

แชสซีด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา มาพร้อมปีกนกบนและล่างทำมาจากอลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แข็งแรงทนทานต่อการขับขี่แบบออฟโรดถึงขีดสุด

ตลอดจนระบบเบรกตัวรถยังปรับปรุงตอบโจทย์การขับขี่มากขึ้น ด้วยระบบเบรก 2 พอท ขนาดลูกสูบเบรกใหญ่ถึง 9.5 มม. ทางด้านหน้าพร้อมจานเบรกขนาด 332 มม. หนา 32 มม. ส่วนทางด้านหลังติดตั้งจานเบรกมีครีบระบายความร้อนในตัว (Ventilated disc) ขนาด 332 มม. เช่นกัน แต่มีความหนาเพียง 24 มม.

ทางด้านหน้าตา   Ford Ranger Raptor  ใหม่ ได้อทธิพลการออกแบบส่วนใหญ่มาจาก   Ford F-150 Raptor   หากยังคงเอกลักษณ์ความเป็น  Ranger   ไว้เหมือนเคยไม่ว่าหน้าตาตัวรถ หากเสริมความดุดันในการขับขี่ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมอักษรสีดำเพิ่มความองอาจในแง่ของการออกแบบ  แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ

ส่วนทางแก้มข้างตัวรถถูกปรับขยายรองรับการเสริมสมรรถนะด้วยการยืดระยะระหว่างล้อ( Track)  ออกไปจากเดิมถึง 150 มม. หรือตกข้างละ 75 มม. จนระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ตลอดจนยังพัฒนา ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นอีก 65 มม. เป็น 283 มิลลิเมตร

Ford Ranger Raptor

ส่งให้  Ford   ต้องแก้เกมโป่งล้อทางด้านหน้าด้วยการใช้วัสดุพิเศษใหม่ที่เรียกว่า Sheet Molding Compound  (SMC)  ในการสร้างโป่งแก้มล้อหน้าใหม่ทั้งชิ้น ให้ความเด่นสะดุดตาด้วยขนาดตัวรถที่แข็งแกร่งใหญ่บึกบึนยิ่งขึ้น นอกจานี้ตัวโป่งนี้ยังเจาะช่องระบายอากาศที่ใช้งานได้จริงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์ ทางทีมออกแบบยังใช้เวลาอย่างหนักในการสร้างตัวกระบะด้านหลังใหม่ยกเซท ให้ดูบึกบึนยิ่งขึ้นกว่าเดิม มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร พร้อมฝาท้ายกระบะผ่อนแรง  EZ  Lift Gate   ช่วยผ่อนแรงผู้ใช้ถึง 66%

และเพื่อความลงตัว ประกอบกับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ถูกพัฒนามาเพื่อลุยทุกสภาพพื้นผิวอันสมบุกสมบันแบบต่าง ๆ จึงเลือกใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์โดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ ยางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร แก้มยางมีความแข็งแรงสูงซึ่งเหมาะในการลุยทุกสภาพพื้นผิว ด้วยดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ

โดยเมื่อกล่าวถึงขนาดของ   Ford Ranger Raptor   ตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นในทุกมิติ มาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร

สำหรับภายในห้องโดยสาร   Ford   จัดการใหม่ด้วยการออกแบบภายในให้ดูหรูทันสมัยมากขึ้น   Ford  Ranger Raptor   มาพร้อมเบาะนั่งทรงสปอร์ตเน้นความแน่นโอบกระขับในการขับขี่ หุ้มด้วยวัสดุหนังกลับเพิ่มความมั่นใจและติดอยู่กับที่เมื่อต้องขับดเวยความเร็วสูงหรือบนเสน้ทางออฟโรด

Ford Ranger Raptor

รายละเอียดในก้องโดยสาร Ford Ranger Raptor   งามสง่าทั้งทางด้านความทันสมัย ด้วยระบบเครื่องเสียงใหม่ล่าสุด   Sync 3 รวมถึงยังตอบโจทย์การเชื่อมต่อ การตบแต่งใช้วัสดุโครเมี่ยมผสมการเดินรายละเอียดด้วยด้านสีเงินและวัสดุหนังระดับพรีเมี่ยม

พวงมาลัยตัวรถมาพร้อมปุ่มฟังชั่นในการใช้งานพร้อมขีดกลาง   Center Mark   ช่วยรู้ตำแหน่งพวงมาลัยที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ระหว่างขับด้วยความเร็วสูง

Ford Ranger Raptor

Ford   เปิดเผยว่า   Ford Ranger Raptor   พร้อมวางจำหน่ายทั้งสิ้น  6 สีด้วยกัน  ได้แก่ ได้แก่ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ที่โดดเด่น โดยตัดกับสีเทาไดโน่ เกรย์ (Dyno Grey) เพื่อขับให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งราคาจำหน่ายรถรุ่นนี้ออกมา อย่างเป็นทางการ แต่ทางฟอร์ดประเทศไทยได้เคยยืนยันว่าจะนำรถรุ่นนี้เข้ามาขายแน่ในไทย 

อ่านรีวิว   Ford Ranger Raptor   ฉบับขับจริงในไทยได้ที่นี่ 

ล่าสุด   #Ford  เผยราคาอย่างเป็นทางการในไทย ขายราคา 1,699,000 บาท 

และท่านสามารถชมภาพ   Ford Ranger Raptor   เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”472″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]



 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่